สามีภรรยาคู่หนึ่งซื้อกุหลาบนับพันดอกมารวมเป็นช่อ มีกระดาษแก้วห่อและติดโบสีสันสวยงาม ทำเป็นร้อยช่อเพื่อขายให้กับผู้ที่จะซื้อไปมอบให้คนที่ตนรักในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมาผมขับรถผ่านร้านของสองผัวเมียในตอนเย็น เห็นความเงียบเหงาราวกับป่าช้า ช่อกุหลาบยังกองอยู่เต็มร้าน เมื่อจอดรถแวะคุย ภรรยาก็ด่าสามีเป็นชุดว่า “หนูเตือนแล้ว แต่เฮียไม่ฟัง หนูทำนายทายว่าปีนี้อะไรก็ไม่เหมือนเดิม แต่เฮียแกดื้อ เคยขายได้กำไรมากทุกปี เฮียแกจึงมั่นใจ เอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีไปซื้อดอกกุหลาบและก็มาจัดเป็นช่ออย่างที่คุณเห็นนี่แหละ ทำเป็นร้อย แต่ขายได้ไม่ถึงห้าช่อ เป็นปีแรกที่เป็นอย่างนี้ สมัยนี้คนไม่มีความรักกันหรือไง แม้แต่คนงานพม่า วาเลนไทน์ปีที่แล้วยังมาเข้าเลือกซื้อกันจนร้านแทบแตก แต่ปีนี้ไม่มีคนพม่าเข้ามาซื้อเลยสักคน”คนไม่ตามข่าวคราว ไม่เอาข้อมูลมาประเมินสถานการณ์ก็อาจจะเจอความล้มเหลวอย่างนี้นี่แหละครับ แรงงานพม่าปีนี้มีแต่จะเก็บเงิน การปฏิวัติรัฐประหารในบ้านเมืองของตนก็ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อยยังไง ใครยังจะมาสนใจในเรื่องความรักการแสดงความรัก (ถ้ามี) ผู้คนสมัยนี้ก็ส่งดอกกุหลาบและข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือ ยิ่งโควิด-19 ยังอาละวาดฟาดฟันไปทั้งโลก คนยิ่งไม่อยากจะมาเจอกัน ปัจจุบันความเงียบเหงาเศร้าสร้อยแผ่ขยายกระจายไปทุกตรอกซอกโลก ไปที่ไหนแห่งใด ไม่เจอใครหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเต็มเสียงเหมือนก่อนที่จะมีโควิด-19 โอ้อนิจจา โลกไม่ใช่ใบเดิมอีกต่อไปแล้วมาตรการคุมเข้มช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องอยู่แต่ในบ้าน งานการก็ทำไม่ได้เป็นปกติดั่งแต่ก่อน ชีวิตที่เคยประกอบไปด้วยงานและการท่องเที่ยวพักผ่อน การออกไปใช้ชีวิตบันเทิงเริงรมย์สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ต้องเปลี่ยนมาเป็นนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องการศึกษาวิจัยหลายชิ้นของญี่ปุ่นพบว่า ความเหงาเป็นบ่อเกิดของโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ ทั้งเบาหวานทั้งหัวใจ การต้องแยกตัวออกจากสังคม ทำให้มีพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ ออกกำลังกายน้อย โภชนาการแย่ ส่งผลต่อระบบความเครียด ความดันโลหิต ที่นำไปสู่การเป็นโรคหัวใจกุมภาพันธ์ 2564 นายโยชิฮิเดะ ซูกะ นายกฯ ญี่ปุ่น จึงตั้งรัฐมนตรีประจำกระทรวงความเหงา เพื่อบรรเทาปัญหาสุขภาพจิตของประชาชนที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยว รัฐมนตรีประจำกระทรวงความเหงาคนแรกของญี่ปุ่นคือนายเทตสึชิซากาโมโตก่อนวิกฤติโควิด-19 เมื่อ พ.ศ.2561 รัฐบาลอังกฤษตั้งนางสาวเทรซีย์ เคราซ์ เป็น Minister for Loneliness หรือรัฐมนตรีกระทรวงแห่งความเหงา เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาทางสังคม ผลการวิจัยเมื่อ พ.ศ.2560 พบว่า ความเหงาเปล่าเปลี่ยวใจส่งผลเสียต่อสุขภาพเท่ากับการสูบบุหรี่วันละ 15 มวน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของศาสตราจารย์เจน คัมมิงส์ แห่งสำนักบริการสาธารณสุขแห่งชาติของอังกฤษ ที่เผยแพร่สู่สาธารณะเมื่อธันวาคม 2560 ว่าอากาศหนาวและความเหงาเป็นฆาตกรปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งเรื่องโควิด–19 ทำให้คนไทยไม่น้อยตกอยู่ในความเศร้าเหงาใจเช่นกัน หลายคนไม่รู้ว่าอนาคตของประเทศและของตนจะเป็นเช่นใด ไม่ใช่เฉพาะผู้สูงวัยที่ชราภิภูตเข้าครอบงำเท่านั้น แม้แต่คนหนุ่มสาว หรือผู้ที่อยู่ในวัยกลางคน ล้วนมีความเหงาเศร้าใจอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นรัฐบาลของหลายประเทศเริ่มตระหนักถึงปัญหาที่มาจากความเหงา บางประเทศเริ่มนำนโยบาย “การขจัดความเหงาของประชาชน” มาเป็นวาระแห่งชาติกันแล้วคนไทยที่คำนึงถึงความเหงาก่อนใคร น่าจะเป็นนักร้องลูกกรุงจากจันทบุรีผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า ‘ทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล’ ท่านผู้นี้บันทึกเสียงเพลง ‘สุดเหงา’ ไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2524หากประเทศไทยจะมีกระทรวงความเหงาเหมือนอังกฤษและญี่ปุ่น ก็น่าจะใช้เพลงสุดเหงาของท่านทิพย์วรรณเป็นเพลงประจำกระทรวงได้ครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com