เฟซบุ๊กของท่านอาจารย์หมอ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล แห่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อ 2 วันก่อน ทำให้แฟนคลับของท่านผู้ว่าฯสมุทรสาคร วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ยิ้มอย่างมีความสุขไปตามๆกันเมื่ออาจารย์หมอที่ดูแลอาการป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ของท่านผู้ว่าฯ มาตั้งแต่ต้นได้โพสต์ข้อความล่าสุดสรุปว่า เมื่อวันวาเลนไทน์ ที่ผ่านมา พ่อเมืองสมุทรสาครอาการดีขึ้นมากเหมือนปาฏิหาริย์ยิ้มได้ วาดภาพดอกกุหลาบให้กับศรีภริยาของท่านได้ทำให้คณะแพทย์เกิดความหวังและมั่นใจว่าศึกครั้งนี้หมอชนะแน่...จึงขอตั้งชื่อปฏิบัติการขั้นต่อไปว่า...“คืนปูสู่สาคร”พอดีผมลงไปค้นหนังสือพ็อกเกตบุ๊กที่ท่านผู้ว่าฯ เขียนและส่งมาให้ผมเมื่อปีใหม่ปีกลาย (2563) ซึ่งผมส่งให้ห้องสมุดไทยรัฐไปแล้ว...ขอยืมกลับมาอ่านอีกครั้งท่านตั้งหนังสือเล่มนี้ว่า “ทุกที่...คือที่ทำงาน” ใช้นามปากกา “สักระวี ศรีแสงธรรม” แต่ลงภาพวาดใบหน้าเปื้อนยิ้มของท่านไว้เต็มแผ่นปกเห็นปุ๊บก็รู้ว่านี่คือภาพของท่านผู้ว่าฯวีระศักดิ์ในหนังสือเขียนเล่าเป็นตอนๆ เหมือนเขียนคอลัมน์เบาๆ ให้อ่านกันสนุกๆว่าด้วยการทำงานของท่านที่จังหวัดศรีสะเกษ แต่จัดพิมพ์ขึ้นที่สมุทรสาครหลังเดินทางมาได้ประมาณ 3 เดือนจึงยังไม่มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับสมุทรสาคร มีแค่ในคำนำที่ท่านเขียนพาดพิงถึงเอาไว้หน่อยหนึ่งว่า“จากศรีสะเกษสู่สมุทรสาคร จึงเป็นการเดินทางไกลอีกครั้ง เพื่อนำไปสู่ปัญหาหน้าใหม่รูปแบบใหม่ ส่วนจะดีกว่าหรือไม่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะข้าราชการที่ดีต้องยอมรับการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาที่ยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก”จากบทแรกที่เปรียบเสมือนบทนำ ผมอ่านบทอื่นๆต่ออย่างมีความสุขอย่างสนุกและได้ความรู้ไปจนจบเล่มผมไม่มีเนื้อที่พอสำหรับเรื่องอื่นๆ ขอมุ่งไปที่เรื่องสุดท้ายที่ท่านเขียนถึงศรีภรรยาของท่านที่ป่วยโควิด-19 และหายเรียบร้อยก็แล้วกันท่านตั้งชื่อบทนี้ว่า “โลกจะเล็กหรือกว้างแต่คนหลังบ้านสำคัญที่สุด” และเกริ่นไว้ตอนต้นของบทนี้ว่าหนังสือทุกๆเล่มที่ท่านเขียนจะมีเรื่องของคนในครอบครัวของท่านอยู่ตลอด หมายถึงภรรยา (คุณอ่อน) และลูกๆทั้ง 4 คน (น้ำหวาน น้ำผึ้ง น้ำทิพย์ และน้ำมนต์)“ตลอดชีวิตของการร่วมทุกข์ร่วมสุขพวกเธอเหล่านี้อยู่เคียงข้างผมเรื่อยมา ในวันที่ป่วย ในวันที่ทุกข์ใจ ในวันที่มีความสุขก็ยังมีเรา”ท่านเขียนถึง “คุณอ่อน” ศรีภรรยาของท่านตอนหนึ่งว่า“ในห้วงชีวิตของการทำงานผู้หญิงที่ชื่อ อ่อน นอกจากทำหน้าที่ “แม่ของลูก” แล้วเธอยังเป็นผู้ที่ทำหน้าที่คอยแบ่งเบาภารกิจราชการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการบรรเทาทุกข์พี่น้องราษฎรในฐานะนายกเหล่ากาชาดจังหวัด และประธานแม่บ้านมหาดไทยในการทำงานเธอและคณะใส่หัวใจลงไปในงานที่ทำเสมอ บางอย่างอาจได้ดังหวังที่ต้องการ บางอย่างอาจได้แค่ 80 หรือ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ทุกอย่างเธอและคณะใส่หัวใจลงไปในงานให้ผู้คนเต็มร้อยนึกขำเสมอเวลาเธอห้ามปรามไม่ให้ผมทำงานมาก ดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพตนเองต้องมาก่อน...แต่เวลางานของเธอเธอกลับทุ่มเทมากกว่าผมหลายเท่าตัว”และ 2 ย่อหน้าสุดท้ายของบทนี้ท่านสรุปว่า“ครั้งหนึ่งผมเข้า กทม. ไปงานด้วยกันได้มีโอกาสขึ้นบนดาดฟ้าโรงแรมมองลงมาเมืองหลวงที่ว่าใหญ่แสนใหญ่ แต่สายตาที่มองเห็นกลับเล็กกระจ้อยร่อยนัก”“นับประสาอะไรกับคนเรา สูงสุดย่อมต่ำสุดได้เช่นกัน คนข้างเคียง จึงสำคัญ เพราะตำแหน่งจะเล็กหรือใหญ่ เธอยังอยู่ที่เดิม เหมือนเดิม”เชื่อละครับว่าท่านผู้ว่าฯรักศรีภรรยาของท่านจริง ถึงขนาดวาดรูป ดอกกุหลาบเมื่อวันวาเลนไทน์ดังที่คุณหมอโพสต์ไว้ และก็เชื่อละครับว่า ทำไม “คุณอ่อน” จึงติดโควิด-19 ด้วย เป็นเพราะเคียงบ่าเคียงไหล่สามีลุยงานเพื่อชาวบ้านเช่นนี้เองขอให้ยุทธการ “คืนปูสู่สาคร” ของศิริราช ประสบความสำเร็จด้วยดีด้วยเถิด ท่านผู้ว่าฯปูและนายกเหล่ากาชาดฯ จะได้กลับไปทำงานให้ ชาวสมุทรสาครอีกปีเศษๆก่อนเกษียณอายุ 30 ก.ย.2565หนังสือเล่มหน้าจะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดีครับท่านผู้ว่าฯ?“ซูม”