เหตุท่อก๊าซที่ระเบิดที่ ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำความเข้าใจกันเสียใหม่ เอาแบบชัดๆกันไปเลยก็คือท่อที่ระเบิดนั้นเป็น “ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas)” หรือเรียกย่อๆกัน “NG” เป็นก๊าซที่ดูดส่งตรงมาจากทะเลอาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย บอกว่า ก๊าซธรรมชาติต่างกับ NGV...ก๊าซธรรมชาติที่เอามาอัดด้วยแรงดันสูงเพื่อให้สถานะเป็นก๊าซเหลวใช้ในรถยนต์ แล้วก็คนละอย่างกับก๊าซ LPG ที่เติมในรถยนต์เวลารั่วจะตกลง ไม่ลอยขึ้นที่สูง ประเด็นสำคัญ...ท่อก๊าซนี้ใช้งานมานาน 24 ปีแล้ว แล้วก็วางอยู่ใต้สายส่งไฟฟ้า ระยะเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่ตามมาก็คือทั้งก๊าซที่ผ่านเข้าในท่อก็มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ปนอยู่ แล้วก็มีไอน้ำทะเลเข้ามาด้วยก็กลายเป็นกรดซัลฟิวริกกัดกร่อนท่อไปเรื่อยๆไม่รู้ว่ามากน้อยอย่างไรและบริษัทปตท.รู้เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนประเด็นต่อมาพื้นที่แถวบางบ่อ “แผ่นดินทรุด” มากที่สุดในประเทศไทย เวลาเชื่อมท่อก็อาจมีรอยเลื่อนได้ เมื่อบวกกับการผุกร่อนก็มีโอกาสระเบิดขึ้นมาได้ ข้อสันนิษฐานทางวิชาการเป็นเช่นนี้ แล้วก็ยังมีประเด็นข่าวที่นำเสนอกันไปแล้วกรณีการเข้าไปขุดเจาะจนเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาก็อีกเรื่องหนึ่งตอกย้ำจุดสนใจสำคัญคือ “right–of–way” หรือ “ระยะห่าง” สำหรับการวางแนวท่อก๊าซธรรมชาติเพื่อความปลอดภัย...จากเหตุท่อก๊าซธรรมชาติขนาดประมาณ 36 นิ้วระเบิด ข้าง สภ.เปร็ง หมู่ 9 ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 ต.ค.63 การระเบิดของท่อส่งก๊าซที่ฝังเป็นแนวมาตามถนน โดยจุดดังกล่าวกำลังมีการก่อสร้างซ่อมแซมถนน คาดว่า...คนงานใช้เครื่องขุดเจาะไปโดนท่อส่งก๊าซ ทำให้เกิดระเบิดขึ้น ข้อนี้...ในต่างประเทศ เช่น อเมริกาและแคนาดาจะกำหนดในกฎหมายให้มีขอบเขตของ right–of–way หรือระยะห่างสำหรับการวางแนวท่อก๊าซธรรมชาติที่ชัดเจน และให้ขยายได้ข้างละ 30 เมตร หรือ 100 ฟุตจากแนวท่อก๊าซ ทั้ง 2 ด้าน...โดยห้ามไม่ให้มีการทำกิจกรรมในระยะดังกล่าวทั้งหมดและ...ต้องมีป้ายเตือนชัดเจนหากเข้าไปทำกิจกรรมใดๆต้องขออนุญาตจากหน่วยงานก่อนมิฉะนั้นจะมีโทษหนัก ส่วนในพื้นที่ป่าหรือภูเขาจะกำหนดระยะป้องกันข้างละ 10 เมตรกฎกระทรวงเรื่องการขนส่งก๊าซทางท่อ พ.ศ.2556 ประเทศไทย กำหนดเฉพาะสถานีก๊าซที่ต้องอยู่ห่างจากที่ดินประชาชนระยะ 7.50 เมตรเท่านั้น สำหรับในกรณีที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติเป็นท่อฝังดินโดยวิธีการขุดเปิด ต้องมีการฝังเทปเตือนสีเหลืองมีข้อความเตือนเป็นภาษาไทยไว้เหนือท่ออย่างน้อย 0.3 เมตรถ้ามีแผ่นคอนกรีตป้องกันท่อให้ฝังเทปเตือนไว้เหนือแผ่นคอนกรีตและมีป้ายแจ้งเตือนพร้อมหมายเลขแจ้งโทร.เมื่อเกิดอุบัติเหตุสำหรับ “ระยะห่าง” หรือ “right–of–way” ยังไม่ชัดเจนว่าขึ้นกับการทำรายงานอีไอเอที่เสนอ สผ. แต่ที่เห็นจะมีป้ายเตือนทุกๆ 200-500 เมตร โดยมีเขตระมัดระวังข้างละ 5.0 เมตร เพื่อให้ประชาชนรับรู้เท่านั้นย้ำว่า...เรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญของ “ท่อก๊าซ” เพราะหากไม่เข้มงวดจะเกิดอุบัติภัยร้ายแรงดังที่เกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ระยะห่างด้านข้าง ข้างละ 5 เมตรที่ไม่ให้คนเข้าไปทำกิจกรรม ความลึกที่ฝังจากพื้นดินอยู่ที่ 1.5 เมตรใต้สายส่งไม่ต้องเวนคืนใครแต่อยู่ใกล้ชุมชน ปัญหาสำคัญมากๆก็คือวันไหนที่แก๊สรั่วเกิดประกายไฟขึ้นมา ก็เป็นเรื่องใหญ่...“ก๊าซธรรมชาติ”...เวลารั่วจะลอยตัวขึ้นที่สูง เพราะมี “มีเทน” เยอะ ทำให้เกิด “ระเบิด” ได้“ท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติ” ซึ่งมีองค์ประกอบของ “ก๊าซมีเทน” ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีคุณสมบัติเป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้า ลักษณะของก๊าซจะเบากว่าอากาศโดยมีค่าความถ่วงจำเพาะ 0.5-0.8เมื่อรั่วไหลออกมาในปริมาณมากด้วยแรงดันสูงจะลอยขึ้นและแผ่เป็นรัศมีในวงกว้าง...ติดไฟเมื่อมีประกายไฟ โดยช่วงที่ติดไฟได้เมื่อมีอยู่ในอากาศที่ร้อยละ 5-15 ของปริมาตรอากาศ (%LEL)“แนวท่อก๊าซ”...แนวนี้มาจากมาบตาพุดวิ่งมาจากในทะเลมาที่บางบ่อ ช่วงที่ระเบิดเป็นช่วงต่อไปยังวังน้อย ส่งเข้าไปโรงไฟฟ้าวังน้อย อยุธยาแล้วก็ยังมีต่อเนื่องส่งไปถึงแก่งคอย สระบุรี...ก๊าซเหล่านี้พร้อมใช้งานระยะทางรวมๆแล้วเป็นร้อยกิโลเมตร คำถามสำคัญตามมามีว่า... ประชาชนคนทั่วไปที่อาศัยอยู่ละแวกแนวท่อควรเตรียมตัวรับมือ ป้องกันอันตรายไม่คาดฝันอย่างไรได้บ้าง?อาจารย์สนธิ ย้ำว่า ท่อก๊าซต้องเข้าข่ายทำรายงานอีไอเอ ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม แล้วก็ต้องมีการทำประชาพิจารณ์ให้ชาวบ้านรู้ แต่ท่อที่ระเบิดเกิดก่อนที่จะมีกฎหมายอีไอเอชาวบ้านก็ไม่รู้ บางที่...บางจุดอาจจะปลูกบ้านอยู่ใกล้ท่อมากๆ ด้วยซ้ำไปต่อเนื่องไปถึง...อีกคำถามสำคัญ บริษัทเจ้าของท่อ ทำเอง ตรวจสอบเองทั้งหมดแบบครบวงจร ด้วยอ้างเหตุผลว่ามีระบบความปลอดภัยพร้อม แล้วก็ทำตามมาตรฐานสากล มีการตรวจการผุกร่อน “การทำเอง ตรวจสอบเอง แล้วใคร?ตรวจสอบบริษัทเจ้าของท่อ กระทรวงพลังงานต้องเชื่อบริษัทฯทั้งหมดหรือ? แล้วมีใครมาตรวจสอบบ้าง ตรวจสอบยังไงบ้าง...”หากเกิดกร่อน รั่วขึ้นมาระยะทางยาวขนาดนี้ ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดขึ้นตรงจุดใด และเมื่อใด ยิ่งชาวบ้านก็ไม่มีโอกาสได้รู้แน่ ความเสี่ยง การระเบิดก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกต้องพิจารณาว่าการติดตามตรวจสอบตามมาตรฐานของ ASME B31.8 และตามมาตรการในรายงานอีไอเอ เช่น จัดให้มีระบบตรวจสอบการรั่วไหลของก๊าซธรรมชาติ (SCADA) ตลอด 24 ชม.เป็นต้น ทำได้ตามที่กำหนดครบหรือไม่“ก๊าซธรรมชาติ” ถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงโดยตรงในโรงงาน โรงผลิตไฟฟ้า โรงงานที่มีหม้อต้มน้ำบอยเลอร์ และ...บางส่วนก็เอาไปแยกทำปิโตรเคมีกรณีศึกษาในต่างประเทศจะดูแลชาวบ้านบริเวณแนวท่อก๊าซเป็นอย่างดี ชดเชยให้เขา แล้วก็มีการตรวจตราอย่างละเอียด แต่ด้วยระยะความกว้างด้านข้างที่ห้ามไว้แค่ 5 เมตร บางทีก็ห้ามชาวบ้านไปทำกิจกรรมยาก บุกเข้ามาใกล้ๆ บางทีก็เลยเข้าไปบ้าง แน่นอนว่า บริษัทเจ้าของท่อต้องมีการตรวจตลอดแนวในเขตตัวเอง (แนวท่อ) ต้องรักษาเอาไว้อย่าให้ใครมารุกล้ำได้ ความลึกแค่เมตรกว่าๆก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาได้แน่นอน ยิ่งท่อเกิดการกัดกร่อนในตัวเองอยู่แล้ว มีความบางก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น“แรงดันก๊าซธรรมชาติในท่อสูง แต่ถ้าเกิดรั่วขึ้นมา มันไม่มีกลิ่น ไม่มีสี...ถ้าเจอประกายไฟเมื่อไหร่ก็ระเบิดไม่เหมือนก๊าซทำกับข้าวในบ้านรั่วจะรู้ทันทีป้องกันปิดวาล์วได้ทันท่วงที”แน่นอนว่า “ก๊าซธรรมชาติ” ถ้ารั่วขึ้นมาก็ไม่มีใครรู้ได้แม้จะอยู่ใกล้ชิดติดจุดที่รั่วนั้น จะรู้อีกทีก็ต่อเมื่อเกิดเหตุร้ายเจอประกายไฟระเบิดขึ้นมาแล้ว แต่ถ้ายังโชคดี...ท่อมีจุดรั่ว ห้องควบคุมจะรู้ว่ามีความดันในท่อลดลง ก็มีระบบเช็กบริเวณไหนจุดใด แก้ไขได้ทันท่วงทีเช่นกัน...โอกาสรั่วนั้นมีแน่นอน แต่...ระบบการบริหารจัดการแก้ปัญหาต้องเร็วท้ายที่สุดแล้วความท้าทายสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ “ความเชื่อมั่น” ของประชาชนต่อ “ท่อก๊าซ” ที่วางใกล้ชุมชน ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงย่อมรู้สึกหวาดระแวง จึงต้องเรียกความไว้วางใจกลับมา.