ผมชอบคณะผู้บริหารท้องถิ่นนครอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่แม้จะถูกโลกประณามหยามหมิ่นเรื่องเป็นจุดกำเนิดของการระบาดของโรคโควิด-19 ภาพผู้คนเจ็บป่วยและล้มหาย ตายจากเมื่อครึ่งปีแรกของ พ.ศ.2563 ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้คนบนโลกใบนี้ตอนนั้นทุกคนคิดว่าอู่ฮั่นแย่แล้ว ต่อไปในอนาคตจะต้องเป็นเมืองร้าง เป็นเมืองที่ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไปเรียน ไปทำมาค้าขาย หรือไปปักหลักลงทุน พอพูดว่าอู่ฮั่น ผู้คนก็แขยงแขงขน ไม่อยากให้คนจากอู่ฮั่นมาเข้าใกล้แต่ชาวอู่ฮั่นสู้ รัฐบาลท้องถิ่นของอู่ฮั่นก็ไม่ท้อถอย ให้กำลังใจผู้คนและขยันทำความสะอาดทุกตรอกซอกซอย จนสามารถพูดได้ว่า ถ้าจะพูดถึงสถานที่ปลอดภัยจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน หรือแม้แต่ในโลกนี้ละก็ ต้องยกให้อู่ฮั่นเป็นเบอร์ 1 นี่ไม่ใช่ผมพูดเองนะครับ แม้แต่สื่อมวลชนในหลายประเทศที่ติดตามเรื่องอู่ฮั่นอย่างใกล้ชิดก็พูดประโยคเดียวกันนี้ผู้คนและรัฐบาลท้องถิ่นอู่ฮั่นต่างร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะในช่วงไตรมาสแรกของ พ.ศ.2563 จีดีพีของอู่ฮั่นลดลงมากถึงร้อยละ 40.5 (เมื่อเทียบปีต่อปี) ตอนที่เจอโรคระบาดครั้งแรกในอู่ฮั่น รัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางก็ประกาศล็อกดาวน์อู่ฮั่นทันทีเพื่อยับยั้งการระบาดของโควิด-19จีดีพีของอู่ฮั่นทั้ง พ.ศ.2563 หดตัวร้อยละ 4.7 อยู่ที่ 1.56 ล้านล้านหยวน เป็นเงินไทยก็ประมาณ 7.22 ล้านล้านบาท แต่ในปีนี้ พ.ศ.2564 รัฐบาลท้องถิ่นนครอู่ฮั่นตั้งเป้าหมายลงทุนในสินทรัพย์ถาวรให้เติบโตร้อยละ 10 การค้าปลีกเติบโตร้อยละ 15 และการสร้างงานใหม่ในพื้นที่เมือง 2.1 แสนอัตรา โดยตั้งเป้าหมายให้อู่ฮั่นมีจีดีพีในปีนี้เติบโตถึงร้อยละ 10มีข่าวปลอมโจมตีอู่ฮั่นกันแยะ รัฐบาลจีนจึงเชิญคณะทำงานพิเศษขององค์การอนามัยโลก (WHO) ลงพื้นที่ในโรงพยาบาลในนครอู่ฮั่น เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ รัฐบาลจีนยอมให้ทีมงานขององค์การอนามัยโลกเข้าไปตรวจสอบโรงพยาบาลในอู่ฮั่น โดยเฉพาะโรงพยาบาลจินอิ๋นถานซึ่งเป็นสถานที่แรกที่เมื่อเดือนธันวาคม 2562 มีผู้เข้าไปรักษาอาการปอดอักเสบรุนแรงเฉียบพลัน ซึ่งตอนนั้นยังไม่ทราบว่าอาการอย่างนี้คือการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เขียนถึงองค์การอนามัยโลก เสาร์ที่ผ่านมาองค์การนี้ก็วิพากษ์วิจารณ์คำแถลงของสหภาพยุโรปที่ต้องการควบคุมการส่งออกวัคซีนจากสหภาพยุโรป ซึ่งหมายความว่า ไม่ให้ส่งวัคซีนแอสตราเซเนกาที่มีโรงงานตั้งอยู่ที่เบลเยียมไปนอกกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปผมว่างานนี้สหภาพยุโรปคิดไม่สวยนะครับ พวกคุณแสดงความเห็นแก่ตัวว่าจะต้องใช้วัคซีนนี้เฉพาะในสหภาพยุโรปเพียงอย่างเดียว โดยไม่นึกเลยว่าโควิด-19 เป็นโรคระบาด หากไม่ฉีดให้ครอบคลุมทั้งโลก สักวันหนึ่งคนที่มีเชื้อโควิด-19 ที่เหลืออยู่ก็อาจจะเป็นพาหะนำโรคระบาดรุนแรงกลับไปที่สหภาพยุโรปอีกก็ได้ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายต้องการวัคซีนด้วยเช่นกัน เมื่อคุณมีวัคซีนแล้ว ก็ควรแบ่งกัน ไม่ควรจำกัดให้อยู่แต่ในประเทศพัฒนาแล้ว หรือรวยแล้วอย่างในสหภาพยุโรปเท่านั้นในหลายประเทศ คนที่มีฐานะก็ตะเกียกตะกายแย่งที่จะได้รับวัคซีนก่อนคนอื่น ในแคนาดามีดินแดนยูคอนทางตะวันตกของประเทศ มีชุมชนชนบทในยูคอนกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 เหตุที่ได้รับเป็นที่แรกเพราะชุมชนนี้อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล ไม่มีทรัพยากรพร้อมที่รับมือกับการระบาดของไวรัส ถึงวันฉีดก็ยังอุตส่าห์มีเศรษฐีที่เป็นซีอีโอของบริษัทกาสิโนใหญ่พร้อมภรรยาเช่าเครื่องบินไปแย่งคนในชุมชนพื้นเมืองนี้ฉีด ฉีดเสร็จแล้วก็บินกลับโดยไม่มีการกักตัว 14 วันเมื่อก่อนมนุษย์ทะเลาะกันเพราะแย่งน้ำมันยุคปัจจุบันอาจจะเคืองกันเพราะแย่งวัคซีนก็ได้.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com