ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 เม.ย. - 1 พ.ค.) เฟื่องไปขลุกอยู่ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์มาค่ะ ไปมา 3 วัน จากทั้งสิ้น 4 วัน (พลาดไปหนึ่งวันเพราะติดอีเวนต์ที่ลาไม่ได้) ตอนแรกก็ไม่ได้กะว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้ แต่พอได้เข้าไปดูในงานแล้ว ต้องขออนุญาตลางาน/เคลียร์คิวอื่นๆ เพราะรู้สึกว่างานมีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่เราควรให้เวลากับมันเต็มไปหมด

StartUp Thailand 2016 งานนี้คนใกล้ชิดทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "เหนือความคาดหมาย" เฟื่องเองก็คิดเช่นนั้น ต้องขอบคุณความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่จัดงานนี้ขึ้นมา ตามโรดแม็ปที่จะผลักดันประเทศไทยให้ขับเคลื่อนไปสู่สังคมและเศรษฐกิจแบบดิจิทัลอย่างแท้จริง (แนะนำให้ทุกคนไปฟังคลิป ปาฐกถาของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ http://youtu.be/JrvWIPrp3ho นี่แหละค่ะแนวทางอนาคตสดใสของประเทศไทย) และอีกหนึ่งกุญแจสำคัญคือ "การเปิดกว้างรับฟัง" เสียงและคำแนะนำจากภาคเอกชน เพราะก่อนหน้านี้หลายๆ ภาคส่วนก็เป็นกังวลว่ารัฐบาลอาจยังไม่เข้าใจคำว่า "สตาร์ทอัพ" อย่างถ่องแท้นัก แต่หลังจากคนในวงการเข้าไปหารือ เสนอแนะ และปรับแก้ ทำให้สุดท้ายแล้วงานนี้ออกมาลงตัวที่สุด ประชาชนให้ความสนใจ และเหล่าสตาร์ทอัพได้นำเสนอความเป็นตัวตนให้คนเข้าใจได้ถูกประเด็น ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้
...
ภายในงานก็จะแบ่งเป็นโซนต่างๆ ฝั่งนึงเป็นเวที มีการเสวนา โดยวิทยากรผู้ช่ำชองประสบการณ์ ผลัดเปลี่ยนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลากหลายหัวข้อ และอีกฝั่งเป็นโซนนิทรรศการ ซึ่งจัดแบ่งสัดส่วนได้ดีมาก เอื้อประโยชน์แก่ผู้ร่วมชมงานทั้งสองกลุ่ม คือกลุ่มที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสตาร์ทอัพเลย และกลุ่มที่อยู่ในแวดวงอยู่แล้วที่อยากมาสำรวจตลาด

มีความรู้สตาร์ทอัพเบื้องต้น ตัวอย่างสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักแล้วทั้งของไทย และต่างประเทศ ทำให้เห็นว่ามันมีความเป็นไปได้ และธุรกิจที่จะจัดว่าเป็นสตาร์ทอัพคืออะไร มีการแบ่งเป็นโซนต่างๆ ทั้ง Ecosystem ของสตาร์ทอัพ หรือองค์ประกอบจำเป็นในการดำรงอยู่ของ startup ได้แก่ การสนับสนุนจากภาครัฐ/โซนนักลงทุนที่มีทั้งองค์กรอิสระ และธนาคารต่างๆ / Co-working Space/ Accelerator หรือแหล่งบ่มเพาะสตาร์ทอัพ ที่ ณ ตอนนี้ 3 ค่ายโอเปอเรเตอร์อย่าง True, AIS, DTAC ก็ยึดพื้นที่อยู่

ในโซนของสตาร์ทอัพเอง ก็มีการจำแนกหมวดหมู่ธุรกิจ เป็นทั้ง FinTech (เทคโนโลยีการเงิน)/ EdTech (เทคโนโลยีการศึกษา)/ Travel & Lifestyle Tech (บริการที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น พวกแอพจองคิว แอพหาร้านอาหาร หาคู่ หาเพื่อนเที่ยว ฯลฯ/ HealthTech (แอพด้านสุขภาพ)/ AgriTech (เทคโนโลยีด้านการเกษตร) และอีกเยอะมากๆ ข้อดีคือนอกจากผู้ชมงานจะเดินชมได้อย่างไม่หลงทิศแล้ว สตาร์ทอัพในแวดวงเดียวกันก็จะได้ออกบูธใกล้ๆ กัน ได้รู้จักเพื่อน หรือคู่แข่งมากขึ้น อาจได้ไอเดียใหม่ๆ ในการพัฒนาธุรกิจตัวเอง หรืออาจจะจับมือกับบูธข้างๆ สร้างเป็นทีมใหญ่กว่าขึ้นมาเลยก็ได้!

ถ้าจะให้เล่าเก็บตกทุกความประทับใจจากงานนี้ เขียนไป 3 สัปดาห์ก็คงไม่หมด แต่สิ่งหนึ่งที่เฟื่องมองเห็นในฐานะสื่อสายไอทีที่ติดตามวงการสตาร์ทอัพมาสักพักใหญ่ๆ เฟื่องต้องบอกว่างานนี้เป็นประตูบานสำคัญที่เปลี่ยน "สตาร์ทอัพ" จาก Niche ไปสู่ Mass หรือจากเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครเข้าใจมากนัก มีแค่กลุ่มคนเล็กๆ พยายามผลักดันเรื่องนี้ให้เกิด มาสู่ความสนใจของมหาชน

...
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เชื่อว่าอนาคตของประเทศไทยกำลังสดใสขึ้นแน่ๆ ค่ะ เพราะเทคโนโลยีและกลุ่มคนเหล่านี้แหละที่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาชาติได้ ประเทศไทย "มาถูกทาง" แล้วค่ะ หลังจากนี้เฟื่องจะขอเป็นส่วนนึงในการร่วมผลักดันสตาร์ทอัพไทยให้โตขึ้นๆ เท่าที่จะทำได้ ใครมีไอเดียอะไรอยากพูดคุย อยากถาม ติดต่อเฟื่องมาได้ เปิดรับทุกความคิดเห็น และการช่วยเหลือค่ะ เจอกันบทความหน้า
About me
IG: @faunglada
Twitter: @faunglada
Facebook: www.facebook.com/faunglada
Youtube: www.youtube.com/FLDfaunglada