หลังจากที่ซีได้ส่งทีมงานไปเยี่ยมโรงงาน บริษัท Dyson ณ West Park ประเทศ Singapore แล้ว มีหนึ่งประเด็นเลยที่น่าค้นคว้าติดตามต่อ ก็คือเรื่องของนวัตกรรม ‘หุ่นยนต์’ ที่จะมาแทนที่คน
จริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรหรอกค่ะ แต่สมมติฐาน คือ คนเราอาจจะตกงาน ไม่มีงานทำ เพราะเทคโนโลยีก้าวหน้าไปเร็วมาก แถมทำงานได้ดั่งใจ ไม่บ่นเหนื่อย 24 ชม. งานอุตสาหกรรมต่างๆ ปัจจุบันก็ “หุ่นยนต์" กันหมด
พูดได้เลยว่าตอนนี้หุ่นยนต์ก็เริ่มถูกนำมาใช้ทำงานแทนมนุษย์ในอีกหลายอาชีพ ในอนาคตหน้าที่การงานของคุณจะเป็นอย่างไร อัตราการว่างงานจะสูงขึ้นอีกไหม ต้องรอดูกัน
อาชีพที่หุ่นยนต์น่าจะทำแทนได้?
1. แน่นอนอยู่แล้ว “อาชีพในโรงงานอุตสาหกรรม” เครื่องจักรทำแทนหมด แต่ก่อนเวลาเราเดินเข้าโรงงาน สิ่งที่เราเห็นคือ คนทำงานเต็มไปหมด แต่ตอนนี้สิ่งที่เห็นคือเครื่องจักรทำงาน จำนวนคนน้อยมากจริงๆ อย่างของ บริษัท ไดสัน จำนวนคนทำงานมีไม่ถึง 30 คน แต่มีหุ่นยนต์เกือบ 600 ตัว ในการทำงานของสายการผลิตเกือบทั้งหมด โดยคนจะมีหน้าที่แค่คอยควบคุมดูแลความเรียบร้อยเท่านั้น
...
2. “พนักงานทำความสะอาด ดูดฝุ่น และล้างรถ” ตอนนี้นวัตกรรมเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์เริ่มผลิตเยอะขึ้นเรื่อยๆ แถมพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น คนเลยไม่ต้องมานั่งทำความสะอาดบ้าน ดูดฝุ่นเองอีกต่อไปแล้ว แถมยังมีหุ่นยนต์แม่บ้านอีกซะด้วย ส่วนล้างรถทุกวันนี้ก็เริ่มนำเครื่องจักรมาล้างรถแล้ว ไม่ต้องใช้คนล้างอีกต่อไป แต่ตอนนี้อาจจะยังอาศัยคนเช็ดอยู่นะคะ
3. เมื่อต้นปี ซีได้มีโอกาสได้ชมงานวิศวะ 58 Engineering Expo 2015 ของ คณะวิศวะ ลาดกระบัง ก็ได้รู้จักกับหุ่นยนต์ “ไซร่า” หุ่นยนต์ช่วยช็อปปิ้งสำหรับผู้พิการ และผู้สูงวัย ดังนั้นต่อไปอาจจะไม่ต้องไปช็อปเอง มีหุ่นยนต์ช่วยก็เป็นไปได้
4. “อาชีพคนขับรถ” หลังจากที่ Google ได้ทำสำเร็จแล้วสำหรับรถที่ขับเองได้ แถมในปี 2016 นี้ ญี่ปุ่นเตรียมทดลอง “แท็กซี่ไร้คนขับ” และพร้อมจะใช้งานจริงในเร็วๆ นี้ น่ากลัวไหมล่ะคะ อีกหน่อยอาชีพการขับรถ เช่น รถเมล์ รถแท็กซี่ ก็อาจจะหมดไป
5. “อาชีพผู้ผลิต” ตอนนี้มีนวัตกรรมใหม่ของ 3D Printing ที่สามารถพิมพ์ของออกมาให้เป็นชิ้นเป็นอันได้เลย เราก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดค้นผลิตกันแล้ว ส่วนมากเขาจะใช้ปริ้นเตอร์พวกนี้ในการสร้างต้นแบบก่อนที่จะไปผลิตจริง เพราะเจ้าปริ้นเตอร์อัจฉริยะตัวนี้สามารถปริ๊นได้ ไม่ว่าจะเป็นอวัยะคน เสื้อผ้า ตึก แต่ตัวสินค้าจริงยังไงก็ต้องใช้แรงงานผลิต รวมทั้งเครื่องจักรในโรงงานอยู่
6. “นักแสดง” อันนี้รับรองยังไม่สามารถแทนคนได้ 100% แน่ๆ แต่ให้ลองคิดดูเฉยๆ ว่าขนาดหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิต ยังสามารถเอามาแสดงละคร ให้เหมือนคนมีชีวิตได้แล้ว แถมยังสามารถแสดงร่วมกับคนได้อีกด้วย เช่น ละครเวที ซาโยนาระ ที่เคยนำมาเล่นในประเทศไทยแล้ว
มาดูลำดับกันดีกว่าว่าอาชีพไหนเสี่ยงที่สุดหนอ?
ลับดับที่ 1 มีความเสี่ยง 90–100% อาชีพขายทางโทรศัพท์ พนักงานพิมพ์ดีด เลขานุการ พนักงานออฟฟิศ แรงงานในอุตสาหกรรม ผู้จัดการด้านการเงิน ฝ่ายขาย เจ้าหน้าที่ห้องสมุด พนักงานธนาคาร
ลับดับที่ 2 มีความเสี่ยงถึง 80–89% ได้แก่ พนักงานต้อนรับ รปภ. พนักงานทำขนมปัง พนักงานฟาร์ม บุรุษไปรษณีย์ โรงงานฆ่าสัตว์ ช่างไฟ ช่างอิเล็กทรอนิกส์
ลำดับที่ 3 มีความเสี่ยง 70-79% ได้แก่ อาชีพเกษตรกร การประมง ชาวนา ช่างไม้ ช่างเชื่อม
ลำดับที่ 4 มีความเสี่ยง 60–69% ได้แก่ อาชีพพนักงานขับรถไฟ คนทำสวน แม่บ้าน
ลำดับที่ 5 มีความเสี่ยง 50–59% ได้แก่ คนขับรถ พนักงานทำความสะอาด
ลำดับที่ 6 มีความเสี่ยง 30–49% ได้แก่ ช่างท่อ ผู้ช่วยพยาบาล สัตวแพทย์ ศิลปิน ช่างเสริมสวย ช่างซ่อมเครื่องบิน นักพากย์ นักแปล ช่างแอร์ และรวมถึงผู้คุมคุก
ลำดับสุดท้าย มีความเสี่ยง 0 ถึง 29% ได้แก่ นักกีฬา เทคนิคทางการแพทย์ นักบิน ตำรวจ นักเศรษฐศาสตร์ นักสุขภาพ ดีไซเนอร์ นักดนตรี นักกฎหมาย หมอฟัน สถาปนิก พยาบาล ครู-อาจารย์ และพี่เลี้ยงเด็ก
หลังจากเห็นลำดับพวกนี้แล้ว ซีว่าอาจจะเป็นแนวทางให้เด็กรุ่นใหม่ๆ เริ่มคิดว่า ต่อไปควรเรียนอะไรดีนะ จะได้ไม่ตกงาน มีงานทำแน่นอน
...
อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นได้เลยว่า อาชีพที่มีสิทธิ์ถูกหุ่นยนต์แย่งงาน จะเป็นอาชีพที่เป็นงานที่ทำซ้ำๆ แบบเดิมทุกวัน เป็นงานที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการคิดที่ซับซ้อน เพราะเราสามารถตั้งโปรแกรมให้หุ่นยนต์ทำงานแทนคนได้
แต่ซียังเชื่ออยู่ว่า ยังไงหุ่นยนต์ก็ยังไม่ถึงกับสามารถทำงานแทนคนได้ 100% หรอก งานในที่นี้ คือ พวกงานทั่วไปนะ แต่ถ้างานที่ใช้แรงงาน โรงงานอุตสาหกรรม ก็ไม่แน่คะ เพราะถ้างานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็ว มีความแม่นยำสูง เปอร์เซ็นต์ของความผิดพลาดน้อยมากหรือไม่มีเลย ต้นทุนต่ำลง แล้วทำไมถึงต้องจ้างคนล่ะ?
ไม่ใช่แค่นั้น หลายบริษัทก็เริ่มปรับตัว ปรับแผนการ เริ่มนำหุ่นยนต์มาทำงานเพิ่มมากขึ้น เช่น Foxconn โรงงานผลิตสินค้าให้กับ Apple ที่เคยประกาศว่า จะเตรียมใช้หุ่นยนต์เพิ่มเข้ามาเปลี่ยนแทนคนเพื่อช่วยในการผลิต และลดการเกิดปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เช่น การประท้วง Foxconn, ปัญหาการหยุดงาน เป็นต้น
...
ต้องยอมรับเลยว่า ตอนนี้เทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ การปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมากขึ้นทุกวันเช่นนี้ ก็อาจเป็นเหมือนดาบสองคมที่ควรระวัง และต้องคอยลุ้นกันต่อไปว่าอนาคตของโลกเราจะเดินต่อไปในทิศทางไหน
ลองนึกๆ ดูนะคะ ทุกวันนี้หุ่นยนต์ก็สามารถทำงานแทนคนได้หลายอย่างมาก เช่น ตัวอย่างข้างบน และหุ่นยนต์ยกของส่งของ หุ่นยนต์บริการในโรงแรม ที่เริ่มทดลองใช้กันแล้วในต่างประเทศ ฟังดูแล้วก็น่าคิดนะคะ ถ้าอนาคตเป็นแบบนี้จริง อัตราว่างงานสูงขึ้นแน่ ซีว่าตอนนี้ใครที่โดนตำหนิ ว่าคุณทำงานเหมือนหุ่นยนต์ ก็ต้องรีบปรับปรุงตัวเองแล้ว เพราะไม่แน่ในอนาคตคุณอาจจะตกงาน แล้วมีหุ่นยนต์มาทำงานแทนก็ได้
ส่วนใครที่อยากรู้ว่า อาชีพที่เราทำอยู่นี่นั้น มีความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์มากน้อยแค่ไหนภายใน 20 ปีข้างหน้านี้ ซีมีเว็ปไซต์มาแนะนำ http://www.bbc.com/news/technology-34066941 นี่เลย แล้วลองใส่อาชีพของเราดู เว็บไซต์จะแสดงผลมาให้เราเห็นเลยว่า เรามีความเสี่ยงที่จะถูกหุ่นยนต์แย่งงานมากน้อยแค่ไหน และจากอาชีพทั้งหมดที่งานวิจัยทำการวิจัยไว้ เราอยู่ในลำดับที่มีความเสี่ยงเป็นลำดับที่เท่าไร ลองดูกันนะคะ
สำคัญสุดคือ จะมีหุ่นยนต์หรือไม่ ก็น่าจะได้เวลาถามตัวเองสักหน่อย ว่าเราได้ใส่เต็ม 100 หรือ 120 กับงานที่ทำ ให้ได้ผลดีซะยิ่งกว่าหุ่นยนต์ทำได้... แล้วรึยัง?