ดุเดือด...เข้มข้น...ต่อเนื่อง สำหรับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ที่เพิ่งคลอดมาได้ไม่นาน...ล่าสุด “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. นำทีมตำรวจหลายหน่วยเปิดยุทธการปราบปรามแก๊งคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาตั้งตัวเป็นมาเฟียก่ออาชญากรรมในเมืองไทยลุยปิดล้อมตรวจค้น 11 จุดทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล เป้าหมายทั้งสถานบริการ ร้านอาหาร เกสต์เฮาส์ โรงแรม ฯลฯ โดยเฉพาะแหล่งมั่วสุมสำคัญภายในซอยสุขุมวิท 4 หรือที่ติดปากในชื่อซอยนานาที่มีมาเฟียสารพัดเชื้อชาติ-ภาษา แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าเกลื่อนซอยไปหมด!มีทั้งแก๊งปลอมธนบัตร (Black Money) แก๊งหลอกลวงแต่งงาน (Romance Scam) แก๊งปลอมบัตรเครดิต (Skimming) แก๊งหลอกขายเพชรปลอม แก๊งยาเสพติด...ผลการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาชาวไนจีเรีย แทนซาเนีย และอุซเบกิสถานกว่า 52 คน ความผิดสารพัดตั้งแต่หลบหนีเข้าเมือง อยู่เกินเวลา ไปจนถึงยาเสพติดงานนี้มีของใหม่ เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอผู้ถูกจับกุมทั้งหมดไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน เผื่อวันหน้าแอบกลับเข้ามาก่อคดีในประเทศไทยอีกอันนี้ผมเห็นว่าดี เพราะใช้วิทยาศาสตร์มาเก็บข้อมูลดิบไว้ วันหน้าจะได้ตรวจสอบง่าย...ยิ่งเดี๋ยวนี้วิทยาการด้านศัลยกรรมตกแต่งมันไปไกลจนน่ากลัว ไอ้ที่เคยดูหนังที่คนร้ายผ่าตัดเปลี่ยนหน้าแล้วหัวเราะเยาะว่า ฮาดี...ถึงวันนี้ ต้องยอมรับกันแล้วว่า เป็นไปได้!?!นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่น่าตกใจคือ 1 ในผู้ต้องหาผิวสีที่ถูกจับกุมครั้งนี้ เคยถูกจับข้อหามีโคเคนไว้ในครอบครอง ศาลตัดสินจำคุกมาแล้ว 5 ปีแต่หลังพ้นโทษกลับไม่โดนเนรเทศ ผู้ต้องหาก็ยอมรับเองด้วยว่า ที่อยู่ได้เพราะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจนสามารถอยู่เมืองไทยต่อได้เออ...แบบนี้ก็มีด้วย อาชญากรข้ามชาติมันถึงเต็มบ้านเต็มเมือง!ไม่อยากกล่าวโทษ “สตม.” ลอยๆ แต่ขอให้ “บิ๊กโจ๊ก” ลองตรวจสอบจริงจังซักทีเป็นคนดูแลประตูบ้าน ดันปล่อยให้อาชญากรพวกนี้เดินเข้าออกเป็นว่าเล่น อย่างนี้ปราบเมื่อไหร่จะหมด?สหบาท