เมื่อวันที่ 3 ก.พ. คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เข้าตรวจสอบห้องปฏิบัติการทดลองในสถาบันไวรัสวิทยาแห่งอู่ฮั่น ซึ่งดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับโรคที่อันตรายที่สุดของโลก นับเป็นสถานที่สำคัญของภารกิจในการรวบรวมข้อมูลและค้นหาเบาะแสว่าไวรัสนี้มีต้นกำเนิดมาจากที่ใดและแพร่กระจายได้อย่างไรหลังจากกักตัว 2 สัปดาห์ ทีม WHO ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทยศาสตร์ ไวรัสวิทยา ความปลอดภัยของอาหารและระบาดวิทยา จาก 10 ประเทศ ใช้เวลาในช่วง 6 วันไปตรวจเยี่ยม โรงพยาบาลสถาบันวิจัย และตลาดสดแบบดั้งเดิมที่เชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายแรกหลายราย ซึ่งเป็นไปตามการเจรจาที่ล่าช้าหลายเดือนเนื่องจากรัฐบาลจีนพยายามควบคุมข้อมูลและการสอบสวนที่มาของการระบาดอย่างเข้มงวด ซึ่งอาจมองว่าเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงการถูกตำหนิในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นต่อการตอบสนองของการระบาดในช่วงต้นสถาบันไวรัสวิทยาแห่งอู่ฮั่น เป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการวิจัยไวรัสชั้นนำของจีนที่เก็บข้อมูลทางพันธุกรรมเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาในค้างคาว หลังจากการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงในปี พ.ศ. 2546 ซึ่งนำไปสู่ข้อกล่าวหาที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับการระบาดครั้งแรกของโควิด-19 ในอู่ฮั่นในช่วงปลายปี 2562 ซึ่งรัฐบาลจีนได้ปฏิเสธอย่างหนักแน่นถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวและยังได้เสนอทฤษฎีที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์เช่นกันว่าไวรัสมรณะนี้อาจมีต้นกำเนิดจากที่อื่นหรือแม้กระทั่งถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศด้วยการนำเข้าอาหารทะเลแช่แข็งที่ปนเปื้อนไวรัส ซึ่งเป็นแนวคิดที่นักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานระหว่างประเทศไม่เห็นด้วยด้านรองผู้อำนวยการสถาบัน สือ เจิ้งลี่ ศาสตราจารย์ด้านไวรัสวิทยาที่เคยทำงานร่วมกับปีเตอร์ ดาสแซค นักสัตววิทยาในการติดตามต้นกำเนิดของโรคซาร์สที่มีต้นกำเนิดในจีนและระบาดในปี 2546 ได้เผยแพร่บทความทางวิชาการเพื่อหักล้างทฤษฎีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯว่าไวรัสดังกล่าวเป็น “อาวุธชีวภาพ” หรือมาจาก “การรั่วไหล” จากห้องปฏิบัติการของสถาบัน ทั้งนี้การยืนยันต้นกำเนิดของไวรัสน่าจะใช้เวลาหลายปี โดยทั่วไปต้องมีการวิจัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนรวมถึงการเก็บตัวอย่างจากสัตว์ การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมและการศึกษาทางระบาดวิทยา ความเป็นไปได้ก็คือผู้ลอบล่าสัตว์ป่า แพร่ไวรัสไปยังพ่อค้าที่นำเชื้อไปยังอู่ฮั่นผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มแรกถูกตรวจพบในอู่ฮั่นปลายปี 2562 ตามมาด้วยการสั่งให้ประชาชน 11 ล้านคนอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด 76 วัน นับจากนั้นจีนมีผู้ป่วยมากกว่า 89,000 รายและเสียชีวิต 4,600 ราย.