ไม่อยากให้เป็นพ่อสายบัวรอเก้อเหมือนปู่เหมือนพ่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์ของอังกฤษ ออกโรงเตือน “เจ้าชายจอร์จ” อาจไม่มีวันได้เป็นกษัตริย์เลย เพราะอนาคตยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” ว่าจะได้ครองบัลลังก์เมื่อไหร่ และจะสามารถปฏิรูปสถาบันให้ทันสมัยขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน กระนั้น เจ้าชายน้อยรัชทายาทอันดับสามก็ยังต้องรอต่อคิวจากพระบิดา “เจ้าชายวิลเลียม” อีกหลายทศวรรษ ซึ่งถึงเวลานั้นไม่มีใครการันตีได้ว่าระบอบการปกครองของอังกฤษจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปขนาดไหนในขณะที่ควีนเอลิซาเบธที่สอง พระชนมพรรษา 94 พรรษา ไม่ทรงมีวี่แววว่าจะวางมือง่ายๆ และเตรียมจัดงานใหญ่ฉลองการครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ครบ 70 ปี ในปีหน้า ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาเป็นระยะๆว่า แม้จะรอคอยราชบัลลังก์มาตั้งแต่ 4 ชันษา จนทำลายสถิติองค์รัชทายาทที่มีพระชนมพรรษามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์อังกฤษ แต่ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” พระชนมพรรษา 72 พรรษา อาจทรงยอมหลีกทางให้พระโอรส “เจ้าชายวิลเลียม” รัชทายาทอันดับสอง ขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากควีนเอลิซาเบธที่สองแทนพระองค์ เพื่อความอยู่รอดของสถาบัน ที่ต้องเร่งปรับตัวขนานใหญ่ให้สอดคล้องกับความคาดหวังใหม่ๆของประชาชนในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์ และเจ้าของหนังสือ “The Last Queen : How Queen Elizabeth II Saved the Monarchy” คลีฟ เออร์วิง ชี้ว่า โอกาสที่จะได้ครองราชบัลลังก์ของ “เจ้าชายวิลเลียม” และ “เจ้าชายจอร์จ” จะมากน้อยขนาดไหน ก็ขึ้นกับว่า “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” จะเป็นกษัตริย์แบบไหน และสถาบันจะอยู่รอดหรือไม่รอดภายใต้รัชสมัยของพระองค์ อย่างไรก็ดี ในทัศนะของเขาเห็นว่า มกุฎราชกุมารองค์ปัจจุบันทรงขาดบารมีและความสามารถในการปกครองแผ่นดิน มิอาจเทียบได้กับสิ่งที่ควีนเอลิซาเบธที่สองและพระเจ้าจอร์จที่หกได้ทรงวางรากฐานไว้ตลอดเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขายังเชื่อลึกๆว่าความจงรักภักดีของประชาชนชาวอังกฤษจะค่อยๆเสื่อมลง โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ไม่รักใคร่ผูกพันใดๆ กับสถาบัน และดีไม่ดีสถาบันอาจล่มสลายไปก่อนที่ “เจ้าชายจอร์จ” จะได้รับไม้ต่อครองราชบัลลังก์ด้วยซ้ำ!!ถ้ารู้ทั้งรู้ว่าความหวังริบหรี่เต็มที ก็ไม่ควรฟูมฟักเจ้าชายน้อยให้หลงเชื่อว่าพระองค์มีความพิเศษเหนือใคร และวันหนึ่งจะได้เป็นกษัตริย์อังกฤษ จนกลายเป็นองค์รัชทายาทที่เอาแต่ใจ ตัวเอง จะดีกว่าไหมถ้าปล่อยให้ “เจ้าชายจอร์จ” พระชนม์ 7 ชันษา ได้เติบใหญ่แบบเด็กทั่วไป แทนที่จะทรงโตมาท่ามกลางความสนใจของผู้คน และแบกความหวังไว้จนเต็มบ่าโดยไม่รู้ตัว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งพระบิดาและพระมารดาต่างก็พยายามกรอกหูพระโอรสทุกวันว่าวันหนึ่งในอนาคตจะต้องเป็นกษัตริย์ ฉะนั้น จอร์จจึงมีหน้าที่เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับรับบทบาทสำคัญในอนาคตอยากให้เจ้าชายน้อยโตมาแบบมีความสุข ไม่ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะเต็มไปด้วยแรงกดดันถาโถมรอบทิศ ดูอย่างพระขนิษฐาน้อย “เจ้าหญิงชาร์ลอตต์” ทรงร่าเริงแจ่มใส มั่นอกมั่นใจในตัวเอง และกล้าแสดงออกมาก เพราะไม่มีหัวโขนคอยเหนี่ยวรั้ง หรือแท้จริงแล้วการวางตัวรัชทายาทไว้ล่วงหน้าอาจไม่เหมาะกับยุคสมัยนิวนอร์มอล ที่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน.มิสแซฟไฟร์