น้ำป่าจากดอยสุเทพ-ปุย ทะลักท่วมพื้นที่เมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ชาวจีนกับลูกค้าร้านกาแฟและร้านอาหารเผ่นหนีตายกันชุลมุนติดเกาะ เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมกำลังไปช่วยเหลือ ออกมาได้ทุลักทุเล ที่ จ.พิษณุโลก ลูกช้างป่าในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โดนน้ำป่าซัดตกคลอง ล่าสุดยังช่วยขึ้นมาไม่ได้ หวั่นจะจมน้ำตาย ขณะที่หัวหน้าเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าภูผาแดง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ขับรถกระบะลุยน้ำไปทำงาน ถูกน้ำป่าซัดรถตกถนนจมน้ำเสียชีวิตอนาถ นอกจากนี้ มีแม่เฒ่าพลัดตกน้ำที่ จ.สิงห์บุรี และสาวใหญ่ขับรถตกถนนจมน้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ดับสังเวยไปอีก 2 คนหลายจังหวัดในภาคเหนือยังเผชิญกับฝนตกหนักและน้ำป่าไหลบ่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนรวมทั้งพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายหนัก ล่าสุดมีเจ้าหน้าที่และชาวบ้านดับสังเวยถูกกระแสน้ำป่าซัดและจมน้ำเสียชีวิตหลายรายน้ำป่าถล่ม–ช่วยระทึกที่ จ.เชียงใหม่ หลังฝนตกหนักในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ต.แม่เหี๊ยะ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะที่ร้านบ้านสวนกาแฟ และร้านผักกูด อยู่ติดลำห้วยน้ำทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ทำให้นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ชาวจีนจำนวน 10 คน เป็นผู้ใหญ่ 8 คน เด็ก 2 คน ลูกค้าและพนักงานร้านรวม 34 คน ติดอยู่ในร้าน เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิต่างๆ ระดมมาช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ติดอยู่ในร้าน โดยใช้เชือกผูกโยงลำห้วยทั้ง 2 ฝั่ง และให้เจ้าหน้าที่นำเสื้อชูชีพไปช่วยเหลือชาวจีนทั้ง 10 คน เดินฝ่าลำห้วยที่น้ำไหลเชี่ยวกรากออกมาได้อย่างทุลักทุเล และปลอดภัยทุกคน จากนั้นพาไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่ได้ทันเวลาแฉเผ่นหนีตายกันชุลมุนนายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแม่เหี๊ยะ กล่าวว่า น้ำป่าในครั้งนี้เป็นระลอกที่ 2 หลังจากที่เคยท่วมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาครั้งหนึ่ง แต่ไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้ เนื่องจากก่อนที่น้ำป่าจะไหลหลากนั้นไม่มีใครรู้ตัวล่วงหน้ามาก่อน เนื่องจากมีฝนตกหนักบนดอยสุเทพ จากนั้นมีน้ำป่าไหลหลากมาทางลำห้วยแม่เหี๊ยะ เข้าท่วมร้านกาแฟ และร้านอาหารทั้ง 2 แห่งที่อยู่ติดกับลำห้วย นักท่องเที่ยวและพนักงานร้านเผ่นหนีขึ้นไปอยู่บนที่สูงได้อย่างปลอดภัย แต่มีทรัพย์สินสูญหาย รวมทั้งบ้านเรือนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำได้รับความเสียหายหลายหลัง ขณะนี้น้ำเริ่มลดลง ทางเทศบาลเมืองแม่เหี๊ยะจะจัดงบ ประมาณฉุกเฉินเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไปน้ำป่ากัดเซาะสะพานขาดที่ จ.แพร่ ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าจากห้วยแม่พุง ต.แม่พุง อ.วังชิ้น ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎรหลายหมู่บ้านใน ต.แม่พุง ที่หมู่บ้านป่าม่วง หมู่ 9 กระแสน้ำไหลแรงกัดเซาะสะพานขาด ที่บ้านค้างปินใจ หมู่ 4 ต.แม่พุง บ้านเรือนชาวบ้านถูกน้ำท่วมสูงเสียหาย 12 หลัง ขณะที่บ้านแม่ปาน หมู่ 2 ต.แม่ปาน อ.ลอง น้ำป่าทะลักเข้าท่วมเช่นกัน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.แพร่ สั่งการให้นายวัฒนา สาคร หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแพร่ นำเจ้าหน้าที่ออกไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัย ด้านทหารกองพันทหารม้าที่ 12 ออกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยเช่นกันเร่งตรวจสอบแผ่นดินทรุดที่ จ.ลำปาง กรณีเกิดเหตุดินทรุดตัวเป็นบริเวณแนวยาวเกือบ 300 เมตร บางจุดลึกเกือบ 2 เมตร ที่บ้านห้วยคิง หมู่ 6 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ เจ้าหน้าที่อพยพชาวบ้าน 9 ครอบครัวไปอยู่ในที่ปลอดภัย ต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 17 ต.ค. นายสุรพล บุรินทราพันธุ์ รอง ผวจ.ลำปาง นายนิมิต ผดุงศิลป์ไพโรจน์ นอภ. แม่เมาะ นายเด่นโชค มั่นใจ ผอ.ส่วนธรณีวิทยา สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 ลำปาง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ นายเด่นโชคกล่าวว่า จากการเจาะสำรวจลึกลงไปในชั้นดินพบว่าดินชั้นแรกเป็นดินเหนียวสีแดงมีความหนา 2 เมตร ส่วนชั้นล่างเป็นดินเหนียวสีเทา เมื่อมีฝนตกมากทำให้ดินเหนียวด้านบนเคลื่อนตัวไหลลงสู่ที่ต่ำ ส่วนดินเหนียวชั้นล่างสีเทาไม่พบการเคลื่อนตัว ถือว่าพบได้ยากมากสำหรับพื้นที่ที่มีความลาดชันแค่ 6 องศา แต่หากเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนพื้นที่ใกล้เคียงยังต้องเฝ้าระวังต่อไปลูกช้างป่าโดนซัดตกน้ำที่ จ.พิษณุโลก ช่วงบ่ายมีชาวบ้านหมู่ 3 บ้านชมพู ต.ชมพู อ.เนินมะปราง พบลูกช้างป่าถูกน้ำป่าซัดตกลงไปในคลองชมพู อยู่ในอาการหมดเรี่ยวแรง พยายามชูงวงขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อหายใจเป็นครั้งคราว ได้แจ้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือเร่งด่วน ต่อมานายชาญวิทย์ แสงสร้อย เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล รับแจ้งนำทีมสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เดินทางมาตรวจสอบให้การช่วยเหลือ พบเป็นลูกช้างป่าเพศเมียในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ตกลงในคลอง โดยลูกช้างพยายามดิ้นรนพยุงร่างไม่ให้จมน้ำอยู่ตลอดเวลาหวั่นช่วยไม่ทันจมน้ำตายต่อมานายเหลียง น่วมอ้น อายุ 60 ปี อาชีพควาญช้างเก่า อาสาลงไปใช้เชือกคล้องเพื่อดึงลูกช้างขึ้นมาจากน้ำ แต่ลูกช้างมีอาการตื่นคน และแสดงอาการเกรี้ยวกราดฟาดงวงอยู่ในน้ำตลอดเวลา จนต้องพากันถอยห่างออกมาเพื่อป้องกันอันตราย ไม่สามารถช่วยเหลือขึ้นมาได้ จึงประสานไปยัง อบต.ชมพู นำเครื่องจักรขนาดใหญ่มาเกลี่ยดินให้เป็นทางลาดให้ช้างสามารถปีนขึ้นมาได้ แต่ช้างมีอาการอ่อนเพลียยังขึ้นมาบนฝั่งไม่ได้ ล่าสุดเวลา 17.00น.เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือลูกช้างป่าได้ ขณะที่ลูกช้างป่างวงเริ่มซีดเพราะแช่น้ำเป็นเวลานาน อีกทั้งยังมีอาการสำลักน้ำช่วงที่ใบหน้าจมอยู่ในน้ำ เจ้าหน้าที่หวั่นวิตกว่าหากช่วยลูกช้างป่าขึ้นมาไม่ได้ในเวลาอันรวดเร็วลูกช้างอาจจะจมน้ำเสียชีวิตได้น้ำทะลักท่วมโรงเรียนขณะเดียวกัน เกิดน้ำป่าไหลลงคลองน้ำปาด เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมโรงเรียนบ้านน้ำปาด หมู่ 2 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง บริเวณบ้านพักครู และโรงอาหาร จุดต่ำสุดระดับน้ำสูง 1.5 เมตร ช่วงนี้ปิดเทอม ทางโรงเรียนได้เตรียมรับมือยกอุปกรณ์การเรียนการสอนไว้บนที่สูง มีเพียงโต๊ะ เก้าอี้บางส่วน ที่ถูกน้ำท่วม เนื่องจากทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมนักเรียนไปเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมาน้ำป่าซัดจมน้ำดับที่ จ.เพชรบูรณ์ เกิดเหตุสลดใจขึ้นเมื่อเช้ามืดวันที่ 17 ต.ค. ขณะที่นายสุกิจ ค้อทอง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง อ.หล่มสัก ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ แค็บ สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปทำงานที่สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง มาตามถนนบ้านวังยาว หมู่ 6 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก ถูกกระแสน้ำป่าที่ไหลแรงซัดรถตกถนนลงไปจมน้ำ ร่างนายสุกิจถูกน้ำพัดพาลอยหายไป กระทั่งน้ำลดเจ้าหน้าที่กู้ภัยออกค้นหาพบศพนายสุกิจถูกกระแสน้ำพัดพาไปติดกับต้นไม้ในคลอง ห่างจากจุดที่พบรถกระบะประมาณ 3 กม.น้ำท่วมถนนสูง 1 เมตรที่ จ.เลย ฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าจากป่าภูเปลือย ภูขี้เถ้า ภูเรือ ไหลบ่าลงลำห้วยศอก มาบรรจบลำน้ำหมัน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ในเขตเทศบาลตำบลด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย สถานที่ราชการ อาทิ ที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย สภ.ด่านซ้าย และสำนักงานเทศบาลฯ น้ำท่วมสูง 30-50 ซม. บริเวณสะพานเจ๊หล่อ ข้ามลำน้ำหมัน น้ำเอ่อท่วมถนนสูง 1 เมตร ด้านนายประยูร อรัญรุท นอภ.ด่านซ้าย นำรถติดเครื่องขยายเสียงประกาศเตือนชาวบ้านขนย้ายสิ่งของไว้ที่สูง ที่ถนนสายด่านซ้าย-พิษณุโลก บริเวณสะพานหน้าป้อมตำรวจสันติ 2 น้ำเอ่อท่วมระยะทางยาว 100 เมตร ระดับน้ำสูง 20-50 ซม. ส่วนบ้านเรือนใน ต.ด่านซ้าย ต.นาหอ ต.นาดี ต.ปากหมัน และ ต.โคกงาม ถูกน้ำท่วมเสียหายประมาณ 100 หลัง ล่าสุดมวลน้ำก้อนใหญ่จาก ต.กกสะทอน กำลังไหลลงลำน้ำหมัน คาดจะไหลมาสมทบกับมวลน้ำที่ท่วมอยู่ก่อน ทำให้ระดับเพิ่มสูงขึ้นนาข้าวจมน้ำเสียหายยับที่ จ. นครราชสีมา น้ำในลำน้ำมูลเอ่อล้นท่วมพื้นที่จากเดิม 2 ตำบลเป็น 5 ตำบล ประกอบด้วย ต.ในเมือง ต.ท่าหลวง ต.โบสถ์ ต.ธารละหลอด และ ต.สัมฤทธิ์ สถานที่ราชการหลายแห่งในตัวอำเภอน้ำท่วมสูงประมาณ 30-40 ซม. ถนนสายบ้านใหม่ไทรงาม ต.ท่าหลวง อ.พิมาย น้ำท่วมระยะทางยาวประมาณ 800 เมตร ระดับน้ำสูง 40-50 ซม.นาข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยวถูกน้ำท่วมจมน้ำเสียหายกว่า 4 พันไร่ ที่ ต.สัมฤทธิ์ ที่พักสงฆ์บ้านซึม ถูกน้ำท่วมสูง 2 เมตร พระสงฆ์ต้องใช้เรือออกรับบิณฑบาต และทำกิจวัตรของสงฆ์ด้วยความยากลำบากแจ้งเตือนเตรียมการอพยพที่ จ.นครสวรรค์ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครสวรรค์ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในช่วงนี้ปัจจัยเสี่ยงจะมีปริมาณฝนเพิ่ม ทำให้สถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังและวิกฤติ โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำที่มีปริมาณน้ำจากทางตอนบนไหลเข้ามาสมทบ หรือมีฝนตกในพื้นที่รับน้ำ อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงวันนี้ถึงวันที่ 31 ต.ค. ขอให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของไว้ที่สูง และเตรียมอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยแม่เฒ่าสังเวยตกน้ำตายที่ จ.ชัยนาท ทางเขื่อนเจ้าพระยา ยังระบายน้ำออกวันละ 2,598 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำท้ายเขื่อนยังทรงตัวอยู่ที่ 15.81 เมตร ระดับน้ำทะเลปานกลาง ด้านนางปวีณ์นุช พุ่มพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า จ.ชัยนาท ยังมีน้ำท่วมขัง 4 อำเภอ คือ อ.สรรพยา อ.เมือง อ.วัดสิงห์ และ อ. มโนรมย์ รวม 14 ตำบล 65 หมู่บ้าน 2,719 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 16,004 ไร่ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนางมาลี แซ่ตั้ง อายุ 71 ปี ลื่นตกน้ำในซอยข้างโรงเรียนบางไก่เถื่อน หมู่ 3 ต.ตลุก อ.สรรพยา เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่นายนิติรุจน์ มุขเฉลิมวงศ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพนางดำตก พร้อมชาวบ้านเร่งกรอกกระสอบทรายไปวางเสริมคันกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วมหนีน้ำหลับนอนบนถนนที่ จ.สิงห์บุรี น้ำท่วมพื้นที่ ต.บางกระบือ อ.เมืองสิงห์บุรี ชาวบ้านพากันอพยพขนย้ายข้าวของมาพักอาศัยชั่วคราวบนถนนสายสิงห์บุรี-ชัยนาท และใช้เรือเป็นพาหนะพายเข้าออกหมู่บ้าน ขณะที่เทศบาลเมืองสิงห์บุรี ตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือประชาชน จัดส้วมเคลื่อนที่มาให้บริการ รวมทั้งติดตั้งไฟฟ้า และน้ำดื่มมาให้บริการ ทางจังหวัดได้ประกาศพื้นที่ประสบอุทกภัย 3 ตำบล 1 เทศบาล 14 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหายจำนวน 374 หลังเร่งทำคันดินป้องกันน้ำท่วมที่ จ.อ่างทอง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่หมู่ 6 ต.โพสะ อ.เมือง ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.13 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เร่งนำกระสอบทรายไปวางเสริมแนวคันดินป้องกันน้ำท่วมระยะทางยาวกว่า 500 เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 100 หลัง ล่าสุดที่สถานีวัดระดับน้ำ C7 A หน้า ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง มีระดับอยู่ที่ 8.77 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.32 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,570 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขับรถลุยน้ำตกถนนดับที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเหตุสลดใจขึ้นโดยช่วงเช้าวันที่ 17 ต.ค. นางดารุณี สืบสายเกิด อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 97 หมู่ 1 อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ไทเกอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บย 5684 พระนครศรีอยุธยา ลุยน้ำท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้าน ด้านหลังวัดยม เพื่อไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปรากฏว่ารถเสียหลักตกลงไปในทุ่งนาที่ถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตรจมน้ำ ชาวบ้านประสบเหตุใช้ก้อนหินทุบกระจกช่วยชีวิตสุนัขพันธุ์ผสมอายุ 7 ปีที่นางดารุณีพาขึ้นรถมาด้วยได้อย่างปลอดภัย ส่วนนางดารุณีเจ้าของสุนัขจมน้ำเสียชีวิตอนาถเขื่อนอุบลรัตน์ปล่อยน้ำกระทบอีสานที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่าขณะนี้หมดความกังวลเรื่องพายุขนุน แต่ประเทศไทยยังมีฝนตกเนื่องมาจากร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ยังคงมีฝนตกอยู่ ในที่ประชุม ครม.ได้เรียนให้นายกฯทราบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำลังเผชิญ 2 เรื่องคือ 1.ร่องมรสุมพาดผ่าน และ 2.เขื่อนอุบลรัตน์มีน้ำเต็มความจุ ทำให้ต้องมีการระบายน้ำจากเขื่อน จะส่งผลกระทบต่อลุ่มน้ำชี ตั้งแต่ จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร ทำให้น้ำที่ท่วมอยู่แล้ว 20-30 ซม. มีปริมาณสูงขึ้น โดยน้ำทั้งหมดจะไหลไปที่แม่น้ำโขง กรมชลประทานติดตั้งเครื่องผลักดันที่ปากแม่น้ำโขงเพิ่มเติมแล้ว ส่วนแม่น้ำมูลจะยังไม่มีผลกระทบเท่าไรยันน้ำเหนือไม่กระทบ กทม.พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ได้สั่งการปิดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. สองเขื่อนยังรองรับน้ำได้อีกมาก ปัจจุบันมีแต่น้ำจากลุ่มน้ำยมลงมา ได้ใช้พื้นที่แก้มลิง ที่ อ.บาง– ระกำ จ.พิษณุโลก และพื้นที่ใกล้เคียงรองรับน้ำ แต่น้ำทั้งหมดจากแม่น้ำปิง วัง ยม ที่ลงมาที่ จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้อยกว่าปี 54 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 4,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่เมื่อน้ำมาถึง จ.นครสวรรค์ จะปัดออกทางซ้ายและขวาก่อนถึงเขื่อนเจ้าพระยา ขณะนี้มีน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,597 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะควบคุมปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้เกิน 2,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยปริมาณเท่านี้ยังห่างจากจุดวิกฤติ ยืนยันว่า น้ำเหนือจะไม่ส่งผลกระทบต่อ กทม. อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนั้น นายกฯสั่งการแล้วว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้ทุกส่วนราชการเข้าไปดูแล ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการนำเสนอแผนของบประมาณเพื่อนำไปดูแลพื้นที่ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบแล้วมท.1 ชี้ กทม.ไม่ต้องหวั่นน้ำเหนือที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดต่างๆว่า ขณะนี้ยังเหลือพื้นที่ จ.ขอนแก่น ประมาณ 2-3 อำเภอ ที่ได้รับผลกระทบจากการปล่อยน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่อื่นๆ ไม่น่ามีปัญหา กรมชลประทานสามารถบริหารจัดการน้ำที่จะเข้าเขื่อนได้ เช่น ที่เขื่อนเจ้าพระยา น้ำที่เข้ากับออกปริมาณเท่าๆกัน ประมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากปล่อยอยู่ในระดับนี้ พื้นที่ กทม.ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำเหนือ ขณะนี้ทราบว่า กทม.ได้เตรียมการเรื่องระบายน้ำอยู่ ทั้งอุปกรณ์และการพร่องน้ำกำลังเร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตามศูนย์ปฏิบัติการในเรื่องนี้อยู่ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มีเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะประมวลข้อมูลสถานการณ์ฝนและน้ำ รวมถึง กทม.ก็ต้องประเมินการระบายน้ำ เพื่อเตรียมรับมือกับฝนที่จะตกลงมา 1-2 วันนี้ คาดว่าจะไม่เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนมากนักนายกฯให้เรียนรู้อยู่กับน้ำที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แถลงภายหลังการประชุม ครม. ถึงสถานการณ์น้ำว่า มีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นในช่วงที่น้ำล้นตลิ่ง มีผลกระทบกับประชาชนที่อยู่ริมน้ำแน่นอน ถ้าไม่ทำ น้ำจะเพิ่มขึ้นและจะล้นคันกั้นน้ำจะมีผลกระทบทั้งกรุงเทพฯ และที่อื่นด้วย ใครที่เดือดร้อน รัฐบาลจะดูแล ต้องสอนการเรียนรู้ว่าจะอยู่กับน้ำได้อย่างไรในอนาคต วันนี้รัฐบาลมีแผนงานที่เสนอพิจารณาในการตัดตอนน้ำในภาคเหนือ ทำเส้นทางรับน้ำในตะวันตก ตะวันออก มีการศึกษารายละเอียดมานานพอสมควร แต่ติดปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดิน การใช้งบประมาณในการเยียวยาใช้งบประมาณสูงเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงพล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีน้ำท่วมขังใน กทม.ว่า ตนสั่งการ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าน้ำลงมาและระบายได้เท่าไหร่ ค้างอยู่เท่าไหร่ จะระบายออกได้เร็วหรือไม่ อย่าหาจำเลยกันมากนักเลย ยังไงมันก็มีแต่จำเลย มันไม่มีคนทำเท่าไหร่หรอก ที่จะทำให้ดีขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนไม่อยากจะย้อนกลับไปกลับมา ส่วนการหารือวงเล็กเรื่องสถานการณ์น้ำเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้สั่งการให้ดูลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล และเขื่อนอุบลรัตน์ ที่มีน้ำเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ ถ้าล้นมาก็เป็นปัญหา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลบริหารไม่ได้ เพราะมันเกินขนาด ที่ผ่านมามีการระบายล่วงหน้ามาแล้ว เราไม่สามารถระบายมากได้ เพราะจะท่วมข้างล่าง นี่คือปัญหา ก็ต้องรอให้ถึงเวลาเหมาะสม ถ้าไม่ไหวแล้วจึงจะระบาย นี่คือสิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคนที่จะได้รับผลกระทบตั้งแต่ต้นยันปลาย ถ้าไม่สนใจอะไรก็ปล่อยมาตลอด และจะท่วมข้างล่าง ข้างบนไม่ท่วม แต่เราต้องดูคนทุกภาคส่วนทั้งหมดหาทางระบายน้ำลงทะเลพล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ในอนาคตเราต้องบริหารน้ำด้านตะวันออก ระบายจากแม่น้ำป่าสักมาอ่าวไทยอีกเส้นทางหนึ่ง ปัญหาคือกำลังศึกษาอยู่ว่าทำได้ไหมร้อยกว่ากิโลเมตร ในด้านตะวันตกต้องไปดูการเชื่อมต่ออุโมงค์ระบายน้ำระหว่างคลอง โดยเฉพาะคลองไส้ไก่ที่จะออกแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งมีโค้งอยู่สามสี่โค้ง ต้องทำอุโมงค์และใช้งบประมาณหลายหมื่นล้าน และคลองในด้านตะวันออกที่ผ่านจากแม่น้ำป่าสักลงมายังแม่น้ำตะวันตกมาลงอ่าวไทย บางส่วนผ่านพื้นที่เกษตรกร ผ่านที่อยู่อาศัยที่ขวางทางน้ำนั่นคือปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไข ขอให้เข้าใจวิธีการทำงานด้วย ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำเพราะทุกอย่างไม่เป็นไปตามผังเมืองที่ผ่านมา ไม่ได้ว่าใคร กรุณาไปดูด้วยก็มาโทษรัฐบาลนี้ตลอดเวลา แต่ตนจะทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น และเราต้องร่วมมือกันผบ.ทบ.สั่งช่วยเหลือประชาชนพล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.มทบ.11 กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้มอบหมายให้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิ-สาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขา คสช. และ ผบ.กกล.รส. สั่งให้แม่ทัพภาคทุกกองทัพภาคติดตามสถานการณ์ เตรียมกำลังพล ยานพาหนะ และอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือประชาชน และแก้ปัญหาการจราจร ตลอดจนน้ำดื่ม ชุดเสนารักษ์ให้พร้อม ขณะนี้ภาคเหนือมีพื้นที่วิกฤติหลายจังหวัด ส่วนในพื้นที่ภาคกลาง เขตรับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เน้นย้ำ ผบ.หน่วยขึ้นตรง และ ผบ. กกล.รส.ว่า ทุกครั้ง ผบ.หน่วยจะต้องเข้าดำเนินการแก้ปัญหาในทันที นำข้อมูลพื้นที่สำคัญมาเตรียมแผนรองรับ พร้อมประสานงานบูรณาการกับ ผวจ.ทุกจังหวัดและ ปภ.จ. ส่วนในพื้นที่ กทม.ให้นำข้อขัดข้องและปัญหา การระบายน้ำร่วมกับ กทม.ในการวางแผน ช่วยเหลือ ด้านการจราจรและประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม เป็นความเร่งด่วนแรก ส่วนพื้นที่ไม่มีผลกระทบ ต้องเตรียมการรองรับอย่างเหมาะสมและทันท่วงทีอุตุฯเตือนฝนตกหนักวันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศในช่วงนี้ว่า ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ต.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีปริมาณฝนลดลง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ดังนั้น ในช่วงนี้ขอให้ประชาชน บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระวัง อันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ต.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย“อัศวิน” สั่งรับมือน้ำท่วมกรุงเมื่อวันที่ 17 ต.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก “ผู้ว่าฯอัศวิน” ระบุว่าในช่วงบ่ายถึงค่ำวันที่ 17 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ กทม. และปริมณฑล จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากปกคลุม ร้อยละ 60 ของพื้นที่ คาดว่าจะตกหนักในหลายพื้นที่เช่นเดียวกับเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ขอให้พี่น้องประชาชนวางแผนการเดินทางและเตรียมอุปกรณ์ป้องกันฝน ในส่วนของ กทม.ได้เตรียมพร้อมรับมือโดยพร่องน้ำในคลองทุกสายให้มีระดับต่ำสุด เพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำ เตรียมพร้อมสถานีสูบน้ำและเครื่องสูบน้ำในการช่วยระบายน้ำ พร้อมทั้งแจ้งไปยัง 50 สำนักงานเขตในการเตรียมพร้อมการรับมือ เฝ้าระวังจุดอ่อนน้ำท่วมขัง และลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในวันเดียวกันนี้เป็นวันที่ฐานน้ำทะเลหนุนสูงสุด 1.15 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และมีการระบายน้ำในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างมากกว่า 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ไม่น่าเป็นห่วง เพราะแนวป้องกันน้ำท่วมของ กทม.สามารถรับมือได้ที่ระดับ 2.5-3 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ห่วงแต่สภาพฟ้าฝนที่จะเกิดขึ้น เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ท่อระบายน้ำ ของ กทม.สามารถรับน้ำได้เพียง 60 มิลลิเมตร ถ้าฝนตกหนัก จำเป็นต้องรอการระบาย ดังนั้น จึงต้องเพิ่มพื้นที่รับน้ำและเปิดทางน้ำให้ไหลสะดวก