การท่องเที่ยวไทยยังอยู่ในสภาวะเปราะบาง...ถดถอย งานวิจัยเรื่อง “อนาคตการท่องเที่ยวไทย” โดย รศ.ดร.บัณฑิต ชัยวิชญชาติ สะท้อนว่า วิกฤตการณ์ “โควิด-19” ทำให้การท่องเที่ยวประเทศไทยหยุดชะงักลงทันทีและเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มของระดับการพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวสูงขึ้นประเด็นน่าสนใจมีว่า...“การท่องเที่ยวไทย” ขาดความสมดุลด้านการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน รายได้มากกว่าร้อยละ 85 ตกอยู่ในกรุงเทพฯ เมืองท่องเที่ยวหลักและปริมณฑล มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นรายได้การท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในจังหวัดท่องเที่ยวรองปัญหาสำคัญคือการเติบโตแบบไม่ยั่งยืนและเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวิกฤติโควิด-19 ทำให้เห็นภาพความเปราะบางที่ชัดเจนขึ้น อนาคตควรลดความเปราะบางด้วยการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างสาขาการผลิตในประเทศให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น...การเพิ่มผลิตภาพของแรงงานในภาคการท่องเที่ยวมากกว่าการใช้ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร เน้นการขยายตัวแบบกระจายเป็นหลัก ควบคู่ไปกับส่งเสริมความยั่งยืนควบคู่ไปกับการสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองรอง เส้นทางการท่องเที่ยว บวกกับการใช้เอกลักษณ์ความเป็นไทยที่มีความเป็นสากลเป็นจุดขายหลัก ผลักดันการพัฒนาการท่องเที่ยวประเทศไทย อย่าลืมบทเรียนสำคัญ...การท่องเที่ยวไทยจากอดีต “ขยายตัวจากปริมาณ พึ่งพาจำนวนมากกว่าคุณภาพ...พึ่งพาต่างชาติ ผลิตภาพต่ำ ไม่เท่าเทียมสูง กระจุกตัวด้านอุปสงค์ต่อการท่องเที่ยว ส่วนรั่วไหล... ระดับการพัฒนาแตกต่างกันมากและความยั่งยืนของการท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดลง”งานวิจัยนี้ถูกนำเสนอไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาในงานสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ประจำปี 2564 ภายใต้ธีม “ผลกระทบเชิงจิตใจและภาคการท่องเที่ยวไทยภายใต้ COVID-19” จัดโดยภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พลิกแฟ้มข้อมูล “ท่องเที่ยวไทย” ฉบับผู้ประกอบการ กราฟแสดงสถิติต่างชาติเที่ยวบ้านเราตลอดหกทศวรรษผ่านมา มีแต่สูงขึ้นถึงปี 2562 ตัวเลขพุ่งปรี๊ด 40 ล้านคน เสกนักลงทุนแข่งลงทุนกันยกใหญ่...ชนิดเอาช้างมาฉุดก็ไม่ยอม จนวันนี้เรามีแรงงานบริการท่องเที่ยว 4.7 ล้านคนทั่วประเทศ จากทั่วโลก 120 ล้านคนพอปี 2563...ถูกไวรัส “โควิด–19” ฉุดกราฟปักหัวลงเหลือ 6.69 ล้านคน หายไป 83.24% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า...ส่วนไทยเที่ยวไทยพอจะเดินต่อไปได้ 97.74 ล้านคนต่อครั้ง ก็หายจ๋อมไป 47.47% ถึงช่วงก่อนส่งท้ายปีหนูรับฉลูวัว...ฮีโร่ไทยในสายตาโลกถูกระบาดซ้ำระลอกใหม่ จากคลัสเตอร์บ่อนพนัน...แรงงานต่างด้าวส่งผลให้คนไทยทั้งประเทศต้องรับกรรม เพราะถูกคุมเข้มอีกครั้งขยับตัวแทบไม่ได้ ไม่วาย...เกิดคลัสเตอร์ดีเจหนุ่มจัดปาร์ตี้วันเกิด เป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์แพร่เชื้อ และปาร์ตี้ “กกน.” บวกปาร์ตี้กินแชร์มหาสารคามบรรยากาศท่องเที่ยวที่ลำพังหาเงาต่างชาติไม่เจอ จึงต้องพึ่งไทยเที่ยวไทยซึ่งได้ผลแค่ 20% กลับถูกทุบหนักขึ้นไปอีก...แรงงานซึ่งสลบไปยกแรกล้านคน ยกสองเพิ่มเป็น 2 ล้านคน ที่เหลือจำทนถูกลดค่าจ้าง หรือโชคดีหน่อยก็แค่สลับวันทำงาน วิบากกรรมนี้...“ไพรเวทเซ็คเตอร์ท่องเที่ยว” หลายฝ่ายพร้อมติดเครื่องยนต์เดินหน้าหนี?ฟากฝั่ง สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) จึงพยายามจี้รัฐฯตั้ง “ธนาคารแรงงานท่องเที่ยว (Tourism Labor Bank)” รับฝากแรงงานมีทักษะมากประสบการณ์ที่ถูกเลิกจ้าง เก็บใส่บัญชีไว้ถอนกลับมาอีกทีเมื่อสถานการณ์เดินหน้าต่อไปได้ด้านสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ก็มีแนวคิดตรงกับ สทท. คือ...สะกิดรัฐฯสนับสนุนโครงการ “โค-เพย์” ให้แรงงานเดือนละ 15,000 บาทต่อคน โดยจ่าย “คนละครึ่ง” ระหว่างรัฐกับเจ้าของ เพื่อออมแรงงานกับกิจการไว้ก่อนชิง “ถอดใจ” ปิดชั่วคราว–ถาวร หรือ “เผาจริง-เผาปลอม?”เหลียวหลังมาดู สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) มองว่า เมื่อทั่วโลกมีผู้ได้รับวัคซีนแล้วราว 200 ล้านคน ไทยก็ควรเปิดรับเขาเหล่านั้นมาเที่ยว จะได้คลายปมวิกฤติเศรษฐกิจรุนแรง โมเมนต์นี้...ดูละเอียดอ่อนเกินปักธงสนับสนุนทางความคิด ด้วยไม่สามารถคาดเดาได้ว่าประเทศใดพร้อมให้คนของตนเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศ...และแน่ใจหรือว่า เขาเหล่านั้นมี “เป๋าตังค์” มากพอต่อการมาเที่ยว...อะเมซิ่ง ไทยแลนด์? อย่างไรก็ตาม...ถึงประตูท่องเที่ยวเราจะถูก “ปิดตาย” ทั้งตลาดในและนอกทว่า...การต่อสู้สุดเฮือกก็ฉายให้เห็นอยู่บ้าง จากเจ้าของแหล่งท่องเที่ยวแมนเมดกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ยอมรับ วิกฤติโควิด-19 สองกระทอกส่งผลกระทบใหญ่หลวง แต่ทางออกคือการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ต่อการพัฒนาโปรดักส์เตรียมรับกับตลาดอนาคต“เอาเวลาปลอดคนมาเร่งสร้างสิ่งใหม่ๆ อย่างเราก็สร้างโรงแรมอารยสถาปัตย์ เฟรนลี่ ดีไซน์ รับคนพิการวีลแชร์ 44 ห้อง ทุกห้องออกแบบตกแต่งให้เหมาะกับคนกลุ่มนี้ แล้วยังมีสระว่ายน้ำพร้อมอุปกรณ์ช่วยให้พวกเขาลงไปแช่เล่นได้เหมือนคนปกติ”สวนนงนุชฯเป็นแหล่งเลี้ยงช้างกว่า 90 เชือก จึงดึงวิถีส่วนนั้นมาเป็นงานประติมากรรมปูนปั้นรูปช้างสูง 10 เมตร ลำตัวยาว 16 เมตร ให้คนลอดใต้ท้องตามคติโบราณด้านสิริมงคล...และได้เพาะขยายพันธุ์ “มะพร้าวก้นสาว” หรือมะพร้าวแฝด มะพร้าวทะเล พืชตระกูลปาล์มจากปาปัวนิวกินี จนให้ผลเป็นโปรดักส์ใหม่พร้อมขายทำเงิน ประเด็นสำคัญคือ...ทุกอย่างใช้วัสดุอุปกรณ์และบุคลากรของสวน ประหยัดงบฯลงทุน พนักงานพันกว่าคนก็ไม่มีการปลดลดจำนวน ช่วง “ไทยเที่ยวไทย” ได้ส่งเสริมคนทั่วประเทศสลับมาเที่ยวฟรีไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู 200 บาท รับคนครั้งละ 6 จังหวัดจนครบ 77 จังหวัดเป็นรอบที่สองแล้วก็กลับมาเริ่มต้นใหม่กับ...คนชลบุรี ระยอง หลังลดระดับการควบคุมจากสีแดงเป็นสีส้ม แน่นอนว่าการทำตลาดวิธีนี้ได้ผลในแง่การรับรู้ ตามกระแสไวรัลปากต่อปากจากคนมาเที่ยว“คนมาเที่ยวยังมีโอกาสเลือกซื้อผักออร์แกนิกสดจากสวน ไปปรุงอาหาร มีผักสลัดกรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เรดปัตตาเวีย เรดคอรัล เรดมินิคอส บัตเตอร์เฮด กวางตุ้งฮ่องเต้ และผลิตภัณฑ์แบรนด์สวนนงนุชฯอื่นๆอีกมากมาย”ทั้งหมดขายในราคาโปรโมชัน เพื่อนำรายได้มาเป็นส่วนหนึ่งสำหรับจ่ายค่าจ้างพนักงานทั้งหมด...ในยามทุกข์ยากขณะนี้พลิกมาสู่โหมดภาครัฐฯ...การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขายฝันผ่านสื่อ...ปีนี้ท่องเที่ยวจะมีรายได้...อื้อหือ! 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีหนูบักโกรก 44% ใกล้เคียงปี 2544...โดยจะทำตลาดฮาร์ดเซล ตั้งแต่ มี.ค.-เม.ย.ที่จะถึงเพื่อหวังผลในไตรมาส 3 ปลายปี จากตลาดยุโรป-อเมริกา ด้วยเป้ารายได้ 500,000 ล้านบาทตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี นั้นตามมาทีหลัง...ส่วนไทย 120 ล้านคนต่อครั้ง ปั้นรายได้ 700,000 ล้านบาท...ฝันยังไกลต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ที่จะเชื่อดีหรือไม่ว่า...กับฝันที่จะฟันรายได้สูงถึง 2.5 ล้านล้านบาท?สถานการณ์เช่นนี้ กูรู ตลาดท่องเที่ยว ฟันธงว่าได้ 5 ล้านคนก็เก่งแล้ว ทั้งนี้...มาเลเซียต้องปล่อยคนมาเที่ยว จีนก็เช่นกัน แล้วไทย พร้อมไหมจะรับทัวร์อินเดีย?...ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีวัคซีนแล้ว“วันนี้...ประเมินสถานการณ์ตลาดได้ยากมาก คงไม่เหมาะกับช่วงเวลาทำฮาร์ดเซล สำคัญอีกอย่างการนำงบประมาณมาใช้ต้องระมัดระวังอย่างมาก ทางที่ดีค่อยเป็นค่อยไปจนแน่ใจแล้วถึงส่งเสริมให้ท่องเที่ยวไทยกลับมาปังสีสันสดใสจะดีกว่า...การเหมาคิดพยากรณ์ขายฝัน”.