พูดมากเดี๋ยว “เข้าตัว” ตามอาการที่เดาทางได้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ตอบคำถามนักข่าวทำเนียบรัฐบาล ที่ดักสัมภาษณ์ “จุดยืน” กรณีร้อนกระหึ่มโลก กองทัพเมียนมาทำรัฐประหารรัฐบาลเลือกตั้งภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี โดยตัดบทเพียงสั้นๆขอให้เป็นไปตามจุดยืนของอาเซียนแต่นั่นก็ล้อไปกับปรากฏการณ์ที่อธิบายได้ละเอียดกว่าคำพูด ตามฉากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งคนไทยและพม่า หน้าสถานทูตเมียนมา ประจำกรุงเทพฯ แสดงพลังต่อต้านการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลนางซูจีนำขบวนโดยกลุ่มการ์ดวีโว แนวร่วมมวลชนราษฎร“เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมโดยเฉพาะคนสำคัญอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช แกนนำทีมสีส้ม “เจี๊ยบ นครปฐม” นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.นครปฐม พรรคก้าวไกล แสดงตัว เปิดหน้าเข้าร่วมชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ โชว์อีเวนต์ระดับโลกอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา“ตัวจี๊ด” ทีมคนรุ่นใหม่ต่อต้านรัฐประหารประเทศเพื่อนบ้าน แดกดันกระทบชิ่งทหารเฒ่า 3 ป.ล่อกันเลือดตกยางออก บู๊ดุเดือดแซงหน้าพม่าเสียด้วยซ้ำภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์เมืองไทย พล.อ.ประยุทธ์ประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” มาก่อน พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่งัด “เคอร์ฟิว” แช่แข็งฝ่ายต่อต้าน อ้างอิงสถานการณ์ควบคุมโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ลากยาวต่อเนื่องจากเกมความมั่นคง คุมม็อบนักเรียน นิสิต นักศึกษาว่ากันก็เหมือน “รัฐประหารเงียบ” มาพักใหญ่แล้วแนวโน้มผู้นำทหารเฒ่าของประเทศไทยจึงได้แต่อู้อี้ๆ พูดเรื่องรัฐประหารพม่าได้ไม่เต็มเสียงแต่ที่ส่งสัญญาณเข้มข้ามโลกมาเลย ล่าสุดประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศกร้าว เดินหน้าทบทวนกฎหมายและอำนาจคว่ำบาตรต่อเมียนมาในทันทีสหรัฐฯจะยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่มันถูกโจมตีอารมณ์ล้อกับสุนทรพจน์ในวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ย้ำคำว่า “ประชาธิปไตย” ถึง 16 ครั้ง ผู้นำอเมริกันคนใหม่ต้องจัดหนัก“เล่นแรง” กับผู้นำทหารเฒ่าของพม่าแน่และเตรียมตั้งรับกันให้ดีๆกับ “side effects” ผลข้างเคียงที่จะลามมาถึงต้นแบบ “พิมพ์เขียวอินโดจีน” ทหารใส่สูทเป็นรัฐบาล ประเทศไทยภายใต้การลากยาวอำนาจของทีมทหารเฒ่า 3 ป.ส่อไม่พ้น “ลูกหลง” ยุทธการ “แบน” ท็อปบูตพม่าสหรัฐฯกับพันธมิตรชาติตะวันตกไม่ยอมให้ประชาธิปไตยอินโดจีนล้มเป็นโดมิโนแน่โดยเฉพาะเงื่อนไขทางด้านเศรษฐกิจที่จะผูกเป็นเงื่อนปมกับไทยในฐานะเพื่อนบ้านใกล้เคียง ตามสัญญาณล่าสุดที่ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในพม่า เตือนเลยว่าวิกฤติการเมืองอาจบั่นทอนกระบวนการเปลี่ยนผ่านของพม่า และทำลายโอกาสในการพัฒนาประเทศเศรษฐกิจจะเป็นอาวุธในการ “บอมบ์” ได้เห็นผลที่สุดณ จุดที่มหาวิกฤติโควิดกำลังล้อมทั้งพม่าและไทย ลำบากขึ้นทุกขณะ ประชาชนคนรากหญ้ากำลังเข้าสู่ภาวะอดอยากปากแห้ง ธุรกิจเจ๊งระเนระนาดไม่ช้าก็เร็ว โอกาสม็อบไล่รัฐบาลผู้นำทหารที่บริหารไม่เป็น ต้องเกิดแน่และก็น่าจะหยั่งสถานการณ์ได้ โดยไม่ต้องพึ่ง “โหรวารินทร์” นั่งทางในตามอาการ “สะท้าน” กระแส แบบที่ทีมไอโอของ “บิ๊กตู่” ต้องโพสต์โซเชียลฯแบบรัวๆ ออกตัวเรื่องการเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ ยืนยันกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจน เพื่อแก้ไขความคลาดเคลื่อนของข้อมูลต่างๆโดยให้ชะลอการเรียกคืนหรือฟ้องร้องเอาไว้ก่อนรีบถอนฟืนออกจากกองไฟ เบรกกระแสดราม่า ซ้ำเติมคนแก่ ไม่เห็นใจคนยากจนนั่นไม่อันตรายเท่ากับปม “ตอกลิ่ม” เปรียบบิ๊กๆกองทัพ ที่ควบเก้าอี้ ส.ว. ย้อนไปถึงรัฐบาล คสช.พวกท็อปบูตส่ายก้นมานั่งเป็นรัฐมนตรี รับเงินเดือนซ้ำซ้อน 2-3 ทาง ยังทำได้แต่คนชรารับเงินบำเหน็จซ้ำซ้อน โดนไล่บี้เอาคืนโดนย้อนคอหอย กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลย.ทีมข่าวการเมือง