ใช้ ‘ศาสตร์จีน’ ไร้ใบอนุญาต! อ้างช่วยคนไข้ ทำตั้งแต่รุ่นปู่ตำรวจ ปคบ.จับมือ สบส.และ อย.บุกจับคลินิกรักษาตาเถื่อน ใช้บ้านเปิดเป็นคลินิก มีลูกค้ารอรับการรักษาอยู่เกือบ 10 คน พบหมอเถื่อนเป็นผู้หญิง เรียกเก็บเงินลูกค้าหัวละ 5,000 บาท อ้างใช้ศาสตร์แผนจีนและสมุนไพรจีนรักษา ทำมา 3 ชั่วอายุคน ยอมรับรู้ว่าผิดกฎหมายแต่รับรักษาเพราะอยากช่วยคนป่วย คนไข้เผยประสบการณ์มารักษาตั้งแต่รุ่นพ่อ ได้ผลกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน แจ้ง 5 ข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายเจ้าหน้าที่บุกจับคลินิกรักษาตาเถื่อนรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 พ.ย. พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และภกญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. เจ้าหน้าที่ สบส. และเจ้าหน้าที่ อย. พร้อมหมายค้นบุกเข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 79/217 หมู่บ้านศุภาลัยวิลล์ ซอยเพชรเกษม 48 แยก 16 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม. หลังสืบทราบว่า เป็นที่ตั้งคลินิกเถื่อนเปิดรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตาชื่อ “พัฒนาสายตา บำบัดดวงตาศาสตร์จีน”ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นรั้วรอบขอบชิดเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางวา จากการตรวจสอบบริเวณชั้น 1 พบคนไข้ 3-4 คนนอนอยู่บนเปลนอน มีผ้าก๊อซชุบน้ำยาสีเหลืองไม่ทราบชนิดปิดอยู่บริเวณเปลือกตา ขณะที่คนไข้อีกจำนวนหนึ่งราว 5 คนนั่งรออยู่บริเวณโซฟารอการรักษา มี น.ส.วรรณรัฏฐ์ ธีทัตติณห์ อายุ 43 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของคลินิก และผู้ให้การรักษา ตรวจค้นพบอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ เข็มชนิดใช้ฝังเข็ม และยาหยอดตาที่ไม่มี อย. ยาน้ำที่ไม่มีฉลากระบุชื่อยา รวมถึงยาลูกกลอนไม่มีฉลากจำนวนมาก เมื่อขอดูเอกสารอนุญาตเปิดสถานพยาบาลและใบประกอบการรักษาโรคของ น.ส.วรรณรัฏฐ์ ไม่สามารถนำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูได้นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ที่เคยมาใช้บริการ และไปแจ้งความที่ บก.ปคบ. เนื่องจากเข้ารับการรักษาแล้วดวงตาเกิดติดเชื้อ บก.ปคบ. อย.และ สบส.สืบสวนในทางลับ กระทั่งมีข้อมูลเพียงพอเข้าจับกุมวันนี้ ตรวจสอบพบว่า สถานที่แห่งนี้ไม่มีใบประกอบสถานบริการหรือคลินิกเถื่อน ผู้ให้การรักษาไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคในศาสตร์ด้านใดเลย หรือเป็นหมอเถื่อนนั่นเองด้าน ภกญ.สุภัทรา บุญเสริม เผยว่า การตรวจค้นวันนี้ในส่วนของ อย.พบว่า การใช้ยาน้ำที่ไม่มีฉลากระบุและยาลูกกลอนที่ไม่มีฉลาก ยาหยอดตาที่ไม่ขึ้นทะเบียน มีความผิดฐานขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา และไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายยา อยากเตือนประชาชนที่ใช้การรักษาลักษณะนี้อันตรายมาก เนื่องจากเราไม่สามารถทราบถึงตัวส่วนผสมที่นำมาใช้ทำยาลูกกลอนได้เลย รวมถึงยาหยอดตาที่ไม่ได้เก็บด้วยวิธีการปลอดเชื้อ หากหยอดตาที่มีแผลอาจทำให้ติดเชื้อได้สอบสวน น.ส.วรรณรัฏฐ์ หมอเถื่อนรายนี้อ้างว่า ศาสตร์แผนจีนที่ใช้รักษา ครอบครัวตนใช้รักษาคนที่มีปัญหาที่ตาทุกชนิดมากว่า 3 ชั่วอายุคน ใช้สมุนไพรจากประเทศจีนทั้งหมด คิดค่าบริการ 5,000 บาทต่อคน รักษาจนอาการหาย ส่วนใหญ่เป็นค่ายาสมุนไพรที่ราคาแพง บ้านหลังนี้เปิดรักษามาแล้วประมาณ 2 ปี ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาจะเป็นแบบปากต่อปากและจากโซเชียลด้วย การรักษาแบบนี้ตนรู้อยู่แก่ใจว่า มันผิดกฎหมาย แต่ทำเพราะอยากช่วยคนให้หาย ขณะนี้พยายามเรียนแพทย์แผนไทยอยู่แต่ยังไม่จบ“สำหรับการรักษาไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับดวงตา ส่วนใหญ่เป็นการใช้เข็มสะกิดเส้นที่ไหล่ และแปะยาที่หัวแม่เท้า ส่วนที่นำผ้าก๊อซปิดตา เป็นการชุบสมุนไพรนำไปปิดเพื่อให้ผ่อนคลายเท่านั้น” น.ส.วรรณรัฏฐ์กล่าวสอบถามนายสมศักดิ์ ซัดเลาะรามา อายุ 65 ปี ผู้ป่วยที่มารับการรักษาเผยว่า ตนรู้จักและรับการรักษาแบบนี้มากว่า 20 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้มีปัญหาตาฝ้าฟางมองไม่ค่อยเห็น ต้องใส่แว่นตลอด ได้รับการรักษาจากพ่อของ น.ส.วรรณรัฏฐ์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว ครั้งแรกก็เห็นผลไม่ต้องใส่แว่นอีก เทียบแล้วอาการดีขึ้นกว่าตอนรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน ที่นี่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับดวงตาเลย แต่ใช้เข็มสะกิดเส้นที่ไหลทั้ง 2 ข้าง ประคบตาให้ผ่อนคลาย และใส่ยาปิดไว้ที่หัวแม่เท้า มีการหยอดตาและกินยาลูกกลอนบ้างบางครั้ง สำหรับ น.ส.วรรณรัฏฐ์ ตนเพิ่งทราบข่าวว่า มาเปิดคลินิกอยู่ที่บ้านหลังนี้ เลยมาปรับจูนสายตาให้ดีขึ้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ใช้เวลาต่อครั้งไม่เกิน 1 ชม.เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คุมตัว น.ส.วรรณรัฏฐ์ พร้อมยึดของกลางทั้งหมดไปสอบสวนต่อที่ บก.ปคบ. แจ้งข้อหา ประกอบกิจการและดำเนินการสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต ข้อหาจำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ข้อหาประกอบโรคศิลป์โดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต และข้อหาจำหน่ายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป