“ประยุทธ์” โชว์เก๋าแนะ รมต.เป้าเชือดไม่ต้องเครียด ยิ้มไว้เมื่อภัยมา สั่งช่วยนายกฯ แจงด้วย ฮึ่มรับผิดชอบร่วมทุกพรรคต้องคะแนนใกล้กัน ขู่มีปัญหาจะพิจารณารายพรรค โยนสภาฯชี้ขาดควรหรือไม่พูดเรื่องสถาบันฯ “ชวน” เชื่อมั่นคุมได้เกมป่วน ให้ฝ่ายค้านถล่มจนครบ 42 ชั่วโมงค่อยลงมติ พท.ป้อนข้อมูลจากตู้ต้านโกงส่งทีมเชือด “วรวัจน์” แย้มมีแฉขบวนการส่วยผูกขาด เครือข่ายประมูลธุรกิจสีเทา สีดำ “บิ๊ก ป.” เอี่ยวส่วยบ่อนต้นตอแพร่โควิด 255 อาจารย์เข้าชื่อขอศาลปล่อยตัว 4 แกนนำราษฎรหวั่นถูกขังลืม ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องไม่ให้ประกัน ชี้พฤติการณ์จำเลยกระทำเป็นกลุ่มอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายพรรคเพื่อไทยผนึกกำลังทั้งในและนอกสภาฯ เพื่อพิสูจน์ผลงานการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลท่ามกลางกระแสข่าวมีการฮั้วส่งข้อมูลไปให้ฝ่ายรัฐบาล พท.ไขตู้ต้านโกงส่งข้อมูลทีมเชือดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ก.พ. ที่พรรคเพื่อไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานตู้ต้านโกง แถลงว่า “ตู้ต้านโกง” รับเรื่องร้องเรียนทุจริตได้ข้อมูลลับจำนวนมาก หลายเรื่องเกี่ยวกับเครือข่ายธุรกิจสีเทา สีดำ เกี่ยวพันรัฐบาลทั้งรัฐมนตรี ข้าราชการ ตำรวจ และทหาร เอื้อประโยชน์กันเป็นระบบ จะส่งต่อให้ ส.ส.เพื่อไทย นำไปใช้อภิปราย บางเรื่องเป็นตัวอย่างกลวิธีรับส่วยอาจเกี่ยวพันกับรัฐบาลว่าหลังปี 2557 เป็นต้นมามีการจัดรูปแบบขบวนการรับส่วยเป็นระบบผูกขาด เป็นระบบประมูลทำธุรกิจสีเทา สีดำ เอื้อกันตั้งแต่การแต่งตั้งโยกย้าย การช่วยเหลือปัดเป่าคดี มีมากแม้จับกุมได้แต่คดีไม่คืบหน้า มักถูกเป่าหายด้วยวิธีพิเศษ อาทิ การจับกุมยาเสพติด 1.5 ตันตั้งแต่ปี 2562 แต่คดีเงียบหายจนนายตำรวจใหญ่ ต้องทวงถามจนเป็นข่าวดังมาแล้วแฉ “บิ๊ก ป.” รับส่วยบ่อนแพร่โควิด“เรื่องสำคัญที่สุด ต้นตอระบาดโควิด-19 ระลอกสอง นายกฯในฐานะกำกับดูแลตำรวจและทหาร ตั้งใจรับฟังให้ดีๆเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ผู้ให้ข้อมูลแจ้งว่าส่วยนี้ถูกส่งไปถึง “บิ๊ก ป.ปลา” คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ขบวนการนี้เกี่ยวพันตั้งแต่ทำให้เกิดการแก้กฎหมายเอื้อประโยชน์กัน การแต่งตั้งโยกย้ายหมุนเวียนการประมูลการค้าส่วย ทำให้เกิดการระบาดโควิด-19 ไปทั้งประเทศ ขอฝากประชาชนจับตา ส.ส.ในพื้นที่ให้ดีคนใดยกมือไว้วางใจให้รัฐมนตรีในขบวนการแสวงหาผลประโยชน์ครั้งนี้ ขอให้ประกาศว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะไม่เลือกกลับมาอีก” นายวรวัจน์กล่าวขึ้นบัญชี 5 รมต.ส่ง ป.ป.ช.เชือดต่อนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะอภิปรายต้นเหตุการระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ให้ ส.ส.หลายคนเห็นคล้อยกับเรา แม้มือในสภาฯสู้ไม่ได้แต่จะส่งเรื่องไป ป.ป.ช. 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มพบความผิดตามข้อกล่าวหา ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมร้ายแรง ถ้า ป.ป.ช.ชี้มูลจะส่งต่อไปยังศาลฎีกาปกติ 2.กลุ่มที่ทำผิด ทุจริต ทำผิดกฎหมาย แสวงหาผลประโยชน์ชัดเจน จะส่งไปยัง ป.ป.ช. ถ้าชี้มูลจะส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คาดว่าหลังการอภิปรายจบลงมีรัฐมนตรี 4-5 คนเข้าข่ายความผิดนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ครั้งนี้เน้นการทุจริตทั้งที่มีใบเสร็จและการทุจริตเชิงนโยบาย การใช้งบฯไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ให้เอกชนจนบริษัทเจ้าสัวผูกขาดธุรกิจ ร่ำรวย รัฐบาลกลัวมากจนเล่นนอกเกมนอกกติกา เหมือนวัวสันหลังหวะ แค่อีกาบินผ่านก็พยายามล้มกระบวนการตรวจสอบของสภาแล้ว หรี่ตาปล่อยลิ่วล้อบางคนออกมาล้มอภิปรายยื่นญัตติด่วนให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความญัตติฝ่ายค้านบิ๊กเพื่อไทย “จ.” ตื๊อล้วงตับมือซักฟอกผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยถึงความเคลื่อนไหวเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ผู้อภิปรายที่วางตัวไว้ 15 คน ส่วนใหญ่ยังขอสงวนสิทธิ์ไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญประกอบการอภิปราย เกรงว่าข้อสอบจะรั่ว อย่างไรก็ตาม ได้มีแกนนำหญิงพรรคเพื่อไทยชื่อย่อ “จ” ประสาน ส.ส.ผู้อภิปรายของพรรคบางคน เพื่อขอข้อมูลที่จะใช้อภิปราย ให้เหตุผลว่าต้องการข้อมูลเพื่อพรรคจะได้นำไปจัดทำสไลด์ให้ เมื่อ ส.ส.ที่ถูกร้องขอข้อมูลปฏิเสธ ระบุว่ามีทีมงานทำให้แล้ว ยังพยายามรบเร้าขอเนื้อหา เป็นที่วิจารณ์ต้องการข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจล่วงหน้าเพื่ออะไรกันแน่ช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนยังเป็นนายหน้าประสานรัฐมนตรีเป้าซักฟอกพบปะกับ ส.ส.ผู้อภิปรายรัฐมนตรี ใช้บ้านตัวเองเป็นสถานที่พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลการอภิปรายระหว่างกัน พร้อมทั้งมีการเสนอผลประโยชน์บางอย่างให้ลดดีกรีการอภิปราย ไม่ให้รุนแรงจนเกินไป โดยแกนนำคนนี้ยังประสานจองห้องประชุมในสภา ตลอดช่วงการอภิปรายฯตั้งเป็นวอร์รูม กำกับการอภิปรายให้เป็นไปตามที่ตกลงกันทั้งที่ไม่ได้มีหน้าที่หรือได้รับมอบหมายเป็นทีมอภิปราย “เรืองไกร” จิกนาฬิกาหรู-จักรยาน 2 ป.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่าได้ส่งจดหมายอีเอ็มเอสขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าคืนนาฬิกาที่ยืมเพื่อนมาหมดแล้วหรือยัง เห็นข่าวเมื่อวันที่ 11 ก.พ. มีภาพ พล.อ.ประวิตรใส่นาฬิกา 1 เรือนกระตุ้นความจำว่าวันที่ 27 ธ.ค.61 สำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าวไว้ว่า พล.อ.ประวิตรชี้แจงเรื่องดังกล่าว 4 ครั้งว่านาฬิกาทั้งหมด 22 เรือน ยืมมาจากนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนสนิทและได้คืนไปหมดแล้ว นาฬิกาที่ปรากฏวันที่ 11 ก.พ.เป็นเหตุที่ต้องกลับมาร้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่าเป็นนาฬิกา 1 ใน 22 เรือนหรือไม่ ถ้าใช่ยืมกลับมาใช้คงรูปหรือเปล่าและยืมจากใคร เพราะเพื่อนที่ให้ยืมตายไปแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่การชี้แจงข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ของ พล.อ.ประวิตร เป็นความจริงหรือไม่ และยังขอให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม มีจักรยานคันละกว่า 1 แสนบาท กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มีเช่นกันราคาคันละกว่า 6 หมื่นบาท ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินวันที่ 4 ก.ย.57 ไม่พบการยื่นบัญชีจักรยานไว้ จึงมีเหตุต้องร้องขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบทั้งสองคน ถ้าไม่ยื่นขอให้ ป.ป.ช. รีบตรวจสอบจักรยานดังกล่าว เพื่อมีมติส่งเรื่องให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย“สิระ” ชูแหนบรอถอนหงอก “สมพงษ์”ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ นำแหนบถอนผม 2 อันมาโชว์สื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่าจะขออนุญาตนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำเข้าไปในที่ประชุมสภาวันที่ 16 ก.พ. มอบให้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านที่ไม่ยอมทบทวนญัตติฯที่เกี่ยวกับสถาบัน หากพูดถึงสถาบันจะเดินเอาแหนบไปถอนนายสมพงษ์ทันที หากอภิปรายถึงสถาบันจะประท้วงทันทีจนประชุมไม่ได้ วุ่นวาย จะทำให้ไม่มีการอภิปรายสถาบัน ถ้าตรวจสอบรัฐมนตรีทุจริตว่าไปเลย งัดหลักฐานออกมาให้ประชาชนเห็น ห้ามนำสถาบันมาอภิปราย ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความใครทำผิดอะไรบ้างต้องรับผิดชอบแล้วเจอกัน“ชวน” รับมือป่วนได้ให้ถล่มครบ 42 ชม.นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมสภาฯเพื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 16 ก.พ.ที่กังวลจะวุ่นวายเนื่องจากญัตติบางส่วนมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันฯ ว่า เมื่อพิจารณาญัตติอภิปรายว่าชอบแล้วจึงให้อภิปรายไปตามญัตติจะออกนอกญัตติไม่ได้ ส่วนที่เกี่ยวกับสถาบันฯพูดได้เท่าที่เขียนไว้ ไม่กังวล ใครออกนอกกติกาประชาชนจับตาดูอยู่ พฤติกรรมใดไม่ถูกต้องประชาชนจะลงโทษเอง การประท้วงคงมีบ้างเป็นธรรมดาแต่ไม่ใช่เรื่องน่าวิตก คงไม่ประท้วงกันรุนแรงจนไม่สามารถเดินหน้าอภิปรายได้ ส่วนนายสิระ เจนจาคะ ขออนุญาตนำแหนบถอนผมเข้าไปประชุมเพื่อไปถอนหงอกผู้นำฝ่ายค้านหากพูดถึงสถาบันฯ อยู่ที่กฎกติกา ไม่ใช่ใครจะทำอะไรตามอำเภอใจได้ หากผู้อภิปรายพูดในกรอบไม่มีปัญหา หากนำแหนบไปเป็นอาวุธก็ไม่ได้ และตราบใดที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ครบ 42 ชั่วโมงอาจขยายไปมากกว่า 4 วันได้อภิปรายเสร็จสิ้นวันใด จะลงมติวันถัดไป อย่าไปตั้งเป้าว่าจะลงมติวันที่ 20 ก.พ. ส่วนการชุมนุมหน้ารัฐสภาคงไม่เสี่ยงปะทะ ภายนอกมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ เราไม่มีสิทธิไปยุ่ง “บิ๊กตู่” โยนสภาชี้ขาดพูดถึงสถาบันฯเมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ตอบคำถามภายหลังประชุม ครม.ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเริ่มวันที่ 16 ก.พ. มีความกังวลกับข้อกล่าวหาที่เกี่ยวพันกับสถาบันฯอย่างไร ถ้าละเอียดอ่อนมากจะขอให้ประชุมลับหรือไม่ว่า ตนคงไม่ต้องตอบ เรื่องความเกี่ยวกังวลเกี่ยวข้องอะไรต่างๆ เรื่องสถาบันฯ ควรหรือไม่ควรก็ไปว่ากันมา เป็นเรื่องของสมาชิกและเป็นเรื่องที่สภาต้องดำเนินการให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการขออย่าโยงโควิดเล่นการเมืองพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ครม.มีหลายมาตรการออกมา ถ้าดูด้วยความเป็นธรรมจะเห็นว่าผลกระทบเศรษฐกิจระลอกที่ 2 น้อยกว่าระลอกที่ 1 หลายคนกล่าวอ้างว่าตนทำให้เศรษฐกิจแย่ลง ต้องดูด้วยว่าเศรษฐกิจระดับโลกและเศรษฐกิจระดับภูมิภาคเป็นอย่างไร ประเทศรอบบ้านเป็นอย่างไร หลายอย่างเราดีขึ้นกว่าเขา ฉะนั้นอยู่ที่ความร่วมมือของพวกเรารวมถึงฝ่ายการเมืองด้วย อย่าเอาปัญหาเหล่านี้มาทำให้เกิดปัญหาการเมือง จะทำให้การบริหารเดินไปไม่ได้ กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ร้อง ป.ป.ช.ตรวจสอบกรณีไม่ยื่นบัญชีจักรยานในบัญชีทรัพย์สิน จำได้ว่าแจ้งไปแล้ว มีรถจักรยาน 2 คันตอก “ทักษิณ” แค่เคารพ ก.ม.เดินหน้าได้พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แนะแก้จนด้วยการแก้รัฐธรรมนูญว่า ได้ดูบ้างถือว่าสิ่งที่กล่าวมาอาจจะไม่ใช่การแก้จนด้วยรัฐธรรมนูญ แต่คิดว่าแค่เคารพกฎหมายให้มากที่สุดในเวลานี้ ทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญว่ากันไปตามกลไกรัฐสภา อยู่ในขั้นตอน รัฐบาลก็สนับสนุน ที่ผ่านมามีรัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ แล้วแก้ไขปัญหาทุจริตผิดกฎหมายได้บ้างหรือเปล่า ขอร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน และเข้าใจการแก้ไขกฎหมายว่าแก้ไขไปเพื่ออะไรเพื่อใครหรือแก้ไขอะไรก็ตาม เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรที่นายทักษิณขยับมากขึ้นเรื่อยๆ นายกฯตอบเพียงว่า “พูดไปแล้ว” “บิ๊กป้อม” สวนคืนนาฬิกาจบไปแล้วพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยแถลงข่าวข้อมูลทุจริตโครงการ “ตู้ต้านโกง” พบมีบุคคลอักษรย่อ ป.รับส่วยขนแรงงานเถื่อนเข้าเมือง ทำให้โควิด-19 ระบาดว่ามีว่า ป.ปลาอะไร จะไปรู้ได้อย่างไรว่าใคร ก็เอาเลย ใครรับส่วยว่ากันไป ตามกระบวนการกฎหมายมีอยู่ ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ส่งจดหมายยื่น ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบคืนนาฬิกายืมเพื่อนมาหมดแล้วหรือไม่นั้น คืนไปหมดแล้วและเขาพิจารณาจบไปแล้วจะมาพูดอะไร เมื่อถามว่านายเรืองไกรระบุเห็น พล.อ.ประวิตรใส่เมื่อวันที่ 11 ก.พ. พล.อ.ประวิตร ยกมือชูนาฬิกาตอบว่า ไม่มี เรือนไหน ใส่นาฬิกาเรือนนี้เรือนเดียว คืนไปหมดแล้ว พิจารณาไปหมดแล้ว จบไปแล้ว เป็นเรื่องของนายเรืองไกร ต้องไปถามนายเรืองไกร ไม่ใช่มาถามตน จะไปรู้ได้อย่างไรรับผิดชอบร่วมทุกพรรคต้องแต้มใกล้กันรายงานจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้รายงาน ครม.ถึงคิวอภิปรายวันที่ 16 ก.พ.ว่า ฝ่ายค้านจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์คนแรกวันครึ่ง จากนั้นเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ประเด็นโควิด-19 และการจัดหาวัคซีน นายกฯพูดขึ้นว่าให้ประชาชนรับประโยชน์จากการชี้แจงของรัฐบาล หวังว่าคะแนนอภิปรายจะใกล้เคียงทุกพรรค ต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่าให้มีปัญหาภายใน นายอนุทินถามว่าต้องรอฝ่ายค้านอภิปรายจบก่อนแล้วชี้แจงหรือชี้แจงได้เลย ไม่เคยถูกอภิปรายมาก่อน นายกฯตอบว่าไม่ต้องรอ ถ้าให้เขาพูดข้างเดียวเดี๋ยวเสียหายให้ทยอยตอบ ตอนท้ายเก็บอีกที ไม่ต้องเครียด ยิ้มไว้เมื่อภัยมา รวมกันไม่มีใครทำอะไรเราได้ จะอดทนฟังอย่างใจเย็น เป็นคนจุดเดือดต่ำจะสงบนิ่งที่สุด พูดน้อยที่สุดให้รัฐมนตรีดูจังหวะให้ดี แม้แต่ตอนเขาโจมตีตนต้องช่วยชี้แจง “รู้ว่าหนูใจร้อน พูดให้ใจเย็นๆ เอาเหตุผลนำ”ขู่พิจารณารายพรรคถ้ามีปัญหารายงานว่า รัฐมนตรีหลายคนเสนอแนะให้ใช้ช่องทางสื่อสารของรัฐช่วยชี้แจงประชาชนด้วย อาทิ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ อยากให้ใช้สื่อของรัฐนำสิ่งที่รัฐมนตรีพูดไปนำเผยแพร่ ส่วนนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ขอให้ติดตามการนำเสนอข่าวของสื่อฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลด้วย ช่วงวาระสั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าขอความร่วมมือทุกท่านทำทั้งการบ้านและการเมือง การเมืองคือ ดูแลประชาชนให้ดี ผมจะพิจารณาเป็นรายพรรคไปถ้ามีปัญหา” ตอนท้ายนายกฯได้แซวนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ที่มีข่าวอยู่เบื้องหลังจะทำให้นายณัฏฐพล ได้คะแนนน้อยที่สุดว่า “พี่สันติยิ้มหน่อย นัสยิ้มหน่อย”จับตาม็อบกระจายช่วงซักฟอกรายงานข่าวระบุอีกว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้รายงานสถานการณ์ทางการเมืองว่า จะมีการชุมนุมขนาดเล็กทั่ว กทม.ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะจัดชุมนุมต่อเนื่อง จับตา 3 จุดสำคัญ ทำเนียบฯ รัฐสภาและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ความเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภาจะเข้มข้นขึ้น ฝ่ายค้านจะเน้นสร้างกระแสสังคม เน้นเรื่องที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชน ส่วนโซเชียลมีเดียจะสร้างกระแสเรื่องมาตรา 112 การจัดหาวัคซีนของรัฐบาล แสวงประโยชน์จากสถานการณ์ในเมียนมาสอดแทรกการเมืองไทยไปด้วย ช่วงท้ายการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงกรณีมีคนแอบอ้างชื่อว่าสนิทกับตนเพื่อไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวว่ารู้จักทุกคน แต่ไม่รู้ใจ ถ้าใครไปแอบอ้างว่าสนิทกับตนไปแสวงหาผลประโยชน์ ใครเชื่อก็โง่แล้ว “บิ๊กตู่” ย้อนถามใครทำม็อบแรงขึ้นที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจวันที่ 13 ก.พ.ว่า เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่าดูเหมือนการชุมนุมจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ไปถามว่าทำไมถึงรุนแรงขึ้น แล้วใครเป็นคนทำล่ะ” เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ว่าการชุมนุมจะกินเวลาไปจนถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “คนไทย ห่วงไหมล่ะ คนไทย”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีทีมแพทย์อาสาถูกตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน (คฝ.) กระทืบบาดเจ็บสาหัสว่า ตำรวจชี้แจงปฏิเสธไปแล้ว ส่วนข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำเป็นเรื่องของศาล จะไปปล่อยได้อย่างไรต้องว่าตามกฎหมาย เป็นเรื่องของศาลไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล255 อจ.หวั่นขังลืมขอปล่อย 4 แกนนำเมื่อเวลา 09.30 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าเยี่ยมนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายอานนท์ นำภา นายปติวัฒน์หรือหมอลำแบงค์ สาหร่ายแย้มและนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข 4 แกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาป.อาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ที่ถูกคุมขังในเรือนจำฯ เพื่อหารือถึงรูปคดีและแนวทางขอยื่นประกันตัวขอปล่อยตัวชั่วคราว และนายประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มธ.พร้อมคณะอาจารย์และตัวแทนนักศึกษา เข้าเยี่ยมนำหนังสือเรียนมาให้นายพริษฐ์ และอ่านแถลงการณ์จาก 255 คณาจารย์ 31 สถาบัน เข้าชื่อขอให้ศาลคืนสิทธิประกันตัว นายประจักษ์กล่าวว่า กังวลการจองจำระหว่างพิจารณาคดีของศาลจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น ที่ผ่านมาคดีการเมืองศาลพิจารณาคดีนานถึง 5 ปี หากจำเลยไม่ได้รับประกันตัวจะถูกขังลืมยาวนาน ขอให้ศาลพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำทั้ง 4“อานนท์” รู้ตัวไม่เซฟเชื่อมีใบสั่งเก็บต่อมาเวลา 12.30 น. นายกฤษฎางค์ เปิดเผยหลังเยี่ยม 4 แกนนำผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ว่า แกนนำทั้ง 4 กำลังใจดี นายสมยศปวดไขข้อ นายพริษฐ์ มีหืดหอบ อยู่แออัดรวม 26 คน มีห้องน้ำเพียง 1 ห้อง คนอื่นๆแข็งแรงดี การต่อสู้คดีขอปล่อยตัวระหว่างพิจารณาคดี นายอานนท์ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมคำสั่งศาลพิจารณาว่าหากปล่อยตัวเกรงจะทำผิดซ้ำและพนักงานอัยการไม่คัดค้านประกันตัว ทีมทนายยื่นอุทธรณ์แล้วยังไม่มีคำสั่งได้ประกันหรือไม่ ยังฝากบอกว่าอยู่ในเรือนจำรู้สึกไม่ปลอดภัย เชื่อมีขบวนการสั่งเก็บ ต้องระวังตัวอาจมีคนเห็นต่างอยู่รวมกันนายกฤษฎางค์กล่าวว่า ศูนย์ทนายความฯขอเรียกร้อง 1.ให้ตำรวจยุติตั้งข้อหาเกินจริงและไม่เป็นธรรมนำตัวไปที่ทำการ พงส.ไม่ใช่ บก.ตชด.ภาค 1 เคารพสิทธิการเข้าถึงทนาย 2.ให้พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องหรือถอนฟ้องคดีต่อผู้ใช้เสรีภาพแสดงออกหรือชุมนุมโดยสงบ คดีที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ รวมถึงคดีไม่เข้าองค์ประกอบทางกฎหมายชัดแจ้ง และ 3.ให้ศาลพิจารณาการปล่อยตัวชั่วคราวบนฐานหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักกฎหมายอาญา ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องไม่ให้ประกันต่อมาเวลา 11.00 น. ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของจำเลยทั้ง 4 ว่าพฤติการณ์จำเลยกระทำเป็นกลุ่มบุคคลอาจก่อให้เกิดความเสียหายวุ่นวายส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งถ้อยคำปราศรัยยังมีข้อความนำมาซึ่งความเสื่อมเสียลบหลู่สถาบันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เมื่อพิจารณาประกอบคำคัดค้านของพนักงานอัยการแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องจำเลยทั้ง 4 และให้คืนหลักทรัพย์กลับไปที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม นำตัวนายจิตรกร แจ็คโคบี จูเนียร์กับพวกรวม 8 คนผู้ต้องหาคดีจัดชุมนุมเมื่อ 13 ก.พ. ขอฝากขังผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ผู้ต้องหาทั้ง 8 ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ให้เหตุผลไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ศาล พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัววงเงินคนละ 35,000 บาทเยาวชนซ้อมต้าน รปห.มอบตัวคดี 112ที่ สน.พหลโยธิน นายคริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ อายุ 18 ปี พร้อมทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหามาตรา 112 กรณีร่วมชุมนุมซ้อมต้านรัฐประหารที่ห้าแยกลาดพร้าว 2 ธ.ค.63 มีนายปกรณ์ หรือเฮียบุ๊ง พรชีวางกูร ผู้สนับสนุนกลุ่มราษฎร มามอบตุ๊กตาวูดูจากเพจไข่แมวให้กำลังใจ หลังสอบสวนแจ้งข้อหาเสร็จสิ้น ผู้ต้องหาปฏิเสธก่อนได้รับการปล่อยตัว นายคริษฐ์กล่าวว่า มาให้ปากคำรับทราบข้อกล่าวหาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เจตนาทำผิดกฎหมาย ปราศรัยเวทีย่อยชื่อคะน้าราดซอส วิเคราะห์ประวัติศาสตร์ตามแบบเรียนแพทยสภาหาตราใหม่ให้อาสาสมัครฯที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ อุปนายกแพทยสภาคนที่ 2 และ พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ร่วมออกแถลงการณ์กรณีการใช้ความรุนแรงในการชุมนุมทางการเมือง 13 ก.พ. ว่า ไม่เห็นด้วยกับการยั่วยุละเมิดกฎหมาย ใช้กำลังเกินความเหมาะสม ให้ทุกฝ่ายระมัดระวังไม่ทำให้เกิดอันตรายใดๆ ปฏิบัติตามหลักกาชาดสากล จัดระบบติดสัญลักษณ์ที่ชัดเจนให้อาสาสมัครฯ นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้เป็นอาสาสมัครฯต้องเป็นกลางทางวิชาชีพ ดูแลทุกคนไม่เลือกปฏิบัติ ต้องปลอดภัยด้วย จะวางระบบอบรมจิตอาสาออกแบบสัญลักษณ์ที่เป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน เพื่อให้ทุกคนไว้ใจว่าเป็นคนเข้ามาดูแล“รุ้ง” นัดเดินสายทวงความยุติธรรมวันเดียวกัน น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์ข้อความ นัดหมายในไลน์กลุ่ม สื่อมวลชน ระบุว่า วันที่ 16 ก.พ. เวลา 09.00 น. จะไปอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญ กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญารัชดา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักนายกฯ เรียกร้องความเป็นกลางการพิจารณาดำเนินคดี ตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม ขณะที่ People GO Network นำโดยนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ หัวหน้าพรรคสามัญชน ประกาศจัดกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” เดินเท้าเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ก.พ. จาก จ.นครราชสีมา มายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรียกร้องให้ 4 แกนนำได้รับการประกันตัวมติ ส.ว.หักสรรหา กสทช.ใหม่เมื่อเวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) วาระ 2-3 โดยวุฒิสภาได้แก้ไขสาระสำคัญที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ ที่ประชุมอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 10 ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง กสทช. ก่อนจะลงมติวาระ 2 ไม่เห็นชอบมาตรา 5 และมาตรา 10 ที่ ส.ว.แก้ไข โดยให้กลับไปใช้ร่างเดิมตามที่สภาฯเห็นชอบ มีผลทำให้หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้เมื่อใด ต้องสรรหา กสทช.ใหม่ ภายใน 15 วัน ส่งผลให้กระบวนการคัดเลือก กสทช.ชุดใหม่ที่ ส.ว.กำลังจะลงมติคัดเลือก กสทช.จาก 14 คน เหลือ 7 คน ปลายเดือน ก.พ. ถูกคว่ำโดยอัตโนมัติ หรืออาจมีวาระเพียงไม่กี่วันต้องสิ้นสุดวาระ เพื่อเลือก กสทช.ชุดใหม่อีกครั้ง ตามหลักการเดิมมาตรา 10 ของสภาฯ จากนั้นที่ประชุมจึงลงมติวาระ 3 เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ทั้งฉบับ ด้วยคะแนน 194 ต่อ 3 งดออกเสียง 15 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง