การเพิ่มขึ้นของอัตราการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา จากการระบาดของโควิด–19 ที่ทำให้ผู้คนต้องกักตัว ลดการสังสรรค์ และกิจกรรมรื่นเริง ที่ทำให้เกิดจากความรู้สึกโดดเดี่ยว สิ่งนี้สร้างความกังวลทำให้นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูกะ ของญี่ปุ่นไม่น้อยไปกว่าการรับมือการระบาดของโรคร้ายและความท้าทายในการกอบกู้เศรษฐกิจ นายเทตสุชิ ซากาโมโต ได้รับการแต่งตั้งให้รับภาระสำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพใจชาวอาทิตย์อุทัยให้เข้มแข็ง เป็น “รัฐมนตรีกระทรวงความเหงา” หาแนวทางและมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ที่รู้สึกโดดเดี่ยว ช่วงสัปดาห์ก่อนในอดีตญี่ปุ่นเคยมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อจัดการปัญหาทางสุขภาพจิตของประชาชน อย่างเช่น “ฮิคิโคโมริ” หรือผู้ที่อยู่อย่างสันโดษ ปิดกั้นตัวเอง ไม่พบปะผู้คน ไม่ออกจากบ้านนานหลายปี รวมถึงการเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว นายกรัฐมนตรีซูกะได้กล่าวว่า “ผู้หญิงมีความทุกข์ทรมานจากการโดดเดี่ยวมากกว่าผู้ชายและอัตราการฆ่าตัวตายก็มีแนวโน้มสูงขึ้น หวังว่าซากาโมโตจะสามารถระบุปัญหาและส่งเสริมมาตรการเชิงนโยบายอย่างครอบคลุมได้” ส่วนซากาโมโตก็กล่าวว่า “หวังว่าจะส่งเสริมกิจกรรมที่ป้องกันความเหงาและความโดดเดี่ยวทางสังคมและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน” ยังตั้งข้อสังเกตว่าการระบาดของโควิด-19 ลดโอกาสในการติดต่อกันของผู้คน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงทางสังคมรัฐมนตรีจะประสานงานกับหลายหน่วยงาน เช่น การป้องกันการฆ่าตัวตายการดูแลผู้สูงอายุ และความยากจนของเด็ก เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ครอบคลุมในการแก้ไขปัญหา จะมีการจัดเวทีประชุมในช่วงปลายเดือน ก.พ. เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ทรมานจากการแยกตัวและความโดดเดี่ยวอัตราการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นลดลงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่เมื่อปีที่แล้วกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย 20,919 คนในปี 2563 เพิ่มขึ้น 3.7% จากปีก่อน ขณะที่มีผู้เสียชีวิต 3,459 ราย จากโควิด–19 ในช่วงเดียวกันญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศแรกที่มีรัฐมนตรีจัดการกับปัญหาความเหงา ในปี 2561 นางเทเรซา เมย์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ขยายความรับผิดชอบของรัฐมนตรีกระทรวงกีฬา โดยเปลี่ยนชื่อเป็น รัฐมนตรีกระทรวงกีฬา ประชาสังคมและความเหงา ที่เธอระบุว่าเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่ร้ายแรงที่สุดที่เผชิญกับสังคมอังกฤษ.อมรดา พงศ์อุทัย