รองอธิบดีดีเอสไอเผยผู้ต้องหาคดีเจ้ามอญ คดีแชร์ลูกโซ่ ฌาปนกิจสงเคราะห์ 1 ชีวิต 1 ล้าน รวมทั้งมูลนิธิแอบอ้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่านสายไหม ล้วนเป็นกลุ่มแก๊งเดียวกัน ด้าน ผกก.4 บก.ป. ชี้ มูลนิธิดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกงและหมิ่นเบื้องสูง เตรียมประสานดีเอสไอร่วมกันทลายแก๊งลวงโลกต่อกรณีตำรวจกองปราบ สันติบาล ทหาร และดีเอสไอ ร่วมกันตรวจค้นจับกุมเครือข่ายแก๊งเจ้ารัฐมอญปลอม โดยจับกุมนางสุภัตทา หรือสุพัตทา จันทรรังสี หรือจันทรังสี อายุ 68 ปี ประธานกรรมการบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด และนายโกสินทร์ จินาอ่อน ผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ฉ้อโกงประชาชน อั้งยี่ซ่องโจร ฟอกเงิน โดยผู้ต้องหาทั้งคู่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ หลังถูกพนักงานสอบสวนส่งฟ้องฝากขัง และค้านการประกันตัว เนื่องจากมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มูลค่าความเสียหาย 1,000 ล้านบาท จากนั้นกองปราบฯและดีเอสไอ ได้ร่วมกันเข้าตรวจค้นศูนย์ประสานงานบรรเทาภัยพลเมือง มูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปภ.บพ.อบ.ภ.สตช.) ย่านสุวินทวงศ์ เครือข่ายผู้ต้องหา พบพฤติกรรมลวงขายเครื่องแบบแต่งกายคล้ายตำรวจหลอกเหยื่อ ขณะที่ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.สั่งต่อในส่วนกองบังคับการปราบปราม ให้ประสาน ปปง.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนพัวพันให้การสนับสนุน ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 ต.ค. พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผกก.4.บก.ป.เปิดเผยถึงกลุ่มผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีว่า ขณะนี้เหลือผู้ต้องหาเพียงคนเดียวคือ นายเคียว มิน อู หรือเจ้าเทพโยธิน มหาทุน ชาวเมียนมา ที่อ้างตัวมีเชื้อสายเจ้าในรัฐมอญ คาดว่าหลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา สำหรับขั้นตอนต่อไป กองปราบปรามจะได้ร่วมกับดีเอสไอ ตรวจสอบขบวนการดังกล่าวอย่างละเอียด โดยเฉพาะการดำเนินงานของมูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเข้าข่ายในเรื่องฉ้อโกง และหมิ่นเบื้องสูงฯ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4.บก.ป. กำลังตรวจสอบหาพยานหลักฐานอยู่ เบื้องต้นมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับมูลนิธิฯ 3-4 ราย ในส่วนนี้จะประสานกับดีเอสไอ เพื่อร่วมกันทำงานต่อไปขณะที่ พ.ต.อ.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ดีเอสไอ ได้ไปตรวจค้นที่ตั้งของมูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่านสายไหม พบว่าเป็นสถานที่ตั้งเดียวกับบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป และ นสพ.ตำรวจพลเมือง เรื่องการดำเนินคดีกับ นสพ.ตำรวจพลเมือง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสรุปสำนวนคดีแชร์ลูกโซ่ ฌาปนกิจสงเคราะห์ 1 ชีวิต 1 ล้าน อีกทั้งจะมีผู้เสียหายอีกประมาณ 30 คน เข้าให้ปากคำ คาดว่าอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์จะแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาในคดีนี้ ส่วนข้อสงสัย ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ ฌาปนกิจฯ กับมูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวละครกลุ่มเดียวกันหรือไม่นั้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบ พบว่าทั้งหมดเป็นตัวละครกลุ่มเดียวกัน และมีคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ตอนนี้ยืนยันได้ว่ามีการเอื้อประโยชน์ต่อกันทั้งหมด เช่น ความเสียหายของเหยื่อกับโครงการสัมปทานก่อสร้างในประเทศเมียนมา การซื้อเครื่องแบบ การซื้อชั้นยศ และค่าสมัครสมาชิก รวมถึงที่ตั้งบริษัท ฮัจยี ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หรือจุดประสานงานใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ก็เป็นที่ตั้งเดียวกันกับมูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากนี้จะพิจารณาแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมด สำหรับขบวนการนี้ จะใช้วิธีการพูดคุยกับเหยื่อที่ต้องการเข้ามาร่วมลงทุนก่อสร้างกับบริษัท ฮัจยี จะต้องสมัครสมาชิกของมูลนิธิฯ ต้องซื้อเครื่องแบบและชั้นยศ โดยจะใช้แผนการนี้ในการติดต่อกับเหยื่อทั่วประเทศ
