พาคุณไปไขข้อข้องใจกับ ร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ ที่กำลังกลายเป็นกระแสร้อนแรงบนโลกโซเชียล ว่าควรสนับสนุนหรือคัดค้าน…

กลายเป็นประเด็นร้อนทั่วทุกโซเชียลมีเดีย กับกฎหมายที่ภาครัฐเตรียมพิจารณาเพื่อนำไปสู่การมีกฎหมายควบคุมผู้ใช้เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์! ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ากฎหมายฉบับเดิมนั้นล้าหลัง ไม่เหมาะสมกับยุคออนไลน์ที่ก้าวล้ำไกลออกไปทุกๆ วัน แต่ใช่ว่า "ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่… พ.ศ. …" หรือ พ.ร.บ.คอมฯ ฉบับความหวังของคนไทยนี้จะถูกอกถูกใจคนทั่วไป

เพราะมีหลายประเด็นที่คาใจชาวออนไลน์ โดยเฉพาะประเด็นด้านความเป็นอิสระ ความเป็นส่วนตัวทั้งข้อมูลและการใช้งาน ซึ่งหมายถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะลดลง หรือไม่ก็ถึงขนาดที่หลายฝ่ายกังวลว่า "อิสระและความเป็นส่วนตัวจะหายไป" เนื่องจากภาครัฐจะมีอำนาจในการกำกับหรือปิดกั้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

ไม่ว่าคุณจะฟังเรื่องดังกล่าวมากี่ครั้ง เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ตามที... เรามีคำอธิบายถึงประเด็นดังกล่าวมาฝากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคน รับรองว่าอ่านแล้วเข้าใจกระแสร้อนที่เกิดขึ้นและรู้จักร่าง พ.ร.บ.คอมฯ ดังกล่าวดีขึ้นอย่างแน่นอน!!!

1. จุดเริ่มต้นของร่าง กฎหมายฉบับใหม่นั้น เกิดขึ้นจากกฎหมายฉบับเดิมเป็นเนื้อหาที่ประกาศใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2550 จึงถูกมองว่าล้าหลังและไม่เหมาะสมกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์ในปัจจุบัน เป็นที่มาของร่าง พ.ร.บ.คอมฯ เจ้าปัญหาฉบับนี้

2. ประเด็นที่ทำให้มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์กออกมาแสดงพลังคัดค้านร่าง พ.ร.บ.คอมฯ ฉบับใหม่นี้ มาจาก...เนื้อหากฎหมายที่ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมองว่ามีข้อจำกัด ถูกควบคุม ลิดรอนอิสระในการใช้อินเทอร์เน็ต และเปิดโอกาสให้ภาครัฐเข้าถึงเนื้อหาของผู้ใช้งานมากเกินไป

...


3. อีกสาเหตุที่ทำให้มีผู้คัดค้านร่าง กฎหมายดังกล่าว คือ การดำเนินการของที่ประชุม สนช. ซึ่งได้พิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.คอมฯ วาระที่ 1 เสร็จสิ้นไปเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากผ่านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อราว 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ซึ่งหลายฝ่ายที่ทราบข่าวล้วนแสดงความเห็นว่า "ใช้เวลารวดเร็วเกินไป" และ "มีลักษณะการควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จอยู่ที่ รมว.ไอซีที" เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.คอมฯ ฉบับใหม่ มีเนื้อหาระบุไว้โดยกว้างและเปราะบางเกินไปในสายตาของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต จึงควรใช้ระยะเวลาในการปรับแก้และพิจารณาให้นานกว่านั้น

4. ทวิตเตอร์ เป็นช่องทางแสดงการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.คอมฯ ฉบับใหม่อย่างแพร่หลาย และดุเดือดที่สุดในโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ว่าได้ เนื่องจากมีความเข้าใจว่ากฎหมายฉบับนี้ส่งผลเสียมากกว่าสร้างผลดีต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย จนทำให้เกิดแฮชแท็กฮิตว่า #ไม่ค้านผ่านแน่ #พรบคอม เพื่อแสดงออกว่าไม่ยอมรับกฎหมายดังกล่าว

5. จากกระแสคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เครือข่ายพลเมืองเน็ต ได้ออกมาชักชวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตร่วมลงชื่อผ่าน เว็บไซต์ change.org เพื่อแสดงพลังในการคัดค้านกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีสถิติระบุว่าขณะนี้มีจำนวนผู้ร่วมลงชื่อคัดค้านแล้วประมาณ 338,000 รายชื่อ (15 ธ.ค.2559) ทั้งยังมีการเชิญชวนร่วมลงชื่อให้ถึง 500,000 รายชื่อ เพื่อยื่นต่อ สนช. และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ต่อไป

6. กฎหมายที่ดูจะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุด เห็นจะเป็นมาตรา 20 ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า "ในกรณีที่มีการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังต่อไปนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้" ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวอาจทำให้ผู้ที่ได้อ่านรู้สึกว่า มีการควบรวมอำนาจไว้ที่บุคคลและหน่วยงานเดียวอย่างชัดเจน

7. กระแสความไม่พอใจในมาตรา 20 ยังไม่นับรวมถึงเนื้อหาย่อยในมาตราเดียวกัน ที่ระบุไว้ใน (3) ว่า "ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นความผิดอาญาตามกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาที่ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ หรือกฎหมายอื่นซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายนั้นหรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้ร้องขอ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน" หากพิจารณาแล้วอาจทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบแบบฝังลึกต่อร่างกฎหมายดังกล่าวมากกว่าเดิม

8. จากรายละเอียดในข้อ 6 และ 7 จะพบว่า เป็นการมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งปิดเว็บไซต์ได้โดยง่าย ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่นักท่องอินเทอร์เน็ตกังวลเป็นอันดับต้นๆ ของกฎหมายดังกล่าว

9. นอกจากเนื้อหากฎหมายที่หลายฝ่ายยังคงส่ายหน้าไม่ยอมรับ ร่าง พ.ร.บ.คอมฯ ฉบับใหม่นี้ยังถูกครหาว่าเป็นร่างทรงให้ภาครัฐได้สอดแทรกดำเนินการนโยบาย "ซิงเกิลเกตเวย์" (Single Gateway) ซึ่งในอดีต...ประเด็นดังกล่าวก็เป็นเรื่องราวร้อนแรงในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมาแล้ว เพราะถูกมองว่าเป็นนโยบายที่จะทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตถูกขัดขวางเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการใช้งาน มากกว่าจะเกิดประโยชน์ในการดูแลหรือควบคุมการใช้งานแก่หน่วยงานกำกับดูแล สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของร่าง พ.ร.บ.คอมฯ ใหม่ ที่มองว่าเป็นไปในทิศทางดังกล่าวเช่นกัน

10. ความคืบหน้าของ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่… พ.ศ. … มีเพียงการคาดการณ์ว่า สนช.เตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ภายในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ซึ่งหากร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านการพิจารณา ก็อาจเป็นเรื่องที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะต้องให้ความสำคัญและทำความเข้าใจในการใช้งานให้ถูกต้องต่อไป.