นับตั้งแต่ ChatGPT เปิดให้บริการ ได้เกิดข้อถกเถียงถึงความเป็นไปได้ในการนำนวัตกรรมนี้มาปรับใช้ รวมถึงอันตรายที่อาจตามมา เนื่องจากความสามารถในการวิเคราะห์หาข้อผิดพลาดของโค้ด (Debug Code) ไปจนถึงศักยภาพในการเขียนเรียงความ การโต้ตอบที่บางครั้งสร้างความขบขัน บางครั้งนำเสนอข้อมูลลึกซึ้งและเต็มไปด้วยสาระความรู้ นำไปสู่คำถามที่ว่า “นี่เรากำลังสนทนากับมนุษย์หรือคอมพิวเตอร์กันแน่”

เบิร์น เอลเลียต รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ อิงค์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษา อธิบายว่า ไม่นานมานี้ OpenAI บริษัทวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปิดตัว ChatGPT แพลตฟอร์มสนทนา AI รูปแบบใหม่อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่ารูปแบบการสนทนาที่จัดทำโดยแพลต ฟอร์มนี้ ทำให้ ChatGPT สามารถ “ตอบคำถามได้ครอบคลุม ยอมรับข้อผิดพลาด พร้อมนำเสนอข้อมูลใหม่ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และปฏิเสธคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล” ได้

ความนิยมของ ChatGPT อาจถือเป็นปรากฏการณ์มหาพายุ หรือ Perfect Storm ที่เป็นการรวมกันของปัญญาประดิษฐ์ (AI) สองเรื่องใหญ่ๆที่กำลังมาแรง นั่นคือแชทบอท และ GPT 3 ที่นำเสนอวิธีการสื่อสาร โต้ตอบ พร้อมสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ เสมือนการพูดคุยกับมนุษย์ โดยแชทบอททำหน้าที่สร้างบทสนทนาแบบชาญฉลาด ขณะที่ GPT 3 ช่วยสร้างผลตอบรับ (Output) ที่ดูเข้าใจคำถาม เนื้อหา และบริบทของการสนทนา เมื่อสองสิ่งนี้รวมกันจึงนำไปสู่คำถามที่ว่า “นี่เรากำลังสนทนากับมนุษย์หรือคอมพิวเตอร์กันแน่”

...

น่าเสียดายที่บางครั้ง ChatGPT ยังนำเสนอเนื้อหาได้ไม่ถูกต้องและไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเข้าใจหรือสติปัญญาของมนุษย์ ซึ่งปัญหาอยู่ที่การป้อนข้อมูลของมนุษย์เอง ที่อาจคลุมเครือไม่ชัดเจน เมื่อนำไปใช้กับอัลกอริทึม อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง

กระนั้นในมุมที่มีประโยชน์กว่า คือการได้เห็นว่าแชทบอทและโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เช่น GPT ได้กลายเป็นเครื่องมือทรงคุณค่าสำหรับการทำงานเฉพาะอย่างให้สำเร็จลุล่วงได้ สำหรับการใช้งานเทคโนโลยีแชทบอทหรือผู้ช่วยการสนทนาในเชิงธุรกิจระดับสูงนั้น มีตั้งแต่การให้บริการลูกค้า ไปจนถึงการช่วยเหลือทีมงานเทคนิคระบุปัญหาต่างๆ

กระนั้นความสามารถของ GPT สำหรับการสร้างฐานข้อมูล ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าข้อมูลที่ได้นั้นเป็นเท็จ ดังนั้นการสร้างฐานข้อมูลดังกล่าว จึงต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ข้อผิดพลาดนั้นเป็นที่ยอมรับได้หรือแก้ไขให้ถูกต้องได้

เบิร์น เอลเลียต ระบุว่า อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเหล่านี้ได้มาพร้อมความเสี่ยงและข้อกังวลด้านจริยธรรม เช่น สิ่งเหล่านี้มักสร้างขึ้นโดยบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด ด้วยเงินลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาจำนวนมหาศาล และมีความสามารถด้าน AI เป็นสำคัญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจในหน่วยงานขนาดใหญ่ไม่กี่แห่ง และอาจสร้างความไม่สมดุลในอนาคต

นอกจากนั้น ความสามารถของเทคโนโลยีระดับนี้ ยังจะสร้าง Deepfake (สื่อสังเคราะห์เพื่อการปลอมแปลง)ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับได้อย่างง่ายดายขึ้น นำไปสู่ข้อกังวลด้านจริยธรรม เช่น การทำให้เสียชื่อเสียงหรือสร้างความขัดแย้งทางการเมือง เป็นต้น.