สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สงครามไซเบอร์ได้ปะทุขึ้นในเมียนมาเมื่อแฮกเกอร์กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “แฮกเกอร์เมียนมา” โจมตีเว็บไซต์ของรัฐบาลหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงธนาคารกลาง สถานีโทรทัศน์ MRTV ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลเมียนมา การท่าเรือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เมื่อวันที่ 18 ก.พ. หลังจากการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตลดลงอย่างรุนแรงเป็นคืนที่ 4 ติดต่อกัน เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ตามข้อมูลของ NetBlocks กลุ่มที่ตรวจสอบการหยุดทำงานของอินเตอร์เน็ตทั่วโลก กล่าวว่า การเชื่อมต่อลดลงเหลือเพียง 21% ของระดับปกติ ขณะที่นายแมตต์ วอร์เรน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จากมหาวิทยาลัย RMIT ของออสเตรเลีย กล่าวว่าการแฮ็กน่าจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดความสนใจของสาธารณชน แม้จะมีผลกระทบน้อยก็ตามประชาชนชาวเมียนมายังคงออกมาประท้วงตามท้องถนนทั่วเมียนมาอย่างสงบ ที่ย่างกุ้ง ผู้ประท้วงนำรถยนต์ ยานพาหนะมาปิดกั้นถนนโดยเปิดฝากระโปรงไว้และแสร้งทำเป็นว่ารถเสียติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหยุดกองกำลังรักษาความปลอดภัยไม่ให้เคลื่อนที่รอบเมืองได้โดยสะดวก นอกจากนี้ ฝูงชนจำนวนมากยังรวมตัวที่เจดีย์สุเล ย่านใจกลางเมือง ขณะที่ผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งกระจายตัวไปยังบริเวณสี่แยกใกล้กับมหาวิทยาลัย ส่วนในพุกามเมืองหลวงเก่า ผู้ประท้วงบางคนได้หยุดแวะที่วัดแห่งหนึ่งเพื่อสาปแช่งเผด็จการทหารส่วนในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ความตึงเครียดปะทุขึ้นในชั่วข้ามคืนเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและกองทัพได้สลายผู้ประท้วงที่ปิดกั้นทางรถไฟ สมาชิกของหน่วยบริการฉุกเฉินอ้างว่ากองกำลังรักษาความปลอดภัยเปิดฉากยิงใส่ฝูงชนโดยไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกระสุนยางหรือกระสุนจริง คนขับรถไฟ 4 คนที่เข้าร่วมอารยะขัดขืนถูกจับและนำตัวไปเมืองมิตจีนา ทางตอนเหนือ ตามรายงานของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) ในย่างกุ้ง และยังรายงานว่ามีการจับกุมมากกว่า 500 คนในช่วงเช้าตรู่ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ 11 คน ถูกจับเนื่องจากมีส่วนร่วมในการชุมนุมประท้วง เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ามีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 50 นาย ถูกควบคุมตัวในช่วง 4 วันที่ผ่านมานับแต่การรัฐประหาร แม้ว่ากองทัพจะเรียกร้องให้ข้าราชการกลับไปทำงานตามหน้าที่และขู่ว่าจะมีการลงโทษหากละเลย สถานีโทรทัศน์ช่อง MRTV ยังประกาศการออกหมายจับนักแสดง ผู้สร้างภาพยนตร์ และนักร้อง หลายคนโดยกล่าวหาว่าใช้ความมีชื่อเสียงในการปลุกระดมให้มีการประท้วง ซึ่งข้อหาดังกล่าวมีโทษจำคุก 2 ปี.