ส่วนความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลง ข่าว โดย นพ.โอภาสกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ แผนกลยุทธ์การบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 และแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 แบ่งแผนออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะต้น เมื่อไทยได้รับวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค จำนวน 2 ล้านโดส จะฉีดให้ครบใน 2-3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.พ.-พ.ค. ลอตแรก 2 แสนโดส จะฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม กลุ่ม แรกคือ บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยและการควบคุมโรคโควิด-19 กลุ่มที่สองคือประชาชนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีน้ำหนัก 100 กก. ขึ้นไป กลุ่มแรงงานกลุ่มเป้าหมายเชิงพื้นที่ที่มีการระบาดใน จ.สมุทรสาคร จากนั้นเมื่อได้รับอีก 8 แสนโดส จะฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายใน กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด และตาก ส่วนระยะที่สอง เมื่อ ได้รับวัคซีน 61 ล้านโดส ในเดือน มิ.ย. จะเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้เสร็จภายใน 4 เดือน ระยะแรกจะฉีด 5 ล้านคนต่อเดือน และค่อยๆเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านคน ต่อเดือน โดยจะพยายามฉีดให้ประชาชนทุกวัน เพื่อควบคุมการระบาดอย่างทั่วถึงได้วัคซีนจีนก่อน 2 แสนโดสด้านนายอนุทินกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดซื้อวัคซีนของบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน ว่า ไทยยืนยันคำสั่งซื้อจำนวน 2 ล้านโดส จากบริษัทซิโนแวค ลอตแรกจัดส่งภายในเดือน ก.พ. จำนวน 2 แสนโดส เดือน มี.ค. 8 แสนโดส และเดือน เม.ย. 1 ล้านโดส ลอตแรก 2 แสนโดสจะฉีดให้กับทุกคนในประเทศไทย ถ้าเป็นแรงงานต่างด้าวต้องเป็นแรงงานที่ทำงานในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้เราเปิดกว้างทุกบริษัท แต่อยากให้ทุกบริษัทมาขึ้นทะเบียนกับ อย.ก่อน หากมีความจำเป็นจะได้สั่งซื้อได้ทันที ทั้งนี้ ยืนยันไทยไม่ได้จัดหาวัคซีนช้า คณะ อนุกรรมการจัดการวัคซีนมาเดือนกว่า เป็นกรรมการที่มาจากผู้เชี่ยวชาญ เป็นอาจารย์แพทย์ ที่มีความเป็นอิสระ ปราศจากความกดดันทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง ตัดสินใจอยู่บนหลักวิชาการ ขอให้มั่นใจและวางใจว่าคณะกรรมการได้ทำสิ่งที่ถูกแล้ว คนที่ไม่ใช่แพทย์ อ่านข่าวต่างๆแล้วมาทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ ขอให้สงบปากสงบคำไว้ เพราะไม่ได้ช่วยอะไรให้ประเทศดีขึ้น การออกมาของผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความสับสนในจิตใจของประชาชนเล็งจัดหาเพิ่มอีก 20 ล้านโดสขณะที่ นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงการผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา โดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำนวน 26 ล้านโดสว่ายังเป็นไปตามกรอบเวลา ส่วนการสั่งซื้อวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา จำนวน 5 หมื่นโดส ที่จะนำเข้าจากสหภาพยุโรปนั้น ยังมีความพยายามเจรจา หาทุกช่องทางเพื่อให้ได้วัคซีนมาโดยเร็ว ทั้งนี้ทุกประเทศอยู่บนสถานการณ์เดียวกันทั่วโลกคือ วัคซีนยังไม่เพียงพอกับความต้องการ คาดว่าอีก 2-3 เดือน จะมีวัคซีนทยอยออกมา เราจะได้วัคซีนในเวลาที่ไม่แตกต่างกันกับประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดหาวัคซีนได้ให้กรอบการพิจารณาจัดหาเพิ่มเติมอีก 10-20 ล้านโดส เพิ่มเติมจากแผนเดิมที่มีอยู่แล้ว 2 ล้านโดส และ 61 ล้านโดส แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะต้องเป็นของบริษัทไหน แต่เป็นการให้กรอบไว้ เพื่อว่าหากมีวัคซีนตัวอื่นที่จะทยอยแสดงประสิทธิผลออกมา จะพิจารณาเจรจาได้ เพราะขณะนี้ยังมีวัคซีนอีกกว่า 20 ชนิดที่กำลังจะทยอยประกาศประสิทธิผล