เอไอเอส จับมือ ทีโอที ใช้คลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ รองรับความต้องการใช้งาน ดูแลลูกค้า 38 ล้านราย พร้อมออกแคมเปญหนุนคนใช้ 2จี ย้ายสู่ 3จี 4จี ชี้ชวดประมูลคลื่น 900 MHz เพราะราคาสูงเกินไป แต่จะเอางบมาพัฒนาเครือข่ายให้ดีขึ้นแทน...
นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า หลังจากเสร็จสิ้นการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งบริษัทแอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในเครือเอไอเอสได้เข้าร่วมประมูล และไม่ได้รับใบอนุญาตในคลื่นดังกล่าว ซึ่งบริษัทตั้งมูลค่าสูงสุดในการประมูลไว้ที่ 75,000 ล้านบาท ซึ่งได้พิจารณาความเหมาะสมจากปัจจัยด้านต่างๆ เพื่อเป้าหมายในการดูแลลูกค้าให้ได้รับบริการที่ดี
"ปัจจุบันเอไอเอสมีลูกค้า 38 ล้านราย ยอมรับว่าเมื่อไม่ได้คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ทำให้แผนการให้บริการของเราไม่เป็นไปตามที่เคยวางแผนไว้ แต่ก็มีการเตรียมแผนสำรองเพื่อดำเนินการเอาไว้แล้ว ภายใต้คลื่นความถี่ทั้งบน 1800 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ รวมกว่า 30 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการลูกค้าทุกคน ซึ่งปัจจุบันเอไอเอสมีสถานีฐานบนคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิรตซ์ทั้งสิ้น 25,000 แห่ง และครอบคลุมพื้นที่กว่า 90% เพื่อให้บริการ 3จี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ยังมีคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ ที่สามารถนำมาให้บริการร่วมกันเพื่อรองรับความต้องการใช้งานของลูกค้าได้"
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่ได้ใช้งบประมาณสำหรับการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ บริษัทจึงเตรียมใช้งบประมาณดังกล่าวเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้า 2จี เปลี่ยนมาใช้งาน 3จี ด้วยอุปกรณ์ที่รองรับ 3จี และ 4จี ซึ่งปัจจุบันเอไอเอสมีลูกค้า 2จี จำนวน 1 ล้านราย และลูกค้าที่ยังใช้งานอุปกรณ์ 2จี ราว 10 ล้านราย รวมทั้งสิ้น 11 ล้านราย ด้วยโครงการเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่จาก 2จี เป็นเครื่อง 3จี หรือ 4จี ฟรีทั้งลูกค้าในระบบพรีเพด (เติมเงิน) และโพสเพด (รายเดือน) ภายในวันที่ 25 ธ.ค.2558 เพียงเติมเงินหรือชำระค่าบริการตามเงื่อนไขที่กำหนด นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อขยายระยะเวลาเยียวยาลูกค้าในระบบ 2จี ซึ่งควรมีเวลาในการตัดสินใจและปรับเปลี่ยนอุปกรณ์หลังจากหมดระยะเวลาสัมปทานไม่ต่ำกว่า 1 ปี
"ขอให้มั่นใจว่าเอไอเอสมีแผนรองรับการให้บริการอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้มีความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีความร่วมมือนานกว่า 25 ปี โดยล่าสุดได้มีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในธุรกิจโมบาย โดยนำคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 15 เมกะเฮิรตซ์จากทีโอทีเข้ามาร่วมให้บริการ เพื่อมุ่งสู่การเป็นดิจิตอล เซอร์วิส โพรวายเดอร์ ตามเป้าหมายของบริษัท"
นายปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสไม่ต้องการทำสงครามราคาในการให้บริการ แต่เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมีผู้ให้บริการรายใหม่เกิดขึ้น ก็อาจทำให้มีการนำเสนอราคาที่น่าดึงดูดใจเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้า ส่วนจำนวนคลื่นความถี่ที่บริษัทมีอยู่ 30 เมกะเฮิรตซ์นั้น เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการให้บริการหรือการแข่งขันในธุรกิจโทรคมนาคม เนื่องจากยังสามารถลงทุนขยายสถานีฐานเพิ่มเติม เพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันได้.
...