นานาชาติปักหมุดประเทศเมียนมาบนแผนที่โลก ตามควันไฟร้อนๆจากเหตุ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำการรัฐประหารยึดอำนาจ รัฐบาลเลือกตั้งภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคเอ็นแอลดีอ้างเหตุโกงมโหฬารในการเลือกตั้งใหญ่ปลายปีที่ผ่านมาทหารเฒ่า ผู้นำรัฐประหาร ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี ขอจัดระเบียบภายในประเทศ ก่อนปล่อยไฟเขียวให้มีการเลือกตั้ง ตามสูตรตั้ง “อรหันต์ทองคำ” คุมเกมอำนาจภายใต้กองทัพ ผุดสภาแห่งรัฐจำนวน 16 คน มีสิทธิปลด โยกย้าย และแต่งตั้งบุคลากรทุกระดับในการบริหารพม่าถอยหลังกลับไปสู่ยุค SLORC ครองเมือง รัฐบาลประชาธิปไตยถูกโค่นกระดานตอกย้ำเชื้อรัฐประหารยังเป็น “โรคประจำถิ่น” ภูมิภาคอินโดจีนไม่มี “วัคซีน” รักษาเหมือนไวรัสโควิด–19 ตามรูปการณ์ส่อเค้าจะอาการหนักกว่า จากปฏิกิริยาการต่อต้าน จากคนรุ่นใหม่ของพม่า ชนชั้นปัญญาชน แพทย์ พยาบาล ดารา นักร้อง นายแบบ นางแบบคนดัง ชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ต่อต้านอำนาจรัฐประหารพลังเงียบที่จ่อกระเพื่อมหนักจากภายใน ล้อไปกับสัญญาณเข้มจากผู้นำเบอร์หนึ่งโลก ประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศข้ามประเทศ พร้อมงัดมาตรการ “คว่ำบาตร” พม่ารอบใหม่สหรัฐฯจะยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่มันถูกโจมตีท่าทีดุดันของพี่เบิ้มต่อพม่า เป็นสัญญาณจัดหนักกับขุมอำนาจทหารเฒ่ามิน อ่อง หล่าย แบบไม่ปรานีปราศรัย แต่นั่นก็เท่ากับผลกรรมที่ตกกับประชาชนตาดำๆคนพม่าที่ยากแค้นอยู่แล้ว ต้องตกระกำลำบากหนัก เข้าไปอีกและหลีกยังไงก็ไม่พ้น กับภาวะ “side effects” แรงตกกระทบที่จะสั่นสะเทือนถึงเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างประเทศไทย ต้องพลอยโดนลูกหลงเต็มๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพถอดแบบลอกลาย “พิมพ์เขียวอำนาจอินโดจีน” กันมาเลยตามเงื่อนไขสถานการณ์ภายใต้บริบทเดียวกัน ณ วันที่การเมืองไทยภายใต้ขุมข่ายทหารเฒ่า 3 ป. คุมเกมลากยาวอำนาจจากรัฐบาลรัฐประหารสู่รัฐบาลเลือกตั้งสลับฉากแปลงร่างพรางตัวจากท็อปบูตใส่สูทรัฐมนตรีบริหารอาการแบบที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม อ้ำๆอึ้งๆไม่พูดเรื่องรัฐประหารพม่า จนโดนดักไต๋จับทาง เพราะกลัว “เข้าตัว”ผู้นำทหารเฒ่าของไทย ทำมาก่อน “มิน อ่อง หล่าย”มันจึงไม่แปลกที่ได้เห็นอาการไม่สบายใจของผู้นำ รัฐบาลไทย ซีเรียส กังวลต่อการปะทุเชื้อรัฐประหารในพม่า กระตุ้นเชื้อแฝง “โรคประจำถิ่น” ภูมิภาคอินโดจีนเด้งกลับมากระตุกแนวต้านฝั่งประชาธิปไตย โดยเฉพาะพี่เบิ้มสหรัฐฯนั่นไม่เท่ากับกระพือ “ม็อบ 3 นิ้ว” ลุกฮือ แบบที่ทันทีทันใด ขบวนการต่อต้านท็อปบูตในประเทศไทยขยับต้านรัฐประหารในประเทศพม่า ตามฉากที่การ์ดวีโว่ แนวร่วมม็อบราษฎร นำมวลชนทั้งไทยและพม่าไปชุมนุมต่อต้านรัฐประหารที่หน้าสถานทูตเมียนมา ประจำกรุงเทพฯพร้อมๆกับหัวขบวนคนสำคัญ สัญลักษณ์ฝ่ายต้านเผด็จการ คสช. ทั้ง “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ “รุ้ง”ปณัสยา สิทธิจิร-วัฒนกุล หัวขบวนกลุ่มธรรมศาสตร์ และการชุมนุม รวมถึงคนสำคัญอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่มาพร้อมกับ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช“ตัวจี๊ด” มวลชนรุ่นใหม่แห่อีเวนต์ต้านเผด็จการรัฐประหารในพม่า กระพือควันไปทั่วโลก ตามเงื่อนไขสถานการณ์ “นำร่อง” ให้สหรัฐฯและชาติตะวันตก พันธมิตรฝ่ายประชาธิปไตย จัดหนักกับระบอบท็อปบูตตามสูตรการเมืองโลก อเมริกันไม่มีทางยอมให้ประชาธิปไตยอินโดจีนล้มเป็นโดมิโน“ทหารเฒ่าพม่า” ลาก “ทหารเฒ่าไทย” เข้าโซน “โลกล้อม” โดยอัตโนมัติเผชิญตำบลกระสุนตก จ่อโดนอาวุธหนักของสหรัฐฯและชาติตะวันตก งัดมาตรการ “แบน” ทางเศรษฐกิจตัดสิทธิทางการค้า ตั้งกำแพงสกัดกั้นการส่งออก บล็อกการลงทุนบีบกันหน้าดำหน้าเขียว กดดันจนมุดรูอยู่ไม่ได้ยิ่งภายใต้ภาวะคับขัน ทั้งประเทศไทยและพม่ากำลังอยู่ในห้วงโดนโควิด–19 ล้อมเมือง ประชาชนขาดรายได้ คนจนลำบากปากท้อง กลัวอดตาย พอๆกับแหยงติดโรคตายความหวังสุดท้ายจะได้ “วัคซีน” ก็ยังล่องลอย ตามฟอร์มล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข เปลี่ยนหมุดแบบรายวัน ยืนยันจะฉีดวัคซีนลอตแรกให้ประชาชนได้ในเดือนมิถุนายนกลางปีคนที่หวังลุ้น “วัคซีนเข็มแรก” วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ เป็นอันว่าฟาวล์ผลจากการไม่มีการบริหารความเสี่ยง เทียบกับนานาชาติหรือแม้แต่ในชาติอาเซียนด้วยกัน มีการจองโควตา ไม่ผูกขาดยี่ห้อเฉพาะยุโรป เลือกสั่งซื้อจากจีน อินเดีย รัสเซีย ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปเยอะแล้ว แนวโน้มทั่วโลกคนฉีดเกินครึ่งของผู้ติดเชื้อ ความเชื่อมั่นเริ่มกลับคืนแต่ประเทศไทยวัคซีนเข็มแรกยังไม่มา เศรษฐกิจก็ยากจะฟื้นเร็วรัฐบาลทำได้แค่กู้เงินมาแจก “เราชนะ–เรารักกัน” เดี๋ยวก็น็อกรอบ แล้วเราต้องร่วมกันใช้หนี้ ไม่ตอบโจทย์ระยะยาว ตามสภาพแรงกดดันภายในประเทศไต่ระดับตามภาวะอดอยากปากแห้ง แรงอัดอั้นสะสมพร้อมระเบิดไล่รัฐบาลทหารเฒ่าที่เก่งล็อกอำนาจ แต่บริหารไม่เป็นในจังหวะสถานการณ์ทางการเมืองก็มาถึงฤดู “สาวไส้ประจาน” นายกฯและทีมรัฐมนตรี โดยที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามผลการประสานงานของวิปรัฐบาล กำหนดวันและเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 16–19 กุมภาพันธ์ ลงมติในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564ดีเดย์ตะลุมบอน ในจังหวะโลกล้อม โควิดงอมแงม ศึกในกระหน่ำระส่ำแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรีบ “มัดคอ” ยืนยันทุกคนเข้มแข็งดี พรรคร่วมรัฐบาลก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดีในการที่จะเตรียมชี้แจงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจบอกปัดเสียงแข็ง ไม่มีการปรับ ครม.อย่างที่มีกระแสข่าวลือท่ามกลางรอย “ปริแยก” ภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่มองเห็นเด่นชัดจากภายนอกไม่ว่าจะอาการ “ขัดลำ” ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์ ว่าด้วยการเบียดแย่งชิงพื้นที่เลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช แทนนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.ตัวจี๊ดยี่ห้อ ปชป. ที่หลุดเก้าอี้ไปอารมณ์แบบที่ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศิตเอง ไม่มีทางหลีกให้ใครในอาการที่ทีมประชาธิปัตย์ก็สอนมารยาทพรรคร่วมรัฐบาลปล่อย “ลิ่วล้อ” ออกมาด่า “ถอนหงอก” กันออกอากาศ พลังประชารัฐไม่ให้ราคาค่างวดกับประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ยังไงก็ต้องเกาะติดเอา “บิ๊กตู่”หรือเกมบู๊ล้างผลาญ ศึกชิงตั๋วรถไฟฟ้าระหว่างค่ายภูมิใจไทย นายอนุทินกับ “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ปะฉะดะกับทีม “พี่รอง” 3 ป. อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยหักเหลี่ยมธุรกิจ นัวการเมือง เล่นกันลามถึงขั้นล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม เดิมพันด้วย ความเดือดร้อนประชาชน เสียโอกาสในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนไม่เว้นแม้แต่ศึกภายในพรรคพลังประชารัฐ การ “ปีนเกลียว” ของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว. ศึกษาธิการ ที่หาญท้าประลองพลังกับ พล.อ.ประวิตร เพื่อภารกิจอุ้มเมียรักคือนางทยา ทีปสุวรรณ ถือตั๋วก๊วน กปปส.ใส่เสื้อพลังประชารัฐ ลงสนามผู้ว่าฯกทม.เบียดแย่งกับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.ต่อเนื่องกับอาการร้าวลึกระหว่างพี่ๆน้องๆที่แฝงอยู่ในคำสั่งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง “ผู้กองนัส” ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เป็นประธานสอบข้อเท็จจริง ลุยเคลียร์คำสั่งของ พล.อ.ประวิตร ในเมกะโปรเจกต์เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมจะนะ สงขลาอัปเกรดสถานะของ “ลูกน้อง” มาเบียดไหล่ “ลูกพี่”แกะรอยสนิมเนื้อในรัฐบาล เต็มไปด้วยเหลี่ยมปมขบผลประโยชน์ระหว่างพรรค ฟัดกันระหว่างกระทรวง ล่อกันไม่เว้นในค่ายเดียวกัน ไหนจะเหลี่ยมเขย่าเกมปรับ ครม. ยึดคืนโควตากระทรวงเกรดเอมาแชร์กันใหม่ ท่ามกลางข่าววงใน เกมแฝง “เจาะยาง” ฝากซองกฐิน ปล่อยข้อมูลให้ฝ่ายค้านกระทืบฝ่ายพวกเดียวกันถ้าเป็นมวย รัฐบาล “คางเปิด” อ้าซ่า ยั่วหมัดน็อกเห็นๆแต่ปัญหาอยู่ตรงฝ่ายค้านเอง ก็ไม่ไว้วางใจกัน อาการระแวง “ข้อสอบรั่ว” พรรคก้าวไกลไม่กล้าเปิดทีเด็ด แม้แต่ในทีมเพื่อไทยด้วยกันเองก็ผวา กลัว “งูเห่า” ที่เพ่นพ่าน อาการแบบขู่ไป เรียกกล้วยไปฟอร์มมวยล้มต้มคนดู ชกไม่สมศักดิ์ศรี ปล่อยรัฐบาลคลานเข้ามุมเมื่อในสภาหวังไม่ได้ มันก็หนีไม่พ้นลากมาโค่นกระดานกันนอกสภายุทธการล้มเดิมพัน เลี่ยงไม่พ้นต้องจบที่เกมม็อบ.“ทีมการเมือง”