การถ่ายทอดสดหรือจะพูดให้ฟังดูคุ้นหูในภาษาวัยรุ่นคือการ “ไลฟ์ (Live)” โดยเฉพาะการไลฟ์ผ่านกล้องดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ดารา เซเลบ บล็อกเกอร์ชื่อดัง ไปจนถึงชาวโซเชียลธรรมดาอย่างเราๆ เพราะเป็นมากกว่าการสื่อสารทั่วไป เห็นทั้งภาพเคลื่อนไหว เสียง อารมณ์ต่างๆ หลายคนจึงใช้การไลฟ์มาเป็นเครื่องมือในการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ ขายของ โชว์ความสามารถ หรือแม้กระทั่งการออกมาระบายความรู้สึกส่วนตัว แต่จะไลฟ์อย่างไรให้มียอดผู้ชม เข้ามาดูเป็นจำนวนมาก? เป็นสิ่งที่นักไลฟ์มือใหม่ต้องรู้
ล่าสุด “หาว - ต่อวงศ์ ซาลวาลา” ช่างภาพระดับท็อปคลาสของเมืองไทยแนะนำ 5 เทคนิคง่ายๆ สำหรับการไลฟ์ให้มีคนติดตามชมในงาน “ดิ แอดวานซ์เซด ออฟ พรีเมียม เอ็กซ์พีเรียนซ์ เวิร์กช็อป” ที่จัดขึ้นโดย บิ๊ก คาเมร่า

...
พี่หาว เล่าให้เราฟังว่า การไลฟ์หลายคนอาจมองเป็นเรื่องง่ายซึ่งใครก็สามารถทำได้เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนและสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่หากมองกันแบบระดับมืออาชีพจะพบข้อแต่ต่างกันที่มีมากอยู่พอสมควร ทั้งเนื้อหา เรื่องราว และภาพที่ถูกถ่ายทอดออกไป ซึ่งจะมีคุณภาพเทียบเท่ารายการโทรทัศน์ดีๆ หนึ่งรายการเลยก็ว่าได้ เพราะในความเป็นจริงแล้วการไลฟ์ถือเป็นศิลปะการสื่อสารอีกแขนงหนึ่ง ที่ต้องอาศัยทักษะ อุปกรณ์ และองค์ประกอบต่างๆ ผสมผสานเข้าด้วยกัน เริ่มที่...
1. กล้องดิจิทัล
เป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญเพื่อให้ไฟล์ที่ถ่ายทอดออกไปมีคุณภาพดี ซึ่งวิธีการเลือกซื้อกล้องดิจิทัลเพื่อการไลฟ์ต้องเลือกแบบที่มีโหมด Clean HDMI เพราะจะสามารถลบไอคอนเมนูตัวหนังสือต่างๆ ที่ปรากฏบนจอหลังกล้องให้เหลือเพียงแค่ภาพที่ต้องการถ่ายทอดได้ ส่วนเคล็ดลับที่ทำให้ภาพออกมาดูคมชัด คือการตั้งค่าขนาดของไฟล์ โดยเลือกคุณภาพไฟล์ที่ขนาด 720 HD ก็พอ ไม่ต้องตั้งสูงถึง 4K เพราะจะทำให้ภาพกระตุกเนื่องจากประเทศไทยสัญญาณอินเทอร์เน็ตยังไม่รองรับการไลฟ์ด้วยภาพระดับ 4K เท่าไรนัก เลือกใช้โหมดแบบ Manual โดยตั้งความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/50 สุดท้ายคือการตั้งค่า White Balance ควรตั้งแบบ Kelvin เลือกสีโทนของภาพตามใจชอบ ห้ามตั้งแบบออโต้เพราะจะทำให้กล้องจับสีภาพออกมาเพี้ยน
2. ตั้งกล้องมุมฉากขนานกับพื้น
ไม่ควรใช้มุมก้มหรือเงย เพราะจะทำให้ภาพออกมาไม่สวย สังเกตง่ายๆ คือ เส้นฉากหลัง อาทิ รูปภาพ เสา ต้องเป็นเส้นตรง และสำหรับเล่าบล็อกเกอร์สายเชฟที่ชอบไลฟ์การทำขนมหรืออาหาร จำเป็นอย่างยิ่งต้องใช้กล้องดิจิทัล 2 ตัว โดยกล้องตัวแรกใช้จับภาพใบหน้าของผู้ไลฟ์ พูดคุยให้ข้อมูลต่างๆ ส่วนกล้องตัวที่สองจับภาพมือขณะปรุงอาหาร เพราะหากใช้กล้องตัวเดียวถ่ายภาพสลับไปมาจะทำให้ผู้ชมเวียนหัวได้

3. ไม่ควรเปลี่ยนสถานที่ไปมา
เพราะจะทำให้ยากต่อการควบคุมเสียงรบกวน การจัดแสง และการตกแต่ง ส่วนขนาดพื้นที่นั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบของการไลฟ์ อาทิ การไลฟ์ในลักษะพูดคุย หรือการไลฟ์เพื่อรีวิวสิ่งของ อาจจะใช้สถานที่ไม่ใหญ่มาก เป็นบริเวณริมหน้าต่างของห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงานเพื่อให้ได้แสงจากธรรมชาติเข้ามาช่วย แต่หากเป็นการไลฟ์เพื่อสอนเต้นหรือออกกำลังกาย จำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่และใช้ไฟจำนวนมาก เพื่อให้เห็นรายละเอียดของท่าเต้นได้ง่าย
เทคนิคคือ เลือกห้องที่มีบานประตูหรือหน้าต่างขนาดใหญ่ เวลาเต้นให้หันหน้าออกมาทางประตูหรือหน้าต่าง เพื่อรับแสงจากธรรมชาติลดการใช้ไฟฟ้า “เสียง” จัดเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญสำหรับการไลฟ์ โดยจะแบ่งเสียงออกเป็น 2 แบบ คือ เสียงรบกวน เช่น เสียงรถ เสียงแอร์ เสียงพัดลม ซึ่งเป็นเสียงที่ต้องหาวิธีกำจัดออกไปก่อนการไลฟ์ โดยอาจจะเริ่มจากการเลือกห้องไลฟ์ที่ไม่ติดถนน การปรับลมแอร์ให้เบาลง เป็นต้น
...
4. ใช้ไมโครโฟนเข้ามาเป็นตัวช่วย
โดยเฉพาะการไลฟ์โชว์การร้องเพลง เล่นดนตรี ซึ่งปัจจุบันไมโครโฟนมีให้เลือกหลายแบบขึ้นอยู่กับการใช้งาน แต่แนะนำให้เลือกเป็นไมโครโฟนประเภท USB Microphone เพราะจะใช้งานง่าย ให้เสียงดี และลดเสียงรบกวนรอบข้าง ส่วนนักไลฟ์ที่สอนเรื่องการแต่งหน้าหรือคนที่ชอบไฟล์ตอนกลางคืน “แสงไฟ” คือผู้ช่วยชั้นเยี่ยม นอกเหนือจากแสงธรรมชาติ เพราะจะทำให้ภาพออกมาคมชัดเห็นรายละเอียด สีสัน ที่ชัดเจน ซึ่งแสงไฟที่นิยมใช้กันส่วนใหญ่ คือ แสงหลักสำหรับช่วยเพิ่มความสว่าง อาจใช้เป็น LED Board ที่สามารถปรับเพิ่มลดความเข้มของแสงได้ และแสงรองสำหรับช่วยลดเงาสะท้อนอาจใช้เป็นพื้นหลังที่เป็นสีขาว อย่างผ้าม่านหรือกำแพงทาสีขาว เข้ามารับการสะท้อนจากแสงหลัก แทนแสงไฟก็ได้เช่นกัน
5. ไลฟ์จะปังหรือจะแป้ก ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเราเป็นสำคัญ
ซึ่งเคล็ดลับการเตรียมตัวแบบง่ายๆ คือ ต้องเตรียมเนื้อหาให้ดี เลือกนำเสนอจากสิ่งที่รัก สนใจ ถนัด และมีประโยชน์ต่อผู้ชม เพื่อให้สามารถเล่าเป็นเรื่องราวได้ ส่วนการพูดต้องมีความต่อเนื่อง พูดได้เรื่อยๆ ไม่ให้มีภาวะเงียบ (Dead Air) และต้องมีการพูดโต้ตอบกับผู้ชมเสมอ และความถี่ของการไลฟ์ ถ้าเริ่มต้นควรไลฟ์ทุกวันหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อเป็นการฝึกฝนตนเอง

...