หลัง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีผลบังคับใช้ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก็ต้องนับว่าทุกตัวอักษรในบัญญัติของ พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้กับ พรรคการเมืองและนักการเมือง ทันที โดยแบ่งเป็นพรรคการเมืองที่ดำเนินการก่อนการมี พ.ร.บ.ประกาศใช้บังคับและพรรคการเมืองที่จะต้องจดทะเบียนจัดตั้งพรรคใหม่ หลักการง่ายๆคือ ถ้าเป็นพรรคการเมืองเดิมก็ต้องแก้ไขทั้งการบริหารจัดการและระเบียบของพรรคให้ถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย ส่วนพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายทุกประการต้องยอมรับไปโดยปริยายไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามอาทิ เรื่องของจำนวนสมาชิกพรรค การจ่ายเงินสนับสนุนพรรค การบริจาคเงินให้พรรคการเมือง การเลือกผู้สมัครลงรับสมัครเลือกตั้งทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ ไปจนถึงการลงโทษเมื่อพรรคการเมืองหรือนักการเมืองฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งจะต้องไปดูกฎหมายของ กกต.ประกอบด้วย มีโทษตั้งแต่ ปรับ จำคุก ตัดสิทธิ์ทางการเมือง และยุบพรรคการเมือง กฎหมายก็คือกฎหมายแม้วิธีการนำกฎหมายมาปฏิบัติ มีการย้อนแย้งเกือบจะทุกประเด็นทุกประโยค ตั้งแต่เงื่อนเวลาในการจัดการเลือกตั้งภายใน 180 วันหลังกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประกาศใช้ครบจำนวน 4 ฉบับ นำไปสู่การตีความว่า การเลือกตั้งอย่างไรเสียก็น่าจะมีขึ้นภายในเดือน พ.ย.ปี 2561หรือช่องว่างของกฎหมายลูกจะทำให้คว่ำการเลือกตั้งอย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปถึงขั้นตอนดังกล่าว พรรคการเมืองและนักการเมือง ที่อึดอัดคับข้องใจมานาน ก็อยากจะออกแอ็กชั่นกันพอหอมปากหอมคอ ขอให้ คสช.อนุญาตให้จัดกิจกรรมทางการเมืองซะทีประเด็นนี้จึงต้องนำมาตีความกันว่า ระหว่าง กฎหมายพรรค การเมืองกับอำนาจตามมาตรา 44 อะไรใหญ่กว่ากัน ในเมื่อ รัฐธรรมนูญบันทึกเอาไว้ว่า การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช. จะต้องไม่ขัดกับ รัฐธรรมนูญ ปัญหาคืออะไรขัดและไม่ขัด ใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสุญญากาศอำนาจตรงนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และ รัฐบาลกับ คสช. จะต้องเตรียมรับมือให้ดี เพราะดีไม่ดีจะกลายเป็นชนวนการเมืองเอาดื้อๆ การที่ คสช.อยู่นานเกินไปก็ไม่ใช่ผลดีนัก เนื่องจากเป็นช่องว่างของความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการไม่ดีเสียงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในปี 2561 ไม่เฉพาะในประเทศเท่านั้น ต่างประเทศก็ทึกทักว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 เป็นเงื่อนเวลาที่กดดันรัฐบาลและ คสช.มากกว่าเงื่อนเวลาในรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไปคนไทยอยากจะให้มีการเลือกตั้งหรือไม่เป็นอีกประเด็น แต่ระหว่าง ความอยากกับการที่ต้องก้าวไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญเป็นคนละเรื่องกันวินาทีนี้ต้องยอมรับว่าเป็นโค้งสุดท้ายของโรดแม็ปประเทศจริงๆ ถ้าประคองไม่ดีมีหวังติดหล่มจมปลักไปตลอดชาติ ระหว่างกฎหมายพรรคการเมืองกับพฤติกรรมของนักการเมือง ระหว่างการปฏิรูปกับความขัดแย้งห่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th