ในที่สุดวันที่ 5 ตุลาคม วันสุดท้ายที่สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้พสกนิกรชาวไทยเข้ากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชก็มาถึงพสกนิกรจากทั่วสารทิศต่างมุ่งหน้าเดินทางไปสู่ท้องสนามหลวงเพื่อเตรียมตัวเข้าแถวต่อคิวเพื่อเข้ากราบถวายบังคม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมืดฟ้ามัวดิน ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ชักรถขึ้นฟ้าด้วยซํ้าพอถึงเวลาเช้าคิวก็ยาวเหยียดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่จุดคัดกรองบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์คิวยาวเหยียดไปตลอดถนนราชดำเนินหลายร้อยเมตร ในขณะที่จุดคัดกรองด้านวงเวียนรักษาดินแดนก็ยืนรอยาวเหยียดไปจนถึงสวนสราญรมย์ยิ่งสายก็ยิ่งแน่นและยาวขึ้นไปอีก แม้บรรยากาศจะครึ้มฟ้าครึ้มฝนและมีพยากรณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาว่าจะมีฝนถึงร้อยละ 80 ใน กทม. แต่พี่น้องประชาชนก็มิได้ย่อท้อถือร่มบ้าง เตรียมชุดกันฝนมาบ้าง เตรียมพร้อมที่จะรับสถานการณ์หากฝนตกหนักลงมาจริงๆดังคำพยากรณ์ตลอดทั้งวันที่ 5 ตุลาคม นับตั้งแต่เช้ามาจนถึง 18.00 น. สำนักพระราชวังแถลงสรุปยอดรวมของจำนวนประชาชนว่ามีจำนวนกว่า 70,000 คนแล้วแต่พสกนิกรก็ยังคงหลั่งไหลกันมาต่อคิวในทุกด้านๆอย่างไม่หยุดหย่อนในช่วงหัวคํ่า เมื่อมีข่าวว่าสำนักพระราชวังจะปิดจุดคัดกรองตั้งแต่เวลา 23.00 น. เพื่อให้ประชาชนเข้ากราบสักการะได้ครบทุกคนในเวลา 24.00 น. ตามกำหนดต่อมาในส่วนใกล้เที่ยงวันของวันรุ่งขึ้น (6 ตุลาคม 2560) สำนักพระราชวังก็แถลงรายละเอียดว่า ประชาชนกลุ่มสุดท้ายที่ผ่านจุดคัดกรองเมื่อเวลา 24.00 น. ได้กราบสักการะพระบรมศพเมื่อเวลา 01.25 น. ของเช้าวันที่ 6 ต.ค. รวมทั้งสิ้นตลอดวันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้าย 110,889 คน ทำให้ยอดรวมทั้งหมด 337 วัน ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประชาชนเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพหน้าพระบรมโกศนั้นมีจำนวนถึง 12,739,531 คนนับเป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่อีกปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นจากแรงศรัทธา และความเคารพรักอันประมาณมิได้ของปวงชนชาวไทยที่มีต่อพ่อของแผ่นดินในหลวงรัชกาลที่ 9จริงอยู่ยอดจำนวนตัวเลข 12.7 ล้านเศษ คงมิได้หมายถึงว่า เป็นจำนวนผู้คนถึง 12.7 ล้านคน เพราะหลายๆคนมามากกว่า 1 ครั้ง และบางคนก็อาจมาถึง 5 ครั้ง 10 ครั้ง จนถึงสูงสุดกว่า 400 ครั้ง ก็ยังมีแต่ความมหัศจรรย์และความยิ่งใหญ่ที่จะต้องบันทึกไว้อยู่ที่การเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย วันแล้ว วันเล่าถึง 337 วันนั้นต่างหาก ที่ยากจะเกิดขึ้นได้ ณ ที่ใดในโลกนี้ภาพพี่น้องประชาชนสวมชุดดำทั้งชุดเดินฝ่าแดด ฝ่าฝนอย่างไม่ย่อท้อด้วยจิตใจมุ่งมั่นที่จะเข้าไปถวายบังคมพระบรมศพเป็นภาพที่จะอยู่ในความทรงจำของคนไทยเรากันเอง รวมไปถึงนักท่องเที่ยวต่างแดนจำนวนมากที่ได้เห็นภาพนี้ ในวันที่พวกเขามาเที่ยวชมพระบรมมหาราชวังในแต่ละวัน ตลอดช่วงเวลากว่า 300 วันที่ผ่านมาข่าวโทรทัศน์ทุกช่องรายงานเมื่อช่วงเวลา 6 โมงเช้าของวันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม ว่า รอบๆสนาม หลวงและรอบๆกำแพงพระบรมมหาราชวังเงียบสงัด ไม่มีผู้คนไปรอเข้าคิวอีกแล้วจุดคัดกรองต่างๆ เต็นท์อำนวยความสะดวกต่างๆที่สร้างไว้ยาวเหยียดในท้องสนามหลวงได้รับการรื้อถอนออกไปหมดสิ้นเห็นแต่พระเมรุมาศและภูมิทัศน์รอบๆโดดเด่นแวววับอยู่แต่ไกลรอวันที่จะมีการแต่งเติม หรือรื้อถอนนั่งร้านออกให้เห็นความงดงาม วิจิตรตระการตา ทั้งองค์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้รวมทั้งการซักซ้อมพระราชพิธีต่างๆ เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างสมพระเกียรติยศ ก็คงจะทยอยเกิดขึ้นในช่วงต่อนี้ไป จนกว่าจะถึงวันถวายดอกไม้จันทน์ ถวายพระเพลิงพระบรมศพในวันที่ 26 ตุลาคมตลอดเวลาเกือบ 1 ปีนับตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัย แม้จะนำมาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจอย่างใหญ่หลวงของปวงชนชาวไทย แต่ในท่ามกลางหยดน้ำตาอันท่วมท้นนั้น เราก็มีโอกาสได้เห็นความดีงามหลายๆอย่างของคนไทยปรากฏขึ้นเราได้เห็นจิตอาสาจำนวนมากมายหลายพัน หลายหมื่นคนผลัดเวียนกันไปให้บริการพี่น้องประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพที่บริเวณท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวังเราได้เห็นคนไทยทั่วประเทศนับแสนนับล้านออกมาปฏิญาณตนว่าจะเป็นคนดี จะทำความดี เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท และก็ได้มีโครงการจิตอาสาดีๆเกิดขึ้นอย่างมากมายในหลายแห่งหลายที่ยังมีเรื่องดีๆอีกมากมายที่เกิดขึ้นในแผ่นดินไทย หลังการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชหวังว่าเราจะรักษาความดีงามและความงดงามทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ไว้ได้ตลอดไป และตลอดกาลนานป.ล. เตรียมพบหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับพิเศษ “ไทยรัฐร่วมพสกนิกรไทย ส่งใจสู่ฟ้าอาลัยพ่อ” ตั้งแต่ฉบับวันที่ 13 ตุลาคมไปจนถึง 27 ตุลาคม อยากจะบอกจังเลยว่ามีอะไรเด็ดๆบ้าง แต่ตามหลักประชาสัมพันธ์เขาห้ามบอกก่อนแถลงข่าว ซึ่งเราจะแถลงในวันพรุ่งนี้ (จันทร์ที่ 9 ต.ค.) เวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 9 อาคาร 9 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โปรดติดตามรายละเอียดได้จากทั้ง 3 สื่อของไทยรัฐนะครับ.“ซูม”