“บิ๊กป้อม” สั่งเพิ่มกำลัง จนท.รักษาความสงบเรียบร้อยเข้มช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9 ปูดการข่าวมีกลุ่มต้านสถาบัน จ้องก่อเหตุป่วนทั้งในและนอกประเทศ ฮึ่มใครคิดไม่ดีขอให้หยุด “บิ๊กเจี๊ยบ” ซัดก๊วนเดิมพวกหนีคดี ม.112 ปลุกระดมก่อกวนผ่านโซเชียล สั่งทุกหน่วยกัดติด “วรชัย” สวนไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิด “ชัยฤทธิ์” ส่งเอกสารแจงพัวพันพา “ปู” หนี รัฐบาล-สนช. เร่งดับปมร้อนเก็บภาษีน้ำชาวนา “อกนิษฐ์” ยันเข้าใจผิดเล่นงานรายใหญ่ไม่แตะรายย่อย กมธ.โยนกรมทรัพยากรน้ำแบ่งประเภทเกษตรกรให้ชัด ส่อเลื่อนบังคับใช้ต้นปีหน้า ปชป.สวดรัฐล้มเหลวผลักภาระชาวบ้าน “เหวง” หยันจนปัญญาดิ้นรีดเลือดกับปู “บิ๊กตู่” พร้อมคณะถึงมะกัน “เอพี” ชี้ “ทรัมป์” พลิกเกมปูพรมแดงจูบปากผู้นำรัฐบาลทหารไทยเพื่อคานอำนาจจีนรัฐบาลเตรียมความพร้อมเต็มพิกัดในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ในห้วงเดือน ต.ค. ที่จะมีการจัดงานสำคัญอย่างยิ่งคือพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ 9 โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ออกมาระบุว่า มีการข่าวบ่งชี้ว่ามีกลุ่มคนต่อต้านและไม่หวังดีต่อสถาบันเตรียมจะเคลื่อนไหวก่อเหตุก่อกวนทั้งในและนอกประเทศ“บิ๊กป้อม” ถกรับ 2.5 แสนร่วมพิธีสำคัญเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ 9 ตลอดเดือน ต.ค. ว่าได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้ดูแลในทุกๆเรื่อง ซึ่งมีความสำคัญทั้งหมดเนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระราชพิธีที่เราจะต้องเตรียมการรองรับคนจำนวน 250,000 คน โดยประชาชนที่จะเข้ามาร่วมพิธีนั้นจะต้องเข้ามาตามเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ และจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นระยะ ผ่านโทรทัศน์วิทยุรวมการเฉพาะกิจรวมถึงเส้นทางของรถยนต์วีไอพี นอกจากนี้ จะต้องระมัดระวังเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะคนมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ต้องระมัดระวังในทุกๆเรื่องไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นปูดการข่าวมีจ้องป่วนทั้งใน–นอก“ผมเป็นห่วงทุกเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการก่อกวนการต่อต้าน ผมสั่งเพิ่มกำลังเต็มที่ เพื่อทำให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อย และปลอดภัย ยอมรับว่าเรามีข้อมูลว่ามีกลุ่มคนเตรียมที่จะเคลื่อนไหวก่อเหตุในช่วงพระราชพิธี ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเราต้องดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้น เพราะคนที่ต่อต้านและไม่หวังดีต่อสถาบัน มีการกำหนดชัดเจน งานนี้ถือเป็นงานหนึ่งในโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ต้องทำเต็มที่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและอยากขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคนเพื่อให้พระราชพิธีสมพระเกียรติ ของพระองค์ท่านที่ได้ทรงงานมา 70 ปี ใครที่คิดไม่ดีก็ขอให้หยุด” พล.อ.ประวิตรกล่าวและว่า ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมมือกันดูแลการจัดงานพระราชพิธีให้ลุล่วงไปด้วยดีและต้องทำให้ได้ ให้เกิดความปลอดภัย ไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้น เฉลิมชัย สิทธิสาทผบ.ทบ.ชี้กลุ่มเดิมปลุกระดมที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหมระบุว่า ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่ 9 จะมีกลุ่มป่วนสร้างสถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศว่า ทางการข่าวทราบมานานแล้วจะมีการปลุกระดมผ่านโซเชียลก่อกวนในพระราชพิธี ได้แจ้งเตือนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องติดตามข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้พี่น้องประชาชนทราบ มั่นใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนที่เกิดในสมัยรัชกาลที่ 9 เห็นถึงคุณงามความดีของพระองค์ท่าน อีกทั้งเป็นพิธีสำคัญ จึงเชื่อว่าทุกคนเข้าร่วมพระราชพิธีและช่วยกันดูแลสถานการณ์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พล.อ.ประวิตรเป็นผู้รับผิดชอบหลัก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นแม่งานหลัก ด้านทหารได้จัดกำลังสนับสนุนไปตามกรอบ สำหรับงานด้านการข่าวติดตามผู้ไม่หวังดีที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ ได้ดำเนินการมาตลอดอยู่แล้ว“ขอฝากพี่น้องประชาชนว่า พระราชพิธีนี้เป็นงานใหญ่ที่สุดจะมีคนมาร่วมงานมากที่สุด เพื่อถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่เพื่อให้พระราชพิธีครั้งนี้ผ่านไปอย่างเรียบร้อยและสมพระเกียรติฯ”พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวพวกหนีคดี ม.112 ก่อกวนในโซเชียลเมื่อถามว่า จากการข่าวคนที่จะก่อเหตุป่วนเป็นกลุ่มใด พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว เป็นกลุ่มเดิมๆ พวกหนีคดีมาตรา 112 แล้วปลุกระดมผ่านโซเชียล ในต่างประเทศ ข่มขู่แบบนี้มานานแล้ว คิดว่าพวกเขาเองไม่กล้าเข้ามาป่วนในประเทศ เพราะในทางปฏิบัติทำไม่ได้ พวกเขาอยู่ในกรอบที่จำกัด ถ้าพี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือช่วยกันดูแลความปลอดภัย ติดตามข่าวสาร คิดว่าพวกคนที่คิดก่อกวนก็ไม่สามารถทำได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การปลุกระดมผ่านโซเชียลประเมินว่าจะทำจริง หรือแค่ปลุกระดมเท่านั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ก่อน แต่เรื่องปลุกระดมนั้นมีมานานแล้ว เราส่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยไปติดตามเรื่องนี้มทภ.1 ตรึงเข้มตลอดเดือน ต.ค.พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ 9 ว่า ที่ผ่านมากองทัพภาคที่ 1 ได้รับมอบให้เป็น คณะทำงานด้านการปฏิบัติการและการจัดรูปขบวนพระราชอิสริยยศให้พระบรมศพฯ โดยได้มีการซักซ้อมเตรียมการของแต่ละริ้วขบวน ตลอดจนถึงการรักษาความปลอดภัยในบริเวณพระราชพิธี การจราจร โดยร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและสมพระเกียรติอย่างสูงสุด มั่นใจกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ในการดูแลรักษาความสงบของประเทศ ที่ผ่านมาได้ใช้หน่วยของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งได้รับนโยบายจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ในฐานะ ผบ.กกล.รส. เพื่อเข้มงวดตรวจตราการวางกำลังในห้วงระยะเวลาในเดือนนี้ให้สงบเรียบร้อยมากที่สุด ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่าเราจะปฏิบัติหน้าที่ของทหารอย่างดีที่สุดรรท.ผบช.น.ยันควบคุมได้พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช รรท.ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เปิดเผยมีกลุ่มคนเตรียมจะเคลื่อนไหวก่อเหตุ ในช่วงพระราชพิธี ทั้งในและนอกประเทศว่า มีการติดตามข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงอยู่อย่างต่อเนื่องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทางฝ่ายการข่าวหรือหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ได้รับแจ้งว่าสามารถควบคุมกรณีดังกล่าวได้ ผู้ที่ใช้สื่อผ่านช่องทางยูทูบจากต่างประเทศนั้น ยังอยู่ระหว่างการติดตามอยู่ว่ามีกลุ่มไหนบ้าง พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบแล้วว่า มีความเคลื่อนไหวอย่างไรช่วงเดือน ต.ค. เนื่องจากมีเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวช่วงเดือนดังกล่าว ส่วนในพื้นที่สนามหลวง เราดูแลอยู่แล้วด้วย จะต้องตรวจสอบพื้นที่ไหนเป็นพิเศษอยู่ในแผนอยู่แล้ว โดยมีตำรวจสันติบาลเป็นแม่งานหลัก และรอง ผบช.น. ดูแลฝ่ายความมั่นคง วรชัย เหมะ“วรชัย”โต้ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิดนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายความมั่นคงระบุว่า จะมีกลุ่มป่วนในช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพช่วงเดือน ต.ค.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์–โอชา นายกฯ กังวลเกินเหตุไปหรือไม่ เชื่อว่าไม่มี ใครจะกล้าป่วนหรือสร้างความวุ่นวายในช่วงเวลาดังกล่าว คนไทยทุกคนรักเทิดทูนบูชาและจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 กันทั้งนั้น งานพระราชพิธีดังกล่าวถือเป็นวาระสำคัญของชาติ สำคัญที่สุดในชีวิตของคนไทยทุกคนทั้งในประเทศและอยู่ต่างแดน จะได้แสดงความรัก ความเคารพและความจงรักภักดีต่อพ่อของแผ่นดิน เชื่อว่าไม่มีใครกล้าป่วน แค่คิดยังไม่กล้าเลย พล.อ.ประยุทธ์อย่ากังวลหรือกลัวจนเกินเหตุ อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์งานพระราชพิธีได้ หากมีใครกล้าออกมาป่วน รับรองไม่มีทางที่คนคนนั้นจะได้รับการให้อภัยรอปากคำ–ดีเอ็นเอโยงพา “ปู” หนีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น.ฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเอาผิดทางวินัยกรณี พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 เกี่ยวข้องพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีว่า ข้อมูลคืบหน้ากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เหลือรอคำชี้แจง พ.ต.อ. ชัยฤทธิ์ ว่าเข้าไปพัวพันการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีไป อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และใช้รถไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งรอผลการตรวจดีเอ็นเอที่บ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปรียบเทียบกับดีเอ็นเอในรถเก๋งโตโยต้าคัมรี่ว่าตรงกันหรือไม่ หาก พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ส่งรายงานชี้แจงแล้วจะสรุปได้ในวันที่ 3 ต.ค. แต่ถ้าต้องรอผลดีเอ็นเอต้องใช้เวลาอีก 1-2 วันโทษสูงสุดให้ออกจากราชการพล.ต.ต.ภาณุรัตน์กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์พา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีไปที่ อ.อรัญประเทศ เป็นการให้การของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ แต่การรวบรวมพยานหลักฐานต้องดูว่าดีเอ็นเอบนรถตรงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ตรงนี้เป็นสาระสำคัญ ส่วนขั้นตอนการชี้มูลผิดทั้งอาญาและวินัยเสนอความเห็นผู้บัญชาการพิจารณา เรื่องอาญาจะส่งไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถ้าเป็นวินัยส่งไปที่ บก.น.5 ให้ดำเนินการต่อ ความผิดทางวินัยโทษสูงสุดคือให้ออกจากราชการ ถ้า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ไม่มาชี้แจงจะมีความผิดทางวินัย ต้องชี้แจงภายใน 15 วัน ตามระเบียบ หากพบความผิดทางอาญา ทางวินัยจะมีความผิดไปด้วยเพราะเป็นข้าราชการ“ชัยฤทธิ์” ส่งเอกสารชี้แจงต่อมาเวลา 16.30 น. มีรายงานว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 ได้เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. มอบเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง ก่อนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้นำมาส่งให้ พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเอาผิดทางวินัย ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล“วิษณุ” เสียดาย “ชัชชาติ” ถอนตัวที่โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ โฮเต็ล ประตูน้ำ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์กรณีนายสมชัย จิตสุชน ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนรวมและการกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ถอนตัวจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติว่า ไม่เกี่ยวกับการเสียหน้าของรัฐบาล เป็นเรื่องธรรมดา แต่น่าเสียดายเพราะ เราหวังสติปัญญา วิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ของเขา แต่ไม่เป็นไรเห็นใจทั้งสองฝ่าย เมื่อถามว่าการเชิญนายชัชชาติ เพราะต้องการความร่วมมือจากบางกลุ่มบางพวกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงอย่างนั้น ดูที่คุณสมบัติของนายชัชชาติ กรรมการแต่ละคนมีคำอธิบายว่ามาได้อย่างไร ไม่ได้มาโดยเส้นสายเหมือนที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยพูดไว้ ยืนยันการคัดเลือกกรรมการไม่ได้ใช้องค์ประกอบทางการเมือง ส่วนนายสมชัยถอนตัวเกี่ยวกับระเบียบที่ทำงาน มีชัย ฤชุพันธุ์“มีชัย” โบ้ย กรธ.ไม่เกี่ยวถ้าเลื่อน ลต.นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตว่า ขณะนี้ยังพิจารณาไม่เสร็จจากเดิมที่กำหนดให้เสร็จวันที่ 30 ก.ย. แต่ยืนยันจะพยายามทำให้เสร็จในวันที่ 2 ต.ค. เพื่อส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาและเสนอความเห็นกลับมา แต่ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อโรดแม็ปที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะการจัดการเลือกตั้ง แม้ว่าผลสำรวจความเห็นของประชาชนจะยอมรับได้หากเลื่อนการเลือกตั้งออกไป แต่จะต้องให้เสร็จทันตามกรอบเวลาที่ได้วางไว้ แม้จะต้องนัดประชุมทำงานจนสว่างคาตาเราก็ต้องทำ ดังนั้น หากมีการเลื่อนเลือกตั้งออกไปจะไม่เกี่ยวข้องกับการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญของ กรธ.“วิษณุ” ยันไม่เก็บภาษีน้ำชาวนาอีกเรื่องเมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ โฮเต็ล ประตูน้ำ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์กรณีหลายฝ่ายวิตกกังวลการเก็บภาษีน้ำตามร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำว่า รัฐบาลไม่มีความประสงค์จะไปเก็บค่าน้ำกับเกษตรกรรายย่อย วันนี้กฎหมายยังอยู่ในชั้นกรรมาธิการ คนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประธานกรรมาธิการ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ พูดตรงกันหมดว่าไม่มี ต้องดูว่าจะทำอย่างไรจะชี้แจงประชาชนอย่างเป็นทางการ คนที่ใช้มากอาจต้องรับผิดชอบแน่ จากเดิมไม่ต้องรับผิดชอบ แต่จะไปรวมถึงชาวนาคงไม่ใช่สนช.การันตียกเว้นรายย่อยที่รัฐสภา พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ แถลงชี้แจงรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเรียกเก็บค่าใช้น้ำจากเกษตรกรว่า ขณะนี้เกิดความเข้าใจผิดว่า จะมีการเก็บค่าใช้น้ำจากเกษตรกรที่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ยืนยันว่าใช้บังคับเฉพาะการใช้น้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะนอกเขตชลประทาน เช่น แม่น้ำ คลอง ห้วย ไม่เกี่ยวกับการใช้น้ำประปา น้ำบาดาล และน้ำในเขตชลประทาน อีกทั้ง กมธ.ยังไม่มีมติเรียกเก็บค่าน้ำจากเกษตรกรตามมาตรา39 ไม่ให้มีผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อย แต่จะเก็บเฉพาะรายใหญ่เท่านั้น ขณะนี้ให้กรมทรัพยากรน้ำจัดทำหลักเกณฑ์การแบ่งประเภทเกษตรกรส่งมาให้ กมธ.อยู่ เพราะกฎกระทรวงเดิมที่เสนอมามีการแบ่งประเภทเกษตรกรโดยวัดจากจำนวนที่นา และจำนวนสัตว์เลี้ยงเพียงอย่างเดียว ยังไม่ครอบคลุมรายละเอียดเพียงพอ กมธ.ต้องการให้เกิดความชัดเจนในรายละเอียดเหล่านี้ จะไม่ยอมให้มีการตีเช็คเปล่าเสนอมา แล้วไปเขียนรายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลังทุกพื้นที่รุมต้านส่อเลื่อนใช้ต้นปีหน้าพล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า ส่วนที่ระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ปลายเดือน ต.ค. ไม่เป็นความจริง กมธ.จึงต้องนำร่างกฎหมายไปรับฟังความเห็นจากเกษตรกรให้ทั่วถึงก่อน ขณะนี้รับฟังความเห็นแล้ว 29 จังหวัด ทุกพื้นที่เห็นด้วยไม่ให้เก็บค่าใช้น้ำจากเกษตรกรรายย่อย วันที่ 17-18 ต.ค. จะไปรับความเห็นที่ จ.สงขลา กมธ.มีมติขอขยายเวลาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นี้ออกไปอีก 90 วัน หากที่ประชุม สนช.อนุมัติ การพิจารณาของ กมธ.จะไปสิ้นสุดวันที่ 25 ม.ค.2561 หากจะมีผลบังคับใช้จะเป็นช่วงต้นปีหน้า จากนั้นต้องออกกฎกระทรวงรองรับการประกาศใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวอีก 27 ฉบับ คาดว่าต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์กรมชลฯแจงไม่เก็บทั้งรายใหญ่–ย่อยนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีรักษาการแทนอธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่า พ.ร.บ.บริหารจัดการทรัพยากรนํ้าที่พิจารณาใน สนช.วาระ 1 ไปแล้ว ไม่มีมาตราไหนระบุว่ามีการเก็บเงินค่าน้ำจากเกษตรกรทั้งรายย่อยหรือรายใหญ่ เป็นการแก้ปัญหาการแย่งน้ำกรณีเกิดสถานการณ์น้ำแล้ง กรมชลประทานและกระทรวงเกษตรฯไม่เคยคิดจะเก็บเงินค่าน้ำจากเกษตรกร จะแบ่งประเภทผู้ใช้น้ำเพื่อบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อเกิดสถานการณ์น้ำแล้ง ต้องจัดสรรน้ำให้เพียงพอ จะมีบทลงโทษเพื่อไม่ให้เกิดการกักตุนหรือแย่งน้ำจากเกษตรกรต้นน้ำเพื่อให้เกษตรกรที่อยู่ปลายแม่น้ำได้มีน้ำใช้เพียงพอ หากพบการกักตุนหรือลักลอบสูบน้ำใช้จะมีโทษทั้งปรับและจำคุก อนาคตถ้าจะเก็บค่าน้ำต้องออกกฎกระทรวง ที่ผ่านมากฎหมายของกรมชลประทานกำหนดไว้ว่าเก็บได้ไม่เกินลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์ ในกรณีที่เป็นอุตสาหกรรมหรือประปา เก็บไปแล้วบางส่วน พื้นที่การเกษตรกำหนดอัตราการเก็บไว้ไร่ละ 5 บาท ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ ไม่เคยเก็บเงิน กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร“กอบกาญจน์” ห่วงกระทบโรงแรม–สปานางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬากล่าวว่า เตรียมหารือกับคณะกรรมการที่ดูแลเรื่อง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ เชื่อว่ากระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่มากก็น้อย อาทิ โรงแรม สปา เป็นต้น จะขอรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายและการบังคับใช้ อาจจำเป็นต้องหารือกับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวว่า กฎหมายน้ำฉบับใหม่จะกระทบต้นทุนของผู้ประกอบการมากน้อยเพียงใด สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจคือความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมต้องช่วยกันดูแล หาก พ.ร.บ.ฉบับใหม่เก็บค่าน้ำเพิ่มต้นทุนแต่ส่งผลดีต่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าภาคท่องเที่ยวน่าจะรับได้ปชป.ร่วมค้านบี้แจงเกณฑ์ให้ชัดเมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นาย กรณ์ จาติกวณิช ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายพรรคประชาธิปัตย์และนายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลราชธานี คณะทำงานด้านน้ำ นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร อดีต ส.ส.นครสวรรค์ คณะทำงานด้านเกษตร ร่วมแถลงเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำที่อยู่ระหว่างการพิจารณาวาระสองของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า เกษตรกรกังวลมาก พรรคไม่เห็นด้วยกับการจัดเก็บค่าน้ำจากเกษตรกรรายย่อย จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนตามมาตรา 39 ที่ระบุว่าจะเก็บเงินจากการใช้น้ำจากเกษตรกรที่ปลูกเพื่อการพาณิชย์เป็นอย่างไร และขอเสนอแนวคิดต่อกรรมาธิการฯ สนช.ดังนี้ 1.ขอให้รัฐบาลแถลงความชัดเจนว่าจะไม่เก็บค่าน้ำหรือภาษีน้ำจากเกษตรกรรายย่อย ชี้แจงนิยามของเกษตรกรรายย่อย และเกณฑ์ที่ชัดเจนของเกษตรกรปลูกเพื่อการพาณิชย์ตามมาตรา 39 2.ขอให้รัฐบาลนำรายได้จากค่าน้ำของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการมาเป็นรายได้ตรงต่อการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชน การอนุรักษ์แหล่งน้ำและการสนับสนุนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ 3.ขอให้รัฐบาลปฏิรูปกฎหมายน้ำควบคู่กับการปฏิรูปองค์กรด้านน้ำ เพื่อให้ 33 หน่วยงานราชการเกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำร่วมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ 4.ขอให้รัฐบาลเร่งรัดขยายพื้นที่ชลประทาน ปัจจุบันมีเพียงร้อยละ 30 ของพื้นที่เพาะปลูกให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน 5.ขอให้รัฐบาลพิจารณาเช่าพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากในฤดูน้ำหลากเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ และใช้สำหรับการเกษตรบริเวณใกล้เคียงผลักภาระ ปชช.สะท้อนรัฐล้มเหลวนายกรณ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลควรจัดสรรน้ำให้เกษตรกรเข้าถึงได้ตลอดและต่อเนื่อง เพราะปริมาณน้ำธรรมชาติแต่ละปีมีน้ำใช้เหลือล้นกว่า 4 เท่าตัว ไทยไม่ขาดแคลนน้ำเหมือนอิสราเอลหรือสิงคโปร์ แต่ปัญหาของเราคือการบริหารจัดการน้ำให้เท่าเทียมและมีประสิทธิภาพให้มีน้ำใช้อย่างต่อเนื่องเพียงพอ การคิดเก็บภาษีน้ำจากประชาชนมองอีกมุมสะท้อนว่า รัฐบาลยังล้มเหลวในการจัดการบริหารทรัพยากรน้ำ ฉะนั้นก่อนจะพูดถึงการคิดภาษีควรแก้สิ่งเหล่านี้ก่อน ส่วนการเก็บภาษีน้ำจากภาคอุตสาหกรรมต้องมีความชัดเจนว่าจะนำรายได้ตรงนี้ไปใช้อย่างไร โดยหากเก็บภาษีส่วนนี้ควรนำไปใช้เพื่อดูแลปัญหาเรื่องน้ำทั้งการสร้างสมดุล การรักษาป่าแหล่งต้นน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำในระดับชุมชนให้ทั่วถึง ไม่ใช่ผลักภาระให้ประชาชนต้องแบกรับอีก“เหวง” หยันจนปัญญาดิ้นรีดเลือดกับปูด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีแนวคิดการเก็บภาษีน้ำว่า เห็นใจรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่มีความสามารถทางเศรษฐกิจเท่าที่ควร การเติบโตทางเศรษฐกิจจึงตกแก่คนรวยที่มีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ทำให้เก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมาย จึงต้องหาทางรีดเลือดจากปู คนจนเป็นผู้แบกภาระอย่างสาหัส ถ้าจะเก็บควรเก็บเฉพาะจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีรายรับเกินพันล้านบาทต่อปีแบบขั้นบันได อีกทั้งพิจารณาถึงการจัดการน้ำทั้งประเทศ โดยศึกษาปริมาณน้ำฝนที่ตกย้อนหลัง 20 ปี แล้วบริหารจัดการไม่ให้น้ำท่วมและน้ำแล้ง ด้วยวิธีนี้ไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีการใช้น้ำจากเกษตรกร เลย ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นข้อจำกัดทางด้านสติปัญญาความสามารถของรัฐบาลชุดปัจจุบันเรียก “โอ๊ค” รับข้อหาฟอกเงินผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า จากกรณีสำนักงาน ปปง. เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อเอาผิดกับ นายพานทองแท้ ชินวัตร ในคดีฟอกเงินกรุงไทย ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มของนายพานทองแท้ได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในฐานะพยานไปแล้ว ล่าสุดพนักงานสอบสวนมีมติออกหมายเรียก 1.นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 2.นางเกศินี จิปิภพ 3.นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และ 4.นายวันชัย หงส์เหิน ให้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงิน ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ประยุทธ์ จันทร์โอชา - โดนัลด์ ทรัมป์“บิ๊กตู่” พร้อมคณะถึงสหรัฐฯเมื่อเวลา 10.40 น.วันที่ 1 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 21.40 น.วันที่ 1 ต.ค. ตามเวลาในไทย) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และคณะประกอบด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รมช.กลาโหม เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติวอชิงตัน ดัลเลส กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยมีนายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน และเจ้าหน้าที่ระดับสูง กรมพิธีการทูตสหรัฐฯ รอต้อนรับหอบ 25 นักธุรกิจไทยคุยลงทุนจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์และคณะ ได้หารือกับคณะทำงานและหารือกับนักธุรกิจและนักลงทุนไทยในสหรัฐฯ โดย พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางเยือนสหรัฐฯครั้งนี้มีนักธุรกิจไทยร่วมคณะมา 25 คน จาก 5 ภาคธุรกิจทั้งด้านการเกษตร อาหาร การแปรรูป การเงินการธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ ปิโตรเคมี และชิ้นส่วนยานยนต์ นายกฯได้หารือเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนพบปะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 2 ต.ค. โดยการพบปะกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ มี 2 รูปแบบ เริ่มจากการหารือระหว่างผู้นำ 2 ประเทศแบบสองต่อสอง ก่อนจะนำคณะเข้าหารือแบบเต็มคณะเนื้อหาการหารือครอบคลุมทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความร่วมมือในเชิงยุทธศาสตร์ และการส่งเสริมการเป็นพันธมิตรของไทย-สหรัฐฯให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ช่วงเย็นวันที่ 2 ต.ค.นายกฯ จะนำภาคเอกชนไทยพบปะกับภาคธุรกิจสหรัฐฯ ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารเย็น ที่สภาธุรกิจอาเซียนสหรัฐฯและสภาการค้าสหรัฐฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพ“ดอน” โวยไม่ดีจริงมะกันไม่เชิญนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.พร้อมเต็มที่ในการพบปะหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ การเยือนครั้งนี้ถือว่าพิเศษ เพราะหลังหารือแบบสองต่อสอง เต็มคณะแล้วยังมีการเลี้ยงอาหารกลางวัน และพูดคุยกันต่อ แตกต่างจากการเยือนของผู้นำประเทศอื่นโดยทั่วไป ส่วนสถานการณ์การเมืองในไทยเชื่อว่าสหรัฐฯรับทราบถึงช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารเป็นอย่างไร เดินมาถึงขั้นตอนใกล้เลือกตั้ง ถ้าไม่ดีจริง เขาคงไม่เชิญเรา เป็นการเยือนที่คาดว่าจะประสบความสำเร็จที่ดี โดยวันที่ 3 ต.ค.จะลงนามความร่วมมือซื้อถ่านหินจากสหรัฐฯซื้อขายประมาณ 5-6 หมื่นตัน ที่ผ่านมาไทยซื้อจากเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพกับการขนส่งแล้วถือว่าคุ้มค่าโชว์น้ำใจมอบเงินช่วยภัยเฮอริเคนผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภาคเอกชนไทยที่ร่วมเดินทางไปกับคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ได้รวบรวมเงินให้แก่ทางการสหรัฐฯเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุเฮอริเคนเป็นเงินประมาณ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ และสิ่งของอาหารอีกมูลค่าประมาณ 120,000 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลไทยได้บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นเงิน 1,000,000 บาทเอพีอ่านเกม “ทรัมป์” คานอำนาจจีนสำนักข่าวเอพีรายงานว่า การที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผู้นำรัฐบาลทหารของไทย ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เมื่อค่ำวันที่ 2 ต.ค. เป็นเรื่องหายากที่ผู้นำสหรัฐฯ จะต้อนรับผู้นำรัฐบาลทหารของประเทศใดๆ ก่อนที่จะคืนอำนาจให้พลเรือน การเยือนสหรัฐฯของ พล.อ.ประยุทธ์มีขึ้น 3 ปีหลังทหารก่อรัฐประหารยึดอำนาจ และมีขึ้นไม่กี่วันหลังศาลไทยตัดสินจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งรัฐบาลของเธอถูกคณะทหารยึดอำนาจ เป็นเวลา 5 ปีขณะเจ้าตัวหลบหนีไปต่างประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในทวีปเอเชีย เริ่มมีความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ พ.ศ.2376 หรือ 184 ปีก่อน การปูพรมแดงต้อนรับนายกฯประยุทธ์ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนลำดับความสำคัญในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯครั้งใหญ่ ในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ให้ความสำคัญกับการค้าและผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์มากกว่าด้านสิทธิมนุษยชน และเพื่อหวังคานอำนาจจีนในภูมิภาคด้วย