ภาพจากละคร บุพเพสันนิวาสอ่านสารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้สงสัยเรื่องสระล้างดาบประหารศรีปราชญ์ ที่นครศรีธรรมราช อยู่ที่ไหนกันแน่ พอดี คุณจรัญ หอมเทียนทอง สำนักพิมพ์แสงดาว ส่ง เรื่อง ราชวงศ์บ้านพลูหลวง ของ นพ.วิบูล วิจิตรวรการ มาให้เรื่องนี้หมอวิบูลค้นคว้าต่อยอดจากประวัติศาสตร์สากล ของหลวงวิจิตรวาทการ (แสงดาวพิมพ์ใหม่ ทั้งชุด) เจอหัวข้อราชวงศ์พลูหลวง ผมคาใจเรื่องสระล้างดาบประหารศรีปราชญ์ก็เลือกอ่านบทที่ 14 พิจารณาเรื่องศรีปราชญญฺ์ จากบันทึกของฝรั่งและไทย...ก่อนหมอวิบูลบอกว่า คำให้การของชาวกรุงเก่า และคำให้การขุนหลวงหาวัด พงศาวดารสองฉบับนี้เขียนตรงกัน เรื่องศรีปราชญ์ เกิดในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ“ศรีปราชญ์ฉลาดในทางโหราศาสตร์ และพระไตรปิฎก ชำนาญในทางแต่งกาพย์โคลงบทกลอนทั้งปวงพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี (พระเจ้าเสือ) ก็ทรงพระกรุณาชุบเลี้ยง ทรงโปรดประทานรางวัลเนืองๆ อยู่มาศรีปราชญ์ลอบมีเพลงยาวเข้าไปถึงนางสนม พระเจ้าเสือจับได้ สั่งให้เนรเทศไปอยู่เมืองนครศรีธรรมราชแล้วเจ้าความเก่งทางเพลงยาว ศรีปราชญ์เจอข้อหาแต่งเกี้ยวภรรยาเจ้าเมืองนครฯ เจ้าเมืองนครฯโกรธมาก สั่งให้จับไปฆ่า...”หมอวิบูลค้นหนังสือทั้งไทยฝรั่ง เปลี่ยนให้ศรีปราชญ์เป็นลูกพระโหราธิบดี โหรหลวงพระเจ้าปราสาททอง สืบเนื่องมาถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ตอนอายุ 9 ขวบ มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งสมเด็จพระนารายณ์ทรงแต่งโคลง“อันใดย้ำแก้มแม่หมองหมาย ยุงเหลือบฤาริ้นพราย ชอบย้ำ” แล้วทรงให้พระโหราธิบดีแต่งต่อ พระโหราธิบดีนำกระดานเขียนโคลงสองบทนั้น ไปวางที่บ้าน รุ่งเช้าขึ้นมา ก็มีนักเลงดีแต่งต่อผิวชนแต่จะกราย ยังยาก ใครจะกล้าให้ช้ำ ชอกเนื้อ เรียมสงวน9 ขวบ โวหารขั้นนี้ ศรีปราชญ์จึงได้เป็นมหาดเล็กหลวงหมอวิบูลท่านระบุปีไว้ด้วยว่า พ.ศ.2203 เรื่องแต่งโคลงกลอนถูกพระทัยได้รับพระราชทานรางวัลเนืองๆ ผู้รู้สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เขียนเล่าเอาไว้ว่ากันว่า ราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์ เต็มไปด้วยคนเก่งโคลงกลอน วันหนึ่งศรีปราชญ์เดินผ่านประตูวัง“แหวนนี้ท่านได้แต่ใดมา” นายประตูถาม “จอมพิภพโลกา ท่านให้” ศรีปราชญ์ตอบ “ทำชอบสิ่งใดนา วานบอก” “เราแต่งโคลงถวายไท้ ท่านให้รางวัล”แสดงว่า ผู้คนยุคนั้น แทบจะหายใจกันเป็นโคลงเป็นกลอนแต่เมื่อมีเรื่องโคลงกลอน เข้าไปถึงพระสนมเอกสมเด็จพระนารายณ์ หมอวิบูลบอกว่า สนมเอกผู้นั้น อีกศักดิ์เป็นน้องสาวพระเพทราชาเค้าเรื่องนี้มีในกำสรวลศรีปราชญ์ บทหนึ่ง“บาศรีจุฬาลักษณ์ เสาวภาคย์ กูเอย”ความโปรดปรานความผูกพัน กวีแหวนพระราชทาน...ความผิดขั้นประหาร จึงเป็นโทษแค่เนรเทศ และเหตุจากความผิดพลาดซ้ำเกิดกับเจ้าเมืองนครฯ ผู้ไม่มีความผูกพันกันมาก่อนขณะศรีปราชญ์เข้าหลักประหาร เขาเขียนโคลงด้วยนิ้วเท้าบนแผ่นทราย “ธรณีภพนี่เพิ่ง ทิพยญาณ หนึ่งรา เราก็ลูกอาจารย์ หนึ่งบ้าง เราผิดท่านประหาร เราชอบ เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้ คืนสนอง”ชีวิตศรีปราชญ์ จบลงเมื่อ พ.ศ.2226 ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์ สั่งหาตัว เมื่อทรงรู้ว่าถูกฆ่า ดาบนั้นก็คืนสนอง เจ้าเมืองนครฯถูกฆ่า ตามโคลงแช่งของศรีปราชญ์จริงๆเรื่องศรีปราชญ์ สอนคนรุ่นใหม่ให้รู้ว่า คนโปรดเจ้านายระดับแหวนพระราชทาน เล่าฟังกันได้ แต่ลบหลู่ไม่ได้ส่วนเรื่องสระล้างดาบ...ที่มีประเด็นสงสัย...อยู่ที่ไหน เป็นสระเดียว ล้างดาบเล่มเดียวกับดาบที่ประหารเจ้าเมืองนครฯ หรือไม่ พรุ่งนี้ ผมขออนุญาตเล่าต่อ.กิเลน ประลองเชิง