เพราะปีนี้มีฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วมภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง (และกรุงเทพ) ยืดเยื้อนุงนังพันเตทำให้เกิดกระแสวิจารณ์การแก้ปัญหาน้ำของรัฐบาล คสช.ที่ดำเนินการไปแล้ว 3 ปี ยังเดินหน้าไม่เต็มลูกสูบยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมทั้งๆที่รัฐบาลนี้มีอำนาจเบ็ดเสร็จจัดการแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างสะดวกโยธิน“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยว่า 3 ปีของการแก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืนของรัฐบาล คสช.ยังไม่เห็นความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรมโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาน้ำระยะยาวยังไม่เริ่มดำเนินการแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำ “ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ” ก็ยังไม่สะเด็ดน้ำร้อยเปอร์เซ็นต์มีแต่โครงการขุดลอกคลอง สร้างแก้มลิงเก็บน้ำขนาดเล็กๆ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้นเอง“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า สาเหตุการแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบของรัฐบาลไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรเพราะยังไม่ปฏิรูปโครงสร้างหน่วยงานที่รับผิดชอบแก้ปัญหาน้ำ ซึ่งทำให้การทำงานของรัฐบาลล่าช้าอืดอาดเป็นเรือเกลือเนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำมากถึง 34 หน่วยราชการ แยกย้ายกระจายอยู่ถึง 9 กระทรวงแถมแต่ละหน่วยงานก็ต่างคนต่างทำ แต่ละหน่วยงานได้รับการจัดสรรงบแก้ปัญหาน้ำของตัวเอง ไม่ได้บูรณาการแผนการทำงานให้สอดคล้องกัน ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายแก้ปัญหาน้ำของรัฐบาลเกิดติดขัดไม่คล่องตัวจนเกิดปัญหาเหยียบตาปลากันเองเป็นประจำ“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าถ้า “นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องการเห็นการแก้ปัญหาน้ำแบบบูรณาการครบวงจรให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมต้องเริ่มจากปฏิรูปโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลที่กระจายอยู่ 34 หน่วยงาน 9 กระทรวงให้มีเอกภาพ มีประสิทธิภาพ มีความสอดคล้องคล่องตัว ไม่ซ้ำซ้อน หรือซ้อนทับกันเองการจัดตั้ง “สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ” ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีให้มีหน้าที่กำกับนโยบายการแก้ปัญหาน้ำของรัฐบาล ในภาพรวมยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเพราะยังไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรงถ้าจะแก้ปัญหาให้ถูกจุด เกาให้ถูกที่คัน ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ควรจัดตั้ง “กระทรวงน้ำแห่งชาติ” ให้มีอำนาจหน้าที่แก้ปัญหาน้ำครบวงจรโอนหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับน้ำที่กระจายอยู่ถึง 34 หน่วยงาน ในสังกัด 9 กระทรวงให้ย้ายข้ามห้วยไปสังกัด “กระทรวงน้ำแห่งชาติ” มีรัฐมนตรีกำกับดูแลโดยตรงทำหน้าที่ขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์แก้ปัญหาน้ำของรัฐบาลครบวงจรหรือ “พล.อ.ประยุทธ์” จะควบเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงน้ำแห่งชาติเพิ่มอีกตำแหน่งก็เหมาะสมดีหรือแต่งตั้ง “คนนอก” ที่มีความรู้เชี่ยวชาญด้านน้ำตัวจริงเสียงจริงเป็นรัฐมนตรี กระทรวงน้ำแห่งชาติ ก็เข้าท่าเหมือนกัน“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่าถ้าหากมี “กระทรวงน้ำแห่งชาติ” รับผิดชอบโดยตรง การแก้ปัญหาน้ำของรัฐบาลจะเกิดประสิทธิภาพคล่องตัว รวดเร็ว ทันใจไวไวควิกยิ่งกว่าที่ผ่านมาเพราะจะมีทั้งกรมชลประทาน จากกระทรวงเกษตรฯ กรมทรัพยากรน้ำ จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กรมอุตุนิยมวิทยา จากกระทรวงไอซีที กรมบรรเทาสาธารณภัยจากกระทรวงมหาดไทย ฯลฯ เข้ามาอยู่ใต้หลังคาเดียวกันท่านนายกฯ จะเห็นด้วยหรือไม่ เชิญตามสบายนะคุณโยม.“แม่ลูกจันทร์”