13 ตุลาคม ครบรอบ 1 ปี สวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9ความโศกเศร้ายังคงอยู่ในใจของคนไทยทั้งแผ่นดินอย่างไม่เสื่อมคลาย ตามห้วงเวลาที่กำลังเดินเข้าสู่ห้วงพระราชพิธีสำคัญ หน่วยงาน ธนาคาร ห้าง ร้านค้า ต่างร่วมน้อมรำลึกประกาศปิดทำการให้พนักงานเดินทางไปร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ วันที่ 26 ตุลาคมขณะที่นักเลือกตั้งเปลี่ยนท่าทีลดโทนลง อยู่ในความสงบนิ่ง ไม่แสดงอาการโหวกเหวกดื้อดึงให้ คสช.ปลดล็อกพรรคการเมืองจนเกินเหตุตอบรับการร้องขอของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ขอความร่วมมือฝ่ายการเมืองให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย รอให้ผ่านพ้นช่วงเดือนตุลาคมนี้ไปก่อนจึงจะพิจารณาการผ่อนคลายกฎเหล็กให้พรรคการเมืองเคลื่อนไหวทำกิจกรรมได้ ตามสัญญาณที่ผู้นำ คสช.คอนเฟิร์มชัดเจนเรื่องโรดแม็ปเลือกตั้งจะประกาศวันเลือกตั้งเดือนมิถุนายน 2561 และจัดกาบัตรประมาณเดือนพฤศจิกายนปีหน้าทิศทางการเมืองไทยกลับมามีความชัดเจน ปฏิกิริยาตลาดหุ้นดีดตัวทะลุ 1,700 จุด ขานรับสัญญาณเชิงบวก กระตุกความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่อสถานการณ์การเมืองไทยมากขึ้นแนวโน้มเศรษฐกิจไทยพลอยได้รับอานิสงส์ปรับตัวดีขึ้นจากการกำหนดโรดแม็ปคืนอำนาจให้ประชาชนที่ระบุช่วงเวลาชัดเจนที่สุดในเงื่อนไขไฟต์บังคับที่รัฐบาลและ คสช.หลังพิงเชือก ตามเส้นทางที่ท็อปบูตยื้อเวลาเต็มที่ได้เพียงเท่านี้ ไม่สามารถพลิ้วขอต่อวีซ่าออกไปได้มากกว่านี้ตามสัญญาประชาคมที่ไปลั่นวาจาต่อหน้าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาค้ำคออยู่ และการเดินตามรัฐธรรมนูญหากยังคิดถ่วงเวลา เบี้ยวคิวหย่อนบัตร รังแต่จะได้ไม่คุ้มเสีย มีแต่จะเสี่ยงเพิ่มแรงเสียดทานมากขึ้นแม่น้ำทุกสายเด้งรับธงโรดแม็ป โดยเฉพาะสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อย่าง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. แอ่นอกการันตี สนช.จะพิจารณากฎหมายลูก 10 ฉบับเสร็จภายในเดือน มิ.ย.2561ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิป สนช. ระบุไม่มีเหตุผลอะไรที่ สนช.จะคว่ำกฎหมายลูก เพื่อยื้อเวลาการเลือกตั้งออกไปสนช.แสดงทีท่าประกาศไฟเขียวล่วงหน้า กดปุ่มผ่านกฎหมายลูก ยืนกรานยังไงก็ได้เลือกตั้งตามโรดแม็ปปลายปีหน้าแน่ๆเพราะไม่ว่าจะเลือกตั้งเร็วหรือเลือกตั้งช้า “บิ๊กตู่” ก็ยังคอนโทรลทิศทางสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตไว้ได้ อย่างที่เห็นๆกันอยู่ตามกลไกพิเศษที่ถูกออกแบบในรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก มีการกำหนดตัวช่วยทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศอย่างลงล็อกไว้บริหารอำนาจระยะยาวทุกอย่างถูกปูทาง ตีตั๋วต่อเวลาให้ “ลุงตู่” กลับมานั่งเก้าอี้ผู้นำอีกรอบเหลือแค่การประคองอำนาจไปสู่ปลายทาง ตามสูตรที่อาจจะต้องปรับจูนทีมรัฐมนตรี “เรือแป๊ะ” รอบใหม่ นำทีมมืออาชีพมาผสมผสานคีย์แมนกองทัพ เร่งปั๊มผลงานช่วงที่เหลือต่อยอดทำแต้มเพิ่มเติมจากของเดิม อาทิ บัตรคนจน การเพิ่มเบี้ยยังชีพคนแก่ การตระเวนลงพื้นที่ ครม.สัญจรตุนใส่หน้าตักเป็นหลักประกันสร้างความชอบธรรมในการกลับมานั่งบัญชาการที่ทำเนียบรัฐบาลแต่ที่ต้องระวังถูกเจาะยางเข้าเนื้อคือ ปัญหากับกลุ่มเกษตรกรที่มีทีท่าบานปลายยิ่งขึ้นตามรูปการณ์ที่ปลุกเร้าอารมณ์มาตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ที่จะเรียกเก็บค่าใช้น้ำธรรมชาติจากเกษตรกร ต่อด้วยการจ่อแก้ไขกฎหมายอนุญาตให้นำเข้าเนื้อหมูประทับตราเมดอินยูเอสเอที่มีสารเร่งเนื้อแดงมาจำหน่ายในประเทศไทยล่าสุดมีประเด็น ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำลังรอเข็นเข้าที่ประชุม สนช. ถูกวิจารณ์หมิ่นเหม่ลดทอนสิทธิเกษตรกร จากความคลุมเครือเรื่องห้ามเก็บพันธุ์พืชใหม่ไปปลูกต่อ เปิดช่องให้กลุ่มนายทุนผูกขาดพันธุ์พืชฝ่ายเดียวกลายเป็นความสับสนว่า เกษตรกรที่จะปลูกพืชพันธุ์ใหม่จะต้องไปซื้อพันธุ์จากบริษัทพันธุ์พืชเท่านั้น ไม่มีสิทธิเก็บเมล็ดพันธุ์ไปปลูกในฤดูกาลถัดไปใช่หรือไม่ส่อเค้าถูกจุดกระแส เร้าเกษตรกรให้แห่ออกมาต่อต้านท็อปบูตถูกโยงให้ไปเป็นคู่กรณีกับเกษตรกรคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่หยุดหย่อนเคลียร์กันไม่ดี ต้นทุนคะแนนนิยมอาจหายในพริบตา!!!ทีมข่าวการเมือง