ขอขอบพระคุณ นายสกรรจ์ แสนโสภา ผู้ช่วยทูตฝ่ายการพาณิชย์ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง ที่มาเยี่ยมร้านและภัตตาคาร ‘คาเฟเทอเรีย นิธินาคิน์’ ของผมที่เมืองหลินกุ้ยและเมืองกุ้ยหลินครับอีกประเทศหนึ่งซึ่งนโยบายต่างประเทศของไทยควรปรับปรุงและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันก็คือซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นรัฐในโลกอาหรับที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย ซาอุฯ มีพื้นที่กว้างขวางถึง 2.1 ล้านตารางกิโลเมตร แม้ว่าจะเป็นราชอาณาจักรที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2475 แต่ต้องยอมรับว่า มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มากเมื่อวานกับวันนี้ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนหน้านี้ เมื่อซาอุฯต้องการสร้างทางรถไฟระโนงโยงเยงไปทั้งราชอาณาจักร ก็ได้จีนไปสร้างให้โดยไม่เอาสตางค์ แต่แลกเป็นน้ำมันแทน ซาอุฯเป็นผู้ส่งน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในจีน จีนก็แฮปปี้มีความสุขเพราะตนเองมีโรงงานจำนวนมหาศาลที่ใช้ผลิตสินค้า โรงงานเหล่านี้ต้องพึ่งพาน้ำมันทั้งสิ้นแต่เดิม ซาอุฯคิดจะเกาะสหรัฐฯ และยุโรป ตามไปลงทุนในทวีปโน้นชาตินี้ แต่หลังจากที่มีเรื่องฆาตกรรมนายจามาล คาช็อกกี นักเขียนนักวิจารณ์ประจำหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯกับโลกตะวันตกก็ไม่ค่อยดีนัก ซาอุฯเริ่มรู้ว่าสหรัฐฯ และยุโรปไม่ใช่มิตรแท้ ที่จะคบล่มหัวจมท้ายกันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูได้ ซาอุฯจึงเริ่มหันมามองประเทศมหาอำนาจสัญชาติเอเชียแทนยังไม่ทราบนะครับว่ามกุฎราชกุมารซัลมานมาคุยอะไรกับจีน แต่อย่างหนึ่งซึ่งมีข่าวออกมาก่อนแพลมๆ ก่อนหน้านี้ก็คือ เจ้าชายซัลมานต้องการลงทุนร่วมไปกับเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา แต่เดิมเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และยูโรมีบทบาทในตลาดน้ำมันโลก ผมคิดว่าเจ้าชายซัลมานมาจีนครั้งนี้ก็คงจะมาระดมทุนในรูปสกุลเงินหยวน งานนี้สหรัฐฯ ผลักมิตร ที่สำคัญที่สุดในตะวันออกกลางให้ไปยืนอยู่กับคู่แข่งนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและในเรื่องเศรษฐกิจระหว่างประเทศของซาอุฯ เปลี่ยนไปมากครับ ความที่เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตมโหฬารมหาศาล มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะ แต่คนน้อย ซาอุฯจึงต้องพึ่งแรงงานต่างชาติ ปีที่แล้วมีคนอินเดีย เข้าไปทำงานในซาอุฯ มากถึง 2.7 ล้านคน นำเงินเข้าอินเดียนับล้านล้านบาทต่อปี อินเดียก็ซื้อน้ำมันดิบของซาอุฯ มากถึงร้อยละ 20 ของที่ซาอุฯส่งออกทั้งหมด เจ้าชายซาอุฯจึงไปเยือนอินเดียด้วยความใฝ่ฝันปรารถนาของนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ก็คือ ต้องการจะเพิ่มโควตาแรงงานชาวอินเดียไปซาอุฯ มากกว่านี้เท่าหนึ่ง นั่นหมายความว่าคนอินเดียจะไปทำงานในซาอุฯ ได้มากถึง 5.4 ล้านคน นำเม็ดเงินเข้าประเทศได้เท่ากับงบประมาณประเทศไทยทั้งปี ถ้าส่งแรงงานเข้าไปได้ในจำนวนนี้จริง คนอินเดียก็จะแฮปปี้มีความสุข และเลือกนายโมดีเป็นนายกฯ ตลอดไปครับ ส่วนผลประโยชน์ที่ซาอุฯจะได้ก็คือ ได้คนไปทำงานแถมยังได้เข้ามาลงทุนในกองทุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของอินเดียนอกจากจีนและอินเดียแล้ว มกุฎราชกุมารซาอุฯยังเลือกไปเยือนปากีสถาน ก็คงจะตอบแทนที่นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ตอบรับเข้าร่วมการประชุมการริเริ่มเพื่อการลงทุนแห่งอนาคตที่กรุงริยาด เมื่อตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นโลกกำลังประณามซาอุฯ แต่ปากีสถานไม่แคร์ปีนี้ ซาอุฯจึงตอบแทนไมตรีด้วยการเซ็นสัญญาลงทุนในปากีสถาน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เห็นเป็นรูปธรรมก็คือ โครงการก่อสร้างโรงกลั่นในกวาดาร์ โครงการพลังงานทดแทนและโครงการอุตสาหกรรมเหมืองแร่การแสดงออกด้วยความเป็นเพื่อนมิตรในยามที่ประเทศหนึ่งประเทศใดลำบาก ก็จะได้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เพิ่ม ความสัมพันธ์กินไม่ได้ดอกครับ แต่ความสัมพันธ์นำไปสู่การค้าการลงทุน รวมไปถึงการจ้างแรงงานประเทศจะรวยจะจนเรื่องการต่างประเทศนี่ก็มีส่วนครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com