ผู้ติดเชื้อโควิด-19 คลัสเตอร์ตลาดสด จ.ปทุมธานี ยังแผลงฤทธิ์ไม่จบ ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มนอกพื้นที่ ด้านกรมควบคุมโรคชี้จุดพบผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่กลางตลาดพรพัฒน์ ที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท หนำซ้ำผู้ค้าตระเวนขายหลายตลาด ทำให้เชื้อกระจาย ขณะเดียวกัน ยอมรับพบรายแรก หนุ่มไทยพ่อค้าพลอยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ แต่ขอให้มั่นใจคุมเชื้อได้ไม่หลุดสู่ชุมชน ด้านภาพรวมติดเชื้อในประเทศเริ่มดีขึ้น ส่วนทั่วโลกจัดฉีดวัคซีนไปแล้ว 139 ประเทศ แนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงการพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รายใหม่ในไทยยังคงแกว่งไปมา หลังลดต่ำกว่า 150 คน เป็นครั้งแรกของเดือน ก.พ.ไปเมื่อวันที่ 13 ก.พ. แต่ยอดกลับมาพุ่งขึ้นอีกในวันถัดมา คลัสเตอร์จากตลาดสด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และแม่สอด จ.ตาก ยังต้องลุ้นผลตรวจรายวัน ติดเชื้อรายใหม่ 166 คนทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. เวลา 11.30 น. ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 166 คน ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในประเทศ 138 คน คือผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 49 คน (พบที่ กทม. 11 คน สระบุรี 2 คน นครปฐม 1 คน นครราชสีมา 1 คน สมุทรปราการ 1 คน สมุทรสาคร 33 คน) และจากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 89 คน (พบที่ จ.สมุทรสาคร 11 คน นนทบุรี 1 คน ระยอง 3 คน ตาก 7 คน และปทุมธานี 67 คน) นอกจากนี้เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศอีก 28 คน โดยมาจากแทนซาเนีย 8 คน รัสเซียและอินเดียประเทศละ 3 คน โมซัมบิกและการา ประเทศละ 2 คน เยอรมนี มัลดีฟส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิตาลี ปากีสถาน คาซัคสถาน ไนจีเรีย อียิปต์ สหราชอาณาจักร และสเปน ประเทศละ 1 คน ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 24,571 คน หายป่วย 22,111 คน รักษาตัวอยู่ 2,380 คน ในจำนวนนี้กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,021 คน และโรงพยาบาลสนาม 1,359 คน ผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 80 คนพบติดเชื้อโควิดซ้ำ 1 คนข้อมูล ศบค.ระบุว่าในกลุ่มผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการพบที่ กทม.รวม 11 คนนั้นเป็นสัญชาติไทย 10 คน และเมียนมา 1 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เคยมีประวัติติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว 1 คน ส่วนที่พบผู้ติดเชื้อใน จ.สมุทรสาคร 33 คนนั้นเป็นสัญชาติไทย 21 คน และเมียนมา 12 คน ส่วนการตรวจค้นหาเชิงรุกในชุมชน 89 คน พบว่าใน จ.ปทุมธานีมียอดสูงถึง 67 คน ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ส่วนการใช้ผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ 56,875,064 คน และผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ 1,974,360 คน มีกิจการร้านค้าลงทะเบียนแล้ว 385,570 แห่ง เพิ่มขึ้นเพียง 238 แห่ง และจากสถิติพบว่ามีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้น 13,736 ครั้ง ทำให้มียอดรวมทั้งสิ้น 2,978,064 ครั้ง ทั้งนี้ จากสถิติส่วนใหญ่ของผู้ที่เช็กอินไปในสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเช็กอินผ่านแพลตฟอร์มร้อยละ 88.6 และผ่านแอปพลิเคชันร้อยละ 11.4มาเลย์–อินโดฯ ยังน่าห่วงที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า กระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่จากสถาบันบำราศนราดูร ได้รับพระกรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีทรงห่วงใยและตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้พระราชทานอาหารกลางวันให้กับแพทย์ พยาบาล ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าผู้ติดเชื้อของสถาบันบำราศฯอย่างต่อเนื่องทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.เป็นต้นมา เป็นเมนูอาหารที่คำนึงถึงความสด สะอาด ถูกหลักอนามัย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกนั้นพบว่ามีผู้ติดเชื้อสะสม 109 ล้านคน มีแนวโน้มค่อยๆลดลง มาจากหลายมาตรการของประเทศต่างๆคือการสวมหน้ากากอนามัยที่เพิ่มขึ้นการเว้นระยะห่าง การล็อกดาวน์ประเทศ การควบคุมการเดินทาง เป็นต้น แต่จำนวนผู้ติดเชื้อยังสูง ผู้เสียชีวิตสะสม 2.4 ล้านคน หรือเฉลี่ยร้อยละ 2.2 สำหรับทวีปเอเชียประเทศที่ยังน่าเป็นห่วงคือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ส่วนไทยยอด ณ วันที่ 14 ก.พ. คือ 166 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 138 คน จากต่างประเทศ 28 คน น่าสังเกตว่าเป็นตัวเลขค่อนข้างมาก รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ คือ 20,334 คน หายป่วย 17,934 คน เสียชีวิตคงเดิมที่ 80 คนแนวโน้มในประเทศทรงตัวสำหรับการควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร นพ.โอภาสกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระยะการควบคุมพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูงในโรงงานที่เรียกว่า บับเบิลแอนด์ซิล และยังคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่รอบๆโรงงานที่ปิดล้อมไว้ แต่เนื่องจากพื้นที่รอบๆความชุกของโรคไม่สูง ทำให้สถานการณ์ในภาพรวมของ จ.สมุทรสาคร ดูเหมือนจะควบคุมได้ดี มีผู้ป่วยวันที่ 14 ก.พ. 44 คน เป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับ บริการในโรงพยาบาล 33 คน ค้นหาเชิงรุก 11 คน และจากการติดตามข้อมูลพบว่าผู้ที่มาเข้ารับบริการในโรงพยาบาล ส่วนใหญ่คือคนที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อในโรงงานนั้นๆมาตรวจซ้ำอีกครั้ง ส่วนสถานการณ์ในกรุงเทพฯ พบผู้ป่วยบางวันเพิ่ม บางวันลด ทำให้ภาพรวมแนวโน้มการพบผู้ป่วยในประเทศค่อนข้างทรงตัว การค้นหาเชิงรุกแม้จะมีการค้นหาจำนวนมาก ก็ไม่ได้พบผู้ป่วยจำนวนมากเหมือนเดิม แปลว่าแหล่งที่มีการแพร่ระบาดใหญ่ๆเริ่มน้อยลง ส่วนใหญ่เป็นแหล่งเล็กๆ และการติดเชื้อไม่ค่อยสูง เพราะฉะนั้นถ้าเรายิ่งค้นหาเชิงรุกในกลุ่มที่มีความเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อได้เร็ว การติดเชื้อก็จะไม่ขยายไปในวงกว้างพบจุดระบาดอยู่กลางตลาดส่วนกรณีการติดเชื้อในตลาดพรพัฒน์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นพ.โอภาสกล่าวว่า ทีมสอบสวนโรครวบรวมข้อมูลพบผู้ติดเชื้อแล้ว 175 คน เป็นคนไทย 111 คน คนต่างด้าว 64 คน และเมื่อดูจากแผนผังของตลาด จะพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ตรงกลางตลาด ปัจจัยการแพร่ระบาดของตลาดคือ แม่ค้าค้าขายหลายตลาด เช่น วันจันทร์ขายที่ จ.สมุทรสาคร วันอังคาร ขายที่ จ.เพชรบุรี วันพุธ ขายที่ จ.ปทุมธานี ทำให้เกิดการติดเชื้อในที่ต่างๆได้รวดเร็ว กรณีนี้พบว่าผู้ป่วยรายแรกเป็นผู้ป่วยที่ไปค้าขายที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.ปทุมธานีด้วย โดยตลาดแห่งนี้วางแผงตั้งขายเป็นล็อกๆ แต่หลังคาค่อนข้างเตี้ย ตรงกลางอากาศไม่ค่อยถ่ายเท แม่ค้านั่งอยู่นาน รับประทานอาหารด้วยกัน และเป็นอาคารโล่ง อากาศร้อน ทำให้แม่ค้าอาจเผอเรอไม่ได้สวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา เป็นจุดที่ตลาดต้องพิจารณาเรื่องการถ่ายเทอากาศ การเคร่งครัดการสวมหน้ากากตลอดเวลา รวมทั้งการระบุคนที่เข้า-ออกตลาด เพราะแม่ค้าไปมาหลายตลาด ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางไปตลาด ทั้งผู้ค้าและผู้ไปใช้บริการ ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลาผู้ค้าขายหลายที่ทำเชื้อกระจาย“กรมควบคุมโรคขอแจ้งเตือน เนื่องจากพบว่าแม่ค้าหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดพรพัฒน์เดินทางไปหลายจังหวัด ทั้งเยี่ยมญาติหรือค้าขาย ทำให้โรคแพร่กระจายไป เช่น กรณีที่พบผู้ป่วย อายุ 7 ขวบ ที่ จ.นครราชสีมา ติดจากแม่ที่ค้าขายในตลาดนี้ ทำให้ จ.นครราชสีมาพบผู้ติดเชื้อ ดังนั้น แม่ค้าหรือคนที่ เคยสัมผัสกับแม่ค้าที่ขายที่ตลาดพรพัฒน์ ช่วงวันที่ 9-13 ก.พ.นี้ หรือก่อนหน้านี้ 7 วัน ให้ไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อขอรับคำแนะนำ ถ้าเป็นผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อแล้วรีบไปตรวจ จะได้ควบคุมโรคได้ในจังหวัดนั้น เหมือนกรณีเด็กอายุ 7 ขวบ ซึ่งทราบว่าติดเชื้อจากแม่ ก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม” นพ.โอภาสกล่าวและว่า กรณีใน อ.แม่สอด จ.ตาก ขณะนี้มีการตรวจเชิงรุกที่ชุมชนตลาดสีมอย ตลาดพาเจริญ ชุมชนอันซอย โรงงาน และซุ้มเลี้ยงไก่ชน พบผู้ติดเชื้อแล้ว 112 คน เชื่อมโยงกับชาวเมียนมา ผู้ป่วยร้อยละ 89.29 เป็นชาวเมียนมา คนไทยติดเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้กรณีไทยผู้ป่วยสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นเชื้อกลายพันธุ์ นพ.โอภาสกล่าวว่า สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์จี ส่วนสายพันธุ์อังกฤษ พบในสถานที่กักกันของรัฐ เดือน ม.ค. สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ตรวจพบเป็นรายแรกในประเทศในสถานที่กักกันของรัฐเช่นกัน 1 คน เป็นชายไทย อายุ 41 ปี ไปงานรับซื้อพลอยที่ประเทศแทนซาเนีย 2 เดือน เดินทางกลับไทยโดยต่อเครื่องที่เอธิโอเปีย ถึงไทยวันที่ 29 ม.ค. และเข้าสถานที่กักตัวของรัฐ ตรวจพบเชื้อวันที่ 3 ก.พ. และเข้าโรงพยาบาล กรมควบคุมโรคตรวจสอบสถานที่กักกันโรค เจ้าหน้าที่รัฐ และโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องรวม 41 คน ทุกคนสวมชุดป้องกันพีพีอีค่อนข้างดี รวมทั้งผลตรวจในห้องปฏิบัติการเป็นลบทั้งหมดมั่นใจคุมได้ไม่ให้เชื้อกระจาย“สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ส่วนใหญ่ระบาดในยุโรป แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย อเมริกา ส่วนเอเชียยังไม่ค่อยพบ แต่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีผลกระทบต่อประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าผู้ป่วยรายนี้เข้าสู่ระบบกักตัว 14 วัน ทำให้ตรวจเชื้อพบในสถานที่กักตัวและนำส่งโรงพยาบาล ไม่มีการแพร่กระจายเชื้อออกไปนอกโรงพยาบาล เพราะฉะนั้น มาตรการการกักตัว การตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการตั้งแต่ระยะแรก ทำให้เราสามารถควบคุมสายพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะกลายพันธุ์หรือไม่ ไม่สามารถกระจายไปสู่ชุมชนได้ ขอให้ประชาชนมั่นใจ” นพ.โอภาสกล่าว และอธิบายถึงเชื้อกลายพันธุ์มีความสำคัญ จะต้องมีปัจจัยสำคัญ 2 เรื่องคือ 1.จะต้องดูว่ากลายพันธุ์แล้วทำให้การติดต่อง่ายขึ้น สายพันธุ์หนึ่งที่เรากำลังจับตามอง คือ สายพันธุ์อังกฤษ พบว่าระบาดง่ายขึ้น และ 2.กลายพันธุ์แล้วทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดน้อยลง ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ทั่วโลกกำลังจับตาคือ สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งมีข้อมูลเบื้องต้นว่าอาจทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพน้อยลง โดยมีข่าวว่าประเทศแอฟริกาใต้ต้องระงับการฉีดวัคซีนบางชนิด เป็นต้น ส่วนการกลายพันธุ์แล้วทำให้โรครุนแรงขึ้นนั้น ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีสายพันธุ์ไหนที่กลายพันธุ์แล้วมีอาการรุนแรงมากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ขณะนี้ที่พบคือการกลายพันธุ์ทำให้โรคระบาดรวดเร็วขึ้น แต่ความรุนแรงน้อยลงเคสติดซ้ำใน กทม.แค่ซากเชื้อส่วนกรณีมีข่าวพบผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ ติดเชื้อซ้ำนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้เคยเดินทางมาจากต่างประเทศ และกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศอีกครั้ง จึงมาเข้ารับการตรวจหาเชื้อ พบผลบวก โดยมีค่าซีที ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่า เจอเชื้อน้อยมาก หรือที่บางคนเรียกว่าซากเชื้อ ส่วนภูมิคุ้มกันพบว่าเป็นบวก ดังนั้น กรณีนี้น่าจะเป็นคนที่เคยติดเชื้อมาแล้วจากการระบาดในครั้งแรก และพบซากเชื้อ ซึ่งไม่น่าจะเป็นการติดเชื้อโควิดซ้ำ แต่ได้นำเชื้อไปถอดรหัสพันธุกรรมและนำผู้ป่วยมาดูแลอย่างใกล้ชิดรังสิตสั่งปิดโรงเรียน 12 แห่งส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายเทศบาลนครรังสิต ประกาศแจ้งปิดสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลนครรังสิต ทั้ง 12 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนนครรังสิต สิริเวชชะพันธ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนนครรังสิต รัตนโกสินทร์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนนครรังสิต เทพธัญญะอุปถัมภ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนนครรังสิต เทพธัญญะอุปถัมภ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนนครรังสิต เปรมปรีดิ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนเพียรปัญญา และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ สินสมุทร ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ เอื้ออาทรรังสิต โรงเรียนดวงกมล และโรงเรียนมัธยมนครรังสิต ตั้งแต่วันที่ 15-19 ก.พ.นี้ และให้มาเรียนตามปกติในวันที่ 22 ก.พ.โดยระหว่างปิดสถานศึกษาให้จัดการเรียนการสอนออนไลน์ตรวจเชิงรุกพบติดอีก 41 คนนอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ขอความร่วมมือให้ประชาชนที่เดินทางไปบริเวณตลาดสุชาติ-ตลาดพรพัฒน์ รังสิต ในช่วงระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-11 ก.พ.2564 ในกรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เช่น สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันไปซื้อสินค้า-อาหารในตลาดเป็นประจำ จะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ติดต่อเพื่อประสานเข้ารับการตรวจโควิด-19 ท่านที่สงสัยว่าสัมผัสเสี่ยงสูง เช่น ผู้ไปซื้อสินค้า-อาหารในตลาดเป็นประจำ ไม่ได้ป้องกันตัวอย่างเหมาะสม หรือมีอาการติดเชื้อ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูล เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รับรส หรือถ่ายเหลว อย่างใดอย่างหนึ่ง สามารถเข้ารับการตรวจโควิด-19 ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือ ณ จุดตรวจเชิงรุกตลาด พรพัฒน์ วันที่ 13-17 ก.พ.64 ได้เลย โดยยอดรวมตั้งแต่วันที่ 9-13 ก.พ.จังหวัดปทุมธานี ตรวจหาเชื้อไปแล้วทั้งหมดรวม 1,333 คน พบผู้ติดเชื้อรวม 175 คน คนไทย 111 คน และต่างด้าว 64 คน และในวันที่ 14 ก.พ.พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 41 คน เป็นคนไทย 22 คน ต่างด้าว 19 คน ล้าง 22 ตลาดพร้อมเปิดปกติส่วนที่ จ.สมุทรสาคร ตลอดช่วงเช้า เจ้าหน้าที่เทศบาลนครสมุทรสาคร นำรถน้ำดับเพลิงที่บรรทุกน้ำคลอรีนเข้มข้น เข้ามาฉีดพ่นตลาดในพื้นที่ฝั่งมหาชัย ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร อีกครั้ง หลังเข้ามาพ่นยาไปเมื่อวันที่ 12 ก.พ.และถือเป็นวันสุดท้ายในปฏิบัติการล้าง 22 ตลาดใหญ่ เช่น ตลาดถนนสุขาภิบาล ตลาดสดมหาชัย และตลาดรถไฟ เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อ ผู้บริโภค และผู้ขาย ทำให้ในวันที่ 15 ก.พ.จะเปิดตลาดให้ค้าขายได้ 21 แห่ง เว้นตลาดรถไฟ ที่ต้องปิดปรับปรุงต่อไป และจะเปิดได้ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ขณะที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานว่า เมื่อเวลา 24.00 น. วันที่ 13 ก.พ. พบผู้ป่วยรายใหม่ 44 คน เป็นการพบจากการตรวจค้นหาเชิงรุก 11 คน ที่เหลือ 33 คนเป็นการตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาล เป็นคนต่างด้าวทั้งหมด ทำให้ในจังหวัดมีผู้ติดเชื้อสะสม 15,668 คน เป็นคนไทย 2,602 คนและต่างด้าว 13,066 คน“ผู้ว่าฯปู” หายใจได้เองทั้งวันขณะที่ความคืบหน้าอาการผู้ว่าฯสมุทรสาคร รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายวีระศักดิ์ (ปู) วิจิตร์แสงศรี รักษาตัวในไอซียูโควิดของศิริราชรวม 34 วัน พบว่าปอดดีขึ้นและตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา สามารถหายใจได้เองตลอดทั้งวันและคืนโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วย รวมทั้งสามารถเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายที่ถนัด เขียนชื่อตัวเอง ชื่อแพทย์เจ้าของไข้ แถมการลงชื่อกำกับได้ ล่าสุดวันแห่งความรักแม้จะหน้าแหยไปบ้างเมื่อเล่าว่าเมื่อคืนทีมหงส์แดงพ่ายทีมจิ้งจอกสีน้ำเงิน ที่มีตัวหนังสือติดหน้าอกหราว่า “Thailand smiles with you” แต่ผู้ว่าฯ ก็ตั้งใจวาดดอกกุหลาบเป็นของขวัญมอบให้กับศรีภริยา และให้ภรรยาช่วยเปิดโทรศัพท์เพื่อเปิดเพลงบึงสีไฟ ที่ท่านแต่งและร่วมขับร้องเมื่อสามปีก่อน ขณะที่เป็นผู้นำทุกภาคส่วนร่วมฟื้นฟูบึงใหญ่ใจกลางเมือง ขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร การแพทย์ช่วยคลี่คลายภาวะวิกฤติสุขภาพ ของท่านได้ แต่พลังบวกจากคนรอบข้างโดยเฉพาะภรรยาคู่ชีวิตมีส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็ม การฟื้นตัว อย่างรวดเร็วของท่านอาจเป็นปาฏิหาริย์ หรืออาจเป็นผลจากกรรมดีที่ท่านกระทำ แต่ตนเชื่อว่ามันมีอานุภาพแห่งรักมาหนุนนำด้วยแน่ ปฏิบัติการขั้นต่อไปของพวกเราต่อจากวันนี้ ขอให้ชื่อว่า “คืนปูสู่สาคร”พ่อเมืองตากโวคุมแม่สอดได้ส่วนที่ จ.ตาก ช่วงสายวันเดียวกัน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.ตาก เปิดเผยหลังนำคณะ เข้าตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการควบคุมโรคในชุมชนมัสยิดอันซอร์ เขตเทศบาลนครแม่สอด และท่าเรือที่ 13 คลังจักรยานมือสอง ในพื้นที่บ้านท่าอาจ ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด ว่าพื้นที่แพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอแม่สอด ขณะนี้เริ่มสงบเพราะเจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรค โรงพยาบาลแม่สอด และสาธารณสุขจังหวัดตาก รายงานว่า สามารถควบคุมอยู่ในวงจำกัด คลัสเตอร์ต่างๆ ขีดวงจำกัดเข้ามาหมดแล้ว โดยนำตัวกลุ่มเสี่ยงทุกกลุ่มเข้าระบบหมดแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าเราควบคุมโควิดในพื้นที่อำเภอแม่สอดได้แล้ว ดีเจมะตูมเลื่อนให้ปากคำสำหรับการดำเนินคดี “ดีเจมะตูม” กรณีจัดปาร์ตี้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ถึงการออกหมายเรียกนายเตชินท์ พลอยเพชร หรือ “ดีเจมะตูม” มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ และผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า เจ้าตัวยังไม่ได้แจ้งว่าจะมาเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 ก.พ.หรือไม่ แต่หากไม่มาก็ต้องออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า ทนายความของดีเจมะตูมได้แจ้งกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ว่าขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาไปก่อน ทั้งนี้หากวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ดีเจมะตูมไม่ติดต่อเข้ามา พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกอีกครั้งต่อไปทั่วโลกฉีดวัคซีนแล้ว 139 ประเทศสำหรับความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 ในต่างแดน ยอดติดเชื้อรวมทั่วโลกพุ่งเป็น 109.1 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 2.4 ล้านคน ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถิติการฉีดวัคซีนต้านไวรัสในประเทศต่างๆ ระบุว่ามีอย่างน้อย 139 ประเทศที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว แบ่งเป็นวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค 57 ประเทศ แอสตราเซเนกาฯ 34 ประเทศ โมเดอร์นา 27 ประเทศ ซิโนฟาร์ม 10 ประเทศ สปุตนิกวี 5 ประเทศ ซิโนแวค 5 ประเทศ ในเอเชียที่ยังไม่เริ่มฉีดวัคซีนอย่างเป็นทางการ มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม ไทย มาเลเซีย ส่วนจีนฉีดแล้วในอัตรา 1-10 คนต่อประชากร 100 คน เช่นเดียวกับอินโดนีเซียและเมียนมา ที่ฉีดวัคซีนในอัตราน้อยกว่า 1 คนต่อประชากร 100 คน