หลังจากดัชนีหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นทันที เมื่อเป็นที่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้ง ในเดือนพฤศจิกายน 2561 นายกรัฐมนตรีบอกผ่านโฆษกรัฐบาลว่า ไม่อยากให้มองว่าวันเลือกตั้งเป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ดัชนีหุ้นปรับตัว เพราะนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลอยู่แล้ว ทั้งด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย และนโยบาย ปฏิรูปประเทศการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน อาจจะไม่ใช่เพียงปัจจัยเดียวที่กระตุ้นให้ดัชนีหุ้นไทยพุ่ง นักลงทุนไม่ว่าจะเป็นไทยหรือต่างชาติ อาจจะไม่เลือกลงทุนแค่ประเทศประชาธิปไตย แม้แต่ประเทศที่มิใช่ประชาธิปไตย แต่การเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพ เช่น ประเทศจีนหรือเวียดนาม ก็อาจสร้างความเชื่อมั่น แม้การเมืองไม่เสรี แต่เศรษฐกิจเสรีแต่ที่น่าสนใจก็คือ ทำไมดัชนีหุ้นไทยจึงพุ่งทะยานผ่านแนวต้าน 1,700 จุด เป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี หลังจากที่เคยขึ้นสูงสุด 1,789 จุด เมื่อปี 2537 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย ที่มาจากการเลือกตั้ง ความเชื่อมั่นว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง และกลับคืนสู่ประชาธิปไตย เป็นปัจจัยสำคัญใช่หรือไม่ และเราจะต้องรักษาความเชื่อมั่นไม่ควรปล่อยให้คนของรัฐบาลออกมาชักใบให้เรือเสีย และสร้างความสับสนไม่แน่นอนเป็นระยะๆ เช่น แม่น้ำทั้ง 5 บางส่วน อ้างว่าถ้ามีคนยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อาจทำให้กำหนดเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีก และมีเสียงขานรับจากรองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้ป้องกันการเตะถ่วงยื้อเวลานักวิชาการเตือนว่าหาก สนช. ควํ่ากฎหมายลูกแค่ฉบับเดียว จะยื้อเวลาเลือกตั้งได้นานถึง 1 ปี เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ หากไม่เลื่อมใสศรัทธาการเลือกตั้ง ไม่เชื่อมั่นในประชาธิปไตย หรือต้องการอยู่ยาว ตรงกันข้ามกับ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองชื่อดัง ที่ฟันธงว่าการเลือกตั้งและคืนสู่ประชาธิปไตย จะทำให้ไทยรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอาจารย์อนุสรณ์พูดเนื่องในวันครบรอบ 44 ปี ของเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ว่าระบอบอำนาจเจริญฟื้นตัวอีกครั้ง เกิดรัฐประหารในเดือนกันยายน และคืนอำนาจให้ประชาชนใน 1 ปี แต่เกิดวิกฤติการเมืองอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดรัฐประหารอีกในเดือนพฤษภาคม 2557 และล่าสุดมีประกาศว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการเลือกตั้งในปี 2561นักวิชาการท่านนี้เรียกร้องให้รัฐบาล คสช. ให้ทำสัญญาคืนอำนาจให้แก่ประชาชน คืนการเลือกตั้งและประชาธิปไตย ภายในเวลาที่สัญญา เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤติการเมือง และความรุนแรงในอนาคต หากไทยมีประชาธิปไตยที่มั่นคง มีเสถียรภาพ ไม่มีรัฐประหาร ไม่มีความรุนแรงทางการเมือง ในช่วงหนึ่งหรือสองทศวรรษ จะเป็นประเทศที่มั่งคั่งและยั่งยืน.