ใครหลายคนอาจจะได้ยินเรื่องของ IoT หรือ Internet of Things กันจนชาหู และช่วง 10 ปีให้หลังมานี้ ยิ่งเห็นภาพความเป็นไปได้ชัดเจนขึ้นว่าเทรนด์นี้กำลังจะเป็นจริง เทคโนโลยีจะเชื่อมต่อกันโดยแทบไม่ต้องอาศัยมนุษย์อย่างเราไปควบคุม

ระบบ "อัจฉริยะ" เหล่านี้ฉลาดขึ้นมาก คิด สังเกตและเก็บข้อมูลต่างๆแล้วประมวลผลแทนเรา แค่สั่งนิดเดียว ชีวิตก็ง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส พูดง่ายๆ ก็คือ “หุ่นยนต์” นั่นเอง

ในภาพยนตร์หลายเรื่องที่เล่าถึงโลกอนาคต เมื่อหุ่นยนต์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน มีทั้งพล็อตแนวหุ่นยนต์ครองโลก เพราะหุ่นยนต์จะพัฒนาไปไกลจนมีอำนาจเหนือมนุษย์ (Transcendent) คนจะสามารถตกหลุมรักและมีความสัมพันธ์กับระบบปฏิบัติการที่ไม่มีแม้กระทั่งตัวตนที่จับต้องได้ (Hers) และอีกหลายๆ เรื่อง ซึ่งน่าสังเกตว่าแต่ละเรื่องล้วนนำเสนอความกลัวลึกๆ ของมนุษย์ว่าสุดท้ายแล้ว เราจะเจ็บปวดเพราะสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเองกับมืออย่าง “หุ่นยนต์”

แต่ก่อนที่เราจะไปไกลสุดโต่งขนาดนั้น มาเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแน่ๆ ภายใน 5-10 ปีข้างหน้ากันดีกว่า หุ่นยนต์กำลังเก่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และแน่นอนบางส่วนจะมาแทนที่แรงงานมนุษย์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด จะมีทั้งอาชีพที่จะตกงานและอาชีพที่จะยังไปได้อยู่

...

อาชีพที่ควรรีบหาทางหนีทีไล่

อาชีพประเภทแรงงาน เช่น สาวโรงงาน แม่บ้าน คนขับรถ พนักงานส่งของ นักแปลภาษา ฯลฯ เพราะเราเห็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะมาแทนที่คนเหล่านี้แล้ว ทั้งเครื่องจักรไฮเทค หุ่นยนต์ทำความสะอาด (iRobot และอีกหลายๆยี่ห้อ) ความพยายามในการสร้างรถยนต์ไร้คนขับ ที่ในไม่เกิน10ปี น่าจะสำเร็จแน่ๆ การใช้โดรนส่งสินค้า อุปกรณ์แปลภาษาแบบเกือบจะ real time การใช้หุ่นยนต์มาแทนที่คนเหล่านี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก และตัดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ (Human Error) ได้อีกด้วย

อาชีพที่จะยังอยู่ได้

อาชีพสายไอที เช่น คนเขียนโค้ด (coder) กราฟิกดีไซน์เนอร์ ผู้ออกแบบหน้าตาและประสบการณ์การใช้งานแอพหรือเว็บ (UI/UX Designer) ความต้องการคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้จะเพิ่มสูงขึ้น และปัจจุบันอาชีพเหล่านี้ในประเทศไทยยังจัดว่ามีน้อยอยู่ ดังนั้นถ้าคุณมีบุตรหลาน หากเขามีแนวโน้มที่จะสนใจและมีความถนัดด้านไอที และวิทยาศาสตร์ แนะนำว่าให้ส่งเขาไปเรียนด้านนี้ มีทางไปในโลกอนาคตแน่นอนค่ะ

แต่ทั้งนี้เฟื่องไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องหันมาเป็นมนุษย์สายวิทย์ เสพติดสมองซีกซ้าย และบ๊ายบายสมองซีกขวาแหล่งที่มาของความคิดสร้างสรรค์ ถึงจะอยู่รอดในโลกทศวรรษหน้าได้ มนุษย์เราไม่ได้ถูกสร้างให้เหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นอาชีพที่เฟื่องบอกว่า “รีบควรหาทางหนีทีไล่” ใช่ว่าจะต้องเลิกทำอาชีพนั้นๆ เลย เพราะเรายังสามารถอยู่รอดได้ด้วยการใช้ “ความเป็นมนุษย์” ที่มีชีวิตจิตใจ มีความเป็นธรรมชาติ มาเป็นอำนาจต่อรองให้นายจ้างยังอยากเลือกเรามาทำงานมากกว่าหุ่นยนต์ เช่น ล่ามที่เป็นมนุษย์สามารถแปลภาษาได้เป็นธรรมชาติกว่า มีอวัจนภาษาที่เพิ่มเข้าใจและความรู้สึกที่ดีกว่าระหว่างแปล ทำให้การสื่อสารประสบความสำเร็จได้มากกว่า หรืองานบริการบางประเภทที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและศิลปะ เช่น หมอนวด ช่างแต่งหน้า ผู้ประกาศข่าว นักแสดง ฯลฯ

ดังนั้นการทำงานทุกอย่างเราควรฝึกใช้ ความเหนือกว่าของมนุษย์ให้เป็นประโยชน์ พยายามคิดว่าอะไรที่เราทำได้มากกว่าหุ่นยนต์ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตนเอง คิดให้ได้เหนือกว่างานที่เราได้รับมอบหมาย และใช้ Human Touch (หรือมนุษยสัมพันธ์) ให้เด่นชนะเบียด Human Error ให้ได้

...

โลกของหุ่นยนต์มาแน่ และเราควรเตรียมพร้อม ค่อยๆปรับตัว จะได้ถัวเฉลี่ยพื้นที่บนโลกนี้ให้พอดีระหว่างเทคโนโลยีและผู้สร้างสรรค์มันขึ้นมา อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขค่ะ

ถ้ามีคำถามสามารถส่งมาได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com  ได้เลยนะคะ หรือตามช่องทางโซเชียลของเฟื่อง