“บิ๊กตู่” เหนียมไม่ทำหน้าด็อกแด๊ก ลงติ๊กต่อก มั่นใจสูงไม่ร่วมวงติวเข้มกับ รมต. รมต.พปชร.ปิดห้องเคลียร์ใจ ห้ามแทงหลังกันเด็ดขาด “สมพงษ์” จวกยับญัตติ “ไพบูลย์” สมคบคิดทำลายระบอบ ปชต.-หนีตรวจสอบ “ประเสริฐ” ตราหน้าล้มระบอบรัฐสภา “สุทิน” ลั่นลุยแตกหักแก๊งเผด็จการรัฐสภา “ชวน” ชี้ไทม์ไลน์ซักฟอกยังคงเดิม นายกฯทำอ้อน รบ.จริงใจแก้ รธน. ป.ป.ช.ฟัน “เอ๋” รุกป่าผิดจริยธรรมร้ายแรง แฉมีตระเตรียมการฮุบที่หลวง ชี้ทำเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ ส.ส. ถ้าศาลรับฟ้องต้องหยุดทำหน้าที่ ส.ส. กก.ลุยไฟชงแก้ ม.112 “วรงค์” ยื่นค้านสุดลิ่ม กลุ่มราษฎรสู้ต่อไม่ท้อ ตีหม้อไล่เผด็จการ เผย ผกก.ปทุมวันโดนหม้อตีหน้าหลังพรรคพลังประชารัฐส่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ออกมาเดินเกมป่วนหวังล้มกระดาน 2 ประเด็นร้อน ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตรวจสอบญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่าหนัก ว่าเป็นการจ้องทำลายระบอบรัฐสภา และการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ “บิ๊กตู่” เหนียมไม่ทำหน้าด็อกแด๊กเมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 10 ก.พ. เพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าเผยแพร่คลิป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวอวยพรเนื่องในโอกาสเทศกาลตรุษจีน ผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต่อก (TikTok) ว่า “ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล ดลบันดาลพรให้พี่น้องชาวจีนและคนไทยเชื้อสายจีน มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง อุดมด้วยลาภยศและมั่งมีศรีสุขทุกประการ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” โดยมีเพลงจีนคลอไปด้วย และมีอิโมจิ สติกเกอร์โคมไฟที่มีข้อความว่า “เฮง” ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า การสื่อสารผ่านติ๊กต่อกอยากสื่อสารเข้าถึงคนทุกกลุ่มทุกระดับ วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงประชาชนนิยมสิ่งใหม่ๆ บางครั้งเสนออะไรตรงไปก็ไม่ฟัง คนดูน้อย แต่บอกฝ่ายประชาสัมพันธ์ไปแล้วจะไม่ทำหน้าด็อกแด๊กๆตามวัยรุ่น อาจมีแค่ท่าประกอบเท่านั้น เพราะต้องระวังมั่นใจสูงไม่ร่วมวงติวเข้ม รมต.พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจว่า คงไม่เข้าร่วมการซักซ้อมเตรียมข้อมูลกับพรรคพลังประชารัฐ ที่นัดรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปราย ชี้แจงได้อยู่แล้ว เตรียมข้อมูลไว้เยอะพอสมควร แต่หลายอย่างไม่ควรลงในรายละเอียดลึกมาก เป็นเรื่องของหลักการ นโยบาย เป็นเรื่องการทำงานตามกรอบของนายกฯ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยเป็นเรื่องของหน่วยงานที่จะแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยรองนายกฯ กระทรวง และผู้ปฏิบัติไปถึงท้องถิ่นต่างๆ ต้องชี้แจงมา ตรงนี้มีหน่วยงานรับผิดชอบอยู่แล้วถามหล่อมั้ยเปลี่ยนทรงแสกขวาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์หันมากระเซ้าผู้สื่อข่าวถึงการเปลี่ยนทรงผมใหม่อย่างอารมณ์ดีว่า “เปลี่ยนแสกแล้วหล่อมั้ยล่ะ” เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่า โอเค พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “เรื่องการแสกผมขึ้นอยู่กับกองหนุน เมื่อแสกซ้ายบ่อยๆแล้วผมน้อยก็ต้องหันมาแสกข้างขวา” ผู้สื่อข่าวจึงกระเซ้าว่าต้องหาไปช่วยราชการใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับหัวเราะก่อนตอบว่า “ใช่ มาช่วยราชการ” ก่อนจะยกนิ้วโป้งเป็นสัญลักษณ์เยี่ยม พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “Thank you”“ชวน” ชี้ไทม์ไลน์ยังไม่เปลี่ยนที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงญัตติของนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ขอให้สภาฯมีมติส่งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจากมีถ้อยคำพาดพิงสถาบันว่า ยังไม่ได้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระประชุม อยู่ระหว่างตรวจสอบ จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะบรรจุได้เมื่อไหร่ ส่วนกำหนดการอภิปรายไม่ไว้วางใจสัปดาห์หน้า ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รวมถึงญัตติที่ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยู่ระหว่างตรวจสอบเช่นกัน ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการพิจารณาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 ยังคงเป็นไปตามปกติ คือวันที่ 24-25 ก.พ. เพราะไม่ทราบว่าศาลจะพิจารณาเมื่อไหร่“ศุภชัย” ไฟเขียวญัตติ “ไพบูลย์”นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบญัตติของนายไพบูลย์ นิติตะวัน แล้ว พบว่าครบองค์ประกอบตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 48 สามารถบรรจุเข้าวาระการประชุมได้ ส่วนจะทันการประชุมในสัปดาห์นี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาลและที่ประชุมสภาฯจะพิจารณา หากเห็นว่าเป็นเรื่องด่วน สามารถหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาก่อนได้รมต.พปชร.ปิดห้องเคลียร์ใจวุ่นผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภา แกนนำและรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลายราย อาทิ นายอนุชา นาคาศัย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการพรรค นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รองหัวหน้าพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล และนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ตัวแทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปิดห้องเคลียร์ใจถึงกรณีอาจมี ส.ส.โหวตสวนไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรคบางราย โดยทั้งหมดต่างยืนยันว่าจะร่วมทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเอกภาพตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค ประกาศไว้ จะไม่มีการแทงข้างหลังกันเอง ทั้งนี้ก่อนการหารือ ร.อ.ธรรมนัสได้เข้าทักทายจับไม้จับมือนายณัฏฐพล ปรับความเข้าใจกันก่อนจะรีบไปปฏิบัติภารกิจด่วน อย่างไรก็ตาม มีกระแสว่าเป้าหมายที่ถูกจับตาเปลี่ยนไปเป็นนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รองหัวหน้าพรรค ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หลายเรื่อง ทั้งมาตรการเยียวยาผู้ประกันตน การปล่อยปละละเลยหาประโยชน์จากขบวนการแรงงานเถื่อน จนเป็นที่มาของการระบาดโควิดรอบสอง “สมพงษ์” จวกยับหนีตรวจสอบด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการหารือพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลผ่านการวินิจฉัยจากประธานสภาฯแล้วเรียบร้อย และบรรจุวาระแล้ว ถือว่าถูกต้องสมบูรณ์ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ไม่เข้าใจว่านายไพบูลย์ นิติตะวัน มีความคิดอย่างไร แต่คิดว่าคงเป็นการสมคบคิดกันที่จะทำลายระบอบประชาธิปไตย หรือจะหนีการตรวจสอบตามกลไกของสภาฯ ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการเกิดการแตกแยกภายในของพรรคร่วมรัฐบาลตราหน้าทำลายระบอบรัฐสภานายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากดูสาระสำคัญของญัตติจะเห็นว่าเป็นการกล่าวหานายกฯโดยตรง เป็นเรื่องที่นายกฯต้องนำข้อความที่ถูกกล่าวหาไปแก้ไข นอกจากนี้ยังไม่เคยมีในระบบประเพณีของรัฐสภามาก่อน ที่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะถูกยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ถือเป็นการทำลายระบอบรัฐสภา ทำลายระบอบ ประชาธิปไตย หากสภาฯยังเดินหน้าเห็นชอบญัตติของนายไพบูลย์แบบพวกมากลากไป โดยไม่มีเหตุผล ต่อไปสภาฯจะเดินหน้าลำบาก การร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านคงเกิดยากลั่นลุยแตกหักเผด็จการรัฐสภานายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า มี ส.ส.หลายคนไม่สบายใจกับพฤติกรรมของนายไพบูลย์ หลายคนกำลังตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมขั้นร้ายแรงหรือไม่ เป็นปรปักษ์ต่อระบอบรัฐสภาเองหรือไม่ ต่อไปนี้หลักการถ่วงดุลอำนาจคงใช้ไม่ได้แล้ว เชื่อว่าเรื่องนี้จะมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องแน่นอน ต้องขอร้องผ่านไปยังรัฐบาลถึงจะใช้เสียงข้างมาก ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเราได้ เชื่อว่าถ้าเกิดมีอะไรเหนือความคาดหมาย การอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อเสียงข้างมากมาอยู่เหนือเราที่เป็นเสียงข้างน้อย ก็ต้องขออนุญาตสังคมว่าพวกเราเสียงข้างน้อยจะใช้วิธีการทุกรูปแบบภายใต้กฎหมาย เพื่อยับยั้งเผด็จการรัฐสภา“พิธา” ฉะทอนอำนาจนิติบัญญัตินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะไม่ถูกเลื่อนออกไป ฝากไปถึงรัฐบาลว่าอย่าวิตกกังวลมากจนเกินไป ใช้วิธีนอกระบบหนีการตรวจสอบ หากประชาชนอ่านรายละเอียดในญัตติของนายไพบูลย์แล้ว จะเห็นว่าเป็นการตอกย้ำญัตติของเราในการนำสถาบันฯมาคอยกลบเกลื่อนความผิดตัวเอง ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะอภิปรายรัฐบาล และนายกฯ ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ คือพูดถึงสถาบันฯเท่าที่จำเป็น อย่าวิตกเกินไปจนใช้วิธีนอกระบบมาลดทอนอำนาจนิติบัญญัติ“ประยุทธ์” อ้อน รบ.จริงใจแก้ รธน.วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงกรณีรัฐบาลถูกมองว่าพยายามยื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 หลัง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐและ ส.ว.มีมติเห็นชอบ ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจของรัฐสภา ว่า ยืนยันรัฐบาลสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบาย เมื่อรัฐบาลเสนอเข้าสภาก็เป็นขั้นตอนของรัฐสภา อย่าเอาไปพันกันแบบนี้ รัฐบาลจริงใจแก้รัฐธรรมนูญ แต่จะแก้อย่างไรไปว่ากันในรัฐสภา จะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง แก้ได้หรือแก้ไม่ได้ ทุกคนมีสติปัญญามีความคิดของตัวเอง ไม่ว่า ส.ส.หรือ ส.ว. ต้องหาข้อยุติกันให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องผ่านกระบวนการศาล ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสั่งการอะไรพปชร.ปัดยื้อแก้แค่ปิดช่องโหว่น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการประวิงเวลาตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ แม้จะส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อพบเหตุข้อสงสัยต้องปิดช่องโหว่ ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนตามมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุดของประเทศต้องรอบคอบ การส่งศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นคำตอบ พท.ขู่ระวังเจอม็อบบิ๊กเบิ้มนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาชนเห็นถึงความพยายามเตะถ่วงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอด เครือข่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สารภาพหลายครั้งว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อประชาชน แต่ออกแบบมาเพื่อการสืบทอดอำนาจ พยายามแช่แข็งประเทศ หากประชาชนเห็นว่ากระบวนการรัฐสภาไม่สามารถเป็นเครื่องมือแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ อาจมีการแสวงหาแนวทางอื่นในการนำพาประเทศออกจากวิกฤติรัฐธรรมนูญ จะมีม็อบบิ๊กเบิ้มและสารพัดม็อบมาเยือนทำเนียบมากยิ่งขึ้น และทิชชูไม่ควรถูกเปรียบเปรยเฉพาะการซื้ออาวุธ ประเทศนี้ฉีกรัฐธรรมนูญง่ายพอๆกับฉีกทิชชูโอดสภาฯไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้วนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตรวจสอบการลงคะแนนแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการกดปุ่มมาจากเครือข่าย คสช. ทุกวันนี้ คสช.ไปแต่ชื่อ แต่อำนาจตัวตนยังคงอยู่ จากพฤติกรรมแสดงให้เห็นว่ายังคงต้องการสืบทอดอำนาจ รู้สึกสะเทือนใจแทนพรรคร่วมรัฐบาล ที่หัวหน้ารัฐบาลมองไม่เห็นแก่ผู้อาวุโสมากมายที่ลงทุนแบกศักดิ์ศรีมาช่วยค้ำบัลลังก์ มีสภาพเหมือนกินน้ำใต้ศอก แล้วความทุกข์ของประชาชนจะหาที่พึ่งจากไหน เห็นกันชัดๆว่า คสช.ยังคุมอยู่ ยังไม่ละวางอำนาจ สภาฯไม่มีศักดิ์ศรีแล้วหรือ อะไรก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญพท.เอาคืนเตะถ่วงแก้ รธน.ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า บรรยากาศการประชุมสภาฯยังคงทุลักทุเลต่อเนื่อง หลังนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน ส.ว. ประธานที่ประชุมร่วมรัฐสภา ต้องสั่งปิดประชุมกลางคัน และเลื่อนวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ไปในครั้งต่อไป หลังฝ่ายค้านขอนับองค์ประชุม โดยวันนี้ (10 ก.พ.) มีการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ที่เปิดให้ ส.ส.อภิปรายจนจบวาระ 2 แต่พอนายศุภชัย โพธิ์สุ ประธานในที่ประชุมจะขอลงมติในวาระ 3 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิ์ขอนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ เนื่องจากเห็นว่ามี ส.ส.รัฐบาลอยู่กันโหรงเหรง และองค์ประชุมมีเพียง 246 เสียง จนนายศุภชัยต้องขอร้องถึง 2 ครั้ง แต่นายจุลพันธ์ยังคงยืนกรานให้นับ จนฝ่ายรัฐบาลต้องระดม ส.ส.เข้ามาขานชื่อ และผลปรากฏว่าผ่านความเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยคะแนน 313 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 2ป.ป.ช.ฟัน “เอ๋” ผิดจริยธรรมรุกป่าเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ช. และโฆษก ป.ป.ช. แถลงการไต่สวนข้อเท็จจริง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตามที่กรมป่าไม้ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ให้ดำเนินคดีอาญา น.ส.ปารีณา ข้อหาบุกรุกที่ดินรัฐว่า จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ น.ส.ปารีณา กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. วันที่ 25 พ.ค.2562 พบว่าแจ้งครอบครองที่ดินภ.บ.ท.5 รวม 29 แปลง จำนวน 1,700 ไร่ แต่ปรากฏมีเอกสารซ้ำซ้อน มีพื้นที่จริงประมาณ 853 ไร่ ในพื้นที่ ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตรวจสอบแล้วพบว่าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เป็นที่ดินของรัฐ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ โดยปี 2549-2556 น.ส.ปารีณามีการชำระภาษีภ.ท.บ.5 ทั้ง 29 แปลงต่อ อบต.รางบัว มีการกระจายการถือครองที่ดิน โดยอาศัยชื่อบุคคลอื่นที่เป็นคนงานในฟาร์มมาถือครองที่ดินในเอกสาร ภ.บ.ท.5 จำนวนหนึ่ง และปี 2555 มีการโอนกลับมาเป็นชื่อ น.ส.ปารีณาทั้งหมด เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2555 แฉมีตระเตรียมการฮุบที่หลวงนายนิวัติไชยกล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือทำไมต้องกระจายการถือครองที่ดิน เพราะเมื่อประกาศของส.ป.ก.ให้เกษตรกรยื่นคำร้อง กำหนดไว้ไม่เกินรายละ 50 ไร่ จึงน่าเชื่อว่ามีการเตรียมการไว้ก่อน เพื่อจะได้มารวมถือครองทีหลังรายเดียว ต่อมาปี 2557 อบต.รางบัว ยกเลิกการเก็บภาษี ภ.บ.ท.5 แต่ น.ส.ปารีณายังคงถือครอง ใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าว ทั้งที่ไม่มีสิทธิ จนกระทั่งวันที่ 25 พ.ค.2562 น.ส.ปารีณาเข้าปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ราชบุรี โดยยังครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โดยอ้างเอกสาร ภ.บ.ท.5 ทั้ง 29 แปลงที่ถูกยกเลิกไปแล้ว มีการตรวจสอบกระทั่งกรมป่าไม้ร้องทุกข์ต่อ บก.ปทส. ดำเนินคดีอาญา น.ส.ปารีณา ข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ 711 ไร่ คำนวณค่าเสียหายเป็นเงิน 36,224,791 บาทชี้ทำเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ ส.ส.นายนิวัติไชยกล่าวว่า ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า น.ส.ปารีณาในฐานะผู้แทนประชาชน ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ปราศจากความขัดกันแห่งผลประโยชน์ และต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี อยู่ในกรอบจริยธรรม แต่กลับไม่ยึดถือระเบียบ หลักเกณฑ์ กฎหมาย ไม่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช.จึงมีมติว่า น.ส.ปารีณาครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ เป็นการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทำการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม อันมีลักษณะร้ายแรง ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์การดำรงตำแหน่ง ถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระฯข้อ 11 ข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาต่อไป ถือเป็นนักการเมืองรายแรกที่ถูกชี้ความผิดจริยธรรมร้ายแรงศาลรับฟ้องต้องหยุดทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช.จะส่งคำร้องให้ศาลฎีกาเมื่อไหร่ นายนิวัติไชยตอบว่า ตามกรอบกำหนดไม่ให้เกิน 30 วันนับแต่วันที่มีมติ หากศาลฎีกาประทับรับฟ้องแล้ว น.ส.ปารีณาต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่รัฐทันที ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ รวมถึงสิทธิการสมัครหรือลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใดๆเป็นเวลา 10 ปี หรือตามดุลพินิจศาล ส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องพนักงานสอบสวนดำเนินการ เมื่อถามว่ามี ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนประเด็นผิดมาตรฐานจริยธรรมฯอีกหรือไม่ นายนิวัติไชยตอบว่า ในส่วนนักการเมืองรายอื่นประเด็นเกี่ยวกับการถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ มีประมาณหลักสิบราย แต่ต้องดูพฤติการณ์เป็นรายกรณี อาจมีลักษณะแตกต่างกันกก.ขอแก้ไข 5 ฉบับโฟกัส ม.112ช่วงสายที่รัฐสภา ส.ส.พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังยื่นร่างแก้ไขกฎหมาย 5 ฉบับ ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯว่า พรรคก้าวไกลเสนอชุดร่างกฎหมายจำนวน 5 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มีสาระสำคัญคือการยกเลิกโทษจำคุกให้คงเหลือแต่โทษปรับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นบุคคลทั่วไป ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ศาล หรือผู้พิพากษา ย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่ คือ ลักษณะความผิดที่เกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อให้มีความ เหมาะสม ทั้งในแง่โครงสร้างของบทบัญญัติ อัตราโทษ การยกเว้นความผิด การยกเว้นโทษ และผู้ร้องทุกข์ จึงกำหนดให้ยังมีโทษจำคุก แต่ลดอัตราโทษลงมาไม่ให้รุนแรงเกินไป ไม่กำหนดโทษขั้นต่ำไว้ รวมทั้งสามารถพิจารณาลงโทษปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อให้ได้สัดส่วนกับสภาพความผิด 2.ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 3.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 4.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และ 5.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ต่างชาติห่วงขอทบทวนยกเลิกนายพิธากล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ศาลไม่ให้ประกันตัว 4 แกนนำ อาจถูกจองจำไม่มีกำหนดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา จำเลยในคดีมาตรา 112 ควรมีสิทธิ์ในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติยังกังวลต่อการใช้มาตรา 112 ในประเทศไทย ขอทบทวนยกเลิกการดำเนินคดี พรรคก้าวไกลขอย้ำว่าการธำรงไว้ซึ่งสถาบันให้อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย จะไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการใช้กฎหมายบังคับ และการปราบปราม แต่ดำรงอยู่ด้วยความชอบธรรม และความยินยอมพร้อมใจจากประชาชน“วรงค์” มาตามนัดยื่นค้านสุดลิ่มขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมกลุ่มประชาชนเข้ายื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 101,568 ชื่อ คัดค้านการแก้ไขประมวลกฎหมายมาตรา 112 ต่อนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา นพ.วรงค์กล่าวว่า ยืนยันว่ากฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพ หรือการแสดงออกของประชาชนทุกกลุ่ม ยกเว้นการกระทำที่ส่อเจตนาดูหมิ่น หมิ่นประมาทหรืออาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น ปัจจุบันมีการจัดกิจกรรมแบบสมรู้ร่วมคิดระหว่างนักการเมือง และผู้ร่วมชุมนุม เพื่อกล่าวเท็จให้ร้ายใช้วาจาหยาบคายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้เกิดความเสื่อมศรัทธาของประชาชนปวดหัวแก้รถไฟฟ้าสายสีเขียวอีกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถึงกรณี กทม.ประกาศให้มีเลื่อนการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว 104 บาทตลอดสายออกไปก่อนว่า รัฐบาลมองประโยชน์ของรัฐ และผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก แต่ภาระไม่ใช่ของ กทม. ต้องถามว่า กทม.รับภาระนี้ไหวไหม เมื่อรับไม่ไหว แล้วรัฐบาลรับไหวไหม ไม่ไหวทั้งคู่ ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ วันนี้อย่างน้อยประชาชนก็ไม่ได้รับผลกระทบตรงนี้ ที่จริงแล้วตลอดเส้นทางถ้าพูดถึงจำนวนเงินรวมอาจดูสูง แต่ต้องไปดูที่เขาประเมินว่าคนส่วนใหญ่จะขึ้นรถไฟฟ้าสายนี้ระยะทางเท่าไหร่ มากน้อย การเพิ่มสถานีเข้าไปควรจะเท่าไหร่ ขอให้เข้าใจหนี้สินภาระของ กทม. พันกับภาระของรัฐบาล “ขอบคุณกรุงเทพมหานคร ท่านผู้ว่าฯ รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ที่ใช้ความพยายามเต็มที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากโควิด ด้วยการเลื่อนการเก็บค่าตั๋วรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีเขียว 104 บาทตลอดสายออกไปก่อน”แกนนำราษฎรลั่นสู้ต่อไม่เคยท้อเวลา 10.00 น. ที่ สน.พหลโยธิน นายปกรณ์ หรือเฮียบุ๊ง พรชีวางกูร ท่อน้ำเลี้ยงม็อบคณะราษฎร นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล นายธนายุทธ ณ อยุธยา หรือแรปเปอร์ คลองเตย น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก น.ส.รพีพร ต้นตระกูล หรือลูกพีช เดอะวอยซ์ ซีซัน 2 และนายจิรายุ สูตรไชย ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุม ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร และความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากการชุมนุมปราศรัย “ม็อบซ้อมต้านรัฐประหาร” เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563 ที่ห้าแยกลาดพร้าว ภายหลังให้ปากคำราว 1 ชั่วโมง ตำรวจแจ้งข้อหาแต่ทุกคนให้การปฏิเสธ จากนั้นปล่อยตัวกลับ นายปกรณ์กล่าวว่า ยืนยันว่าการถูกดำเนินคดีความไม่ทำให้รู้สึกท้อถอย จะสู้ต่อไป ภายหลังเหล่าศิลปินคนดังต่างๆรายงานตัวกับตำรวจเสร็จสิ้น ประชาชนที่มาให้กำลังใจพากันคล้องพวงมาลัยจนล้นศีรษะ ติดสติกเกอร์รูปหัวใจให้กำลังใจผู้ที่มารายงานตัวเผย ผกก.ปทุมวันโดนหม้อตีหน้าพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษกบช.น. แถลงว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. เวลา 20.15 น. ผกก.สน.ปทุมวันแจ้งประกาศเตือนการชุมนุมมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่มีผู้นำหม้อมาตีที่ใบหน้า ผกก.สน.ปทุมวัน จึงกันผู้ชุมนุมออกไปจนยุติการชุมนุมเวลา 21.15 น. กรณีดังกล่าวมีความผิด 3 ประเด็น คือ 1.ประกาศเชิญชวนพี่น้องประชาชนทางโซเชียลมีเดีย 2.ร่วมชุมนุมมั่วสุมตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3.ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตีหม้อไล่เผด็จการแยกปทุมวันต่อมาเวลา 16.00 น. ที่บริเวณลานสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน กลุ่มมวลชนราษฎรและเครือข่ายแรงงานเพื่อประชาชน ร่วมชุมนุม “รวมพลคนไม่มีจะกินตีหม้อไล่เผด็จการ” แสดงเชิงสัญลักษณ์ถอดแบบมาจากการเคาะหม้อ กระทะค้านรัฐประหารในเมียนมา แต่หลังจากศาลไม่อนุญาตประกันตัว 4 แกนนำม็อบ เนื่องจากมีพฤติกรรมทำความผิดซ้ำ ทำให้การชุมนุมของกลุ่มราษฎรเปลี่ยนมาเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 และปล่อยแกนนำม็อบแทน โดยกลุ่มมวลชนราษฎรทยอยเดินทางเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีแกนนำคนสำคัญเดินทางมาร่วม อาทิ นายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ส่วนมวลชนแนวร่วมมีการนำหม้อ กระทะ ที่เตรียมมาเดินเคาะให้มีเสียงดังไปทั่วบริเวณ พร้อมตะโกนว่า “ปล่อยเพื่อนเรา” ส่วนภายในสนามกีฬาแห่งชาติ มีกำลังตำรวจชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน พร้อมรถฉีดน้ำแรงดันสูงมาเตรียมระงับเหตุ ก่อนที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน และกองร้อยควบคุมฝูงชนส่วนหนึ่งจะเคลื่อนมาตั้งด่านคัดกรองตรวจอาวุธโดยรอบพื้นที่ลานสกายวอล์ก ท่ามกลางความไม่พอใจของมวลชนราษฎร“ไมค์” ตอกไม่ใช่เวลาเล่นติ๊กต่อกนายภาณุพงศ์ จาดนอก กล่าวว่า จะมีการชุมนุม เรียกร้องไม่ยอมรับกฎหมาย ม.112 และขอให้ปล่อยแกนนำทั้ง 4 คน หยุดใช้สถาบันฯเป็นเครื่องมือจำกัดสิทธิ ฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ว่าไม่ใช่เวลามาเล่น tik tok แต่เป็นเวลาที่ควรรับฟัง ประชาชน จากนั้นช่วงเย็นมวลชนราษฎรเริ่มไปรวมตัว ที่ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มีการติดตั้งเวทีชั่วคราว และเริ่มเคาะหม้อ กระทะ มีแกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย ขณะที่ฝั่งศูนย์การค้ามาบุญครอง พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน นำกำลังพร้อมรถเครื่องขยายเสียงประกาศห้ามชุมนุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนถูกมวลชนโห่ไล่ กระทั่งช่วงค่ำบรรยากาศเริ่มร้อนแรงขึ้น เมื่อแกนนำสลับขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด และมีเหตุวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ายึด ป้ายผ้าของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีข้อความไม่เหมาะสม ทำให้ทีมการ์ดอาชีวะหลายสิบคนฮือเข้าไปหาตำรวจทวงป้ายผ้าคืน แต่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนตั้งแนวสกัดไว้ได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากมีวัยรุ่นหนุ่มสาว ชาวเมียนมา และแนวร่วมกลุ่มราษฎรทยอยสมทบเรื่อยๆ ทำให้ทีมการ์ดต้องปิดถนนพระราม 1 ให้มวลชน ใช้พื้นที่ปักหลักชุมนุมบุก สน.ปทุมวันรวบแนวร่วมนับสิบจนเวลา 19.20 น. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำราษฎร ขึ้นเวทีประกาศว่า เพื่อนเราถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง วันนี้ก็มีผู้ชุมนุมถูกจับ แค่ชูป้าย ผิดอะไรนักหนา เราจะเปิดศักราชต่อสู้เผด็จการศักดินา อีกครั้ง อย่าคิดว่าโควิดจะทำให้เราลืมข้อเรียกร้อง ที่สำคัญที่สุด คือปฏิรูปสถาบันฯ วันนี้เพื่อนเราถูกจับไป 10 คน เราจะไม่ปล่อยให้ตำรวจมีมาตรฐานเช่นนี้ ก่อนประกาศให้ผู้ชุมนุมลุกขึ้นเดินไปยัง สน.ปทุมวัน เพื่อติดตามหาผู้ชุมนุมที่ถูกจับ มวลชนจึงตั้งขบวนเดิน ออกจากบริเวณหน้าหอศิลป์ฯ ไปยัง สน.ปทุมวันทันทีมีบึมอีกด้านหลัง สน.ปทุมวันผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกลุ่มราษฎรเดินทางมาปักหลักที่หน้า สน.ปทุมวัน นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ประกาศว่าเบื้องต้นมีผู้ถูกจับกุมราว 10 คน และมีการปล่อยตัวมาแล้วบางส่วนแต่ยังไม่หมด ทางแกนนำยื่นคำขาดให้ปล่อยผู้ชุมนุมทั้งหมดก่อนเวลา 21.00 น. ระหว่างนั้นได้มีเสียงดัง คล้ายระเบิดบริเวณด้านหลัง สน.ปทุมวัน ทำให้แกนนำ ต้องประกาศให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ ขณะที่การ์ดราษฎรเริ่มตั้งแถวเป็นแนวรับสกัดเนื่องจากเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเริ่มใช้แก๊สน้ำตากับมวลชนที่ด้านหลัง สน.ปทุมวัน อย่างไรก็ตาม หลังสถานการณ์คลี่คลาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมปล่อยตัวเยาวชนที่ถูกจับกุม ทางแกนนำได้ประกาศยุติชุมนุมเมื่อเวลา 21.00 น.