อีสท์วอเตอร์ ทุ่มงบประมาณกว่า 10 ล้าน ใช้ระบบโซลูชั่นจากชไนเดอร์ เพื่อช่วยบริหารจัดการระบบน้ำ ตั้งเป้าสู่การเป็น Smart Water Grid ภายใน 3 ปีจากนี้…

นายแมทธิว กอนซาเลซ รองประธานบริษัท หน่วยธุรกิจอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทมีโซลูชั่นการจัดการน้ำที่ช่วยให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และส่วนท้องถิ่น ซึ่งสามารถบูรณาการซอฟต์แวร์ให้เชื่อมต่อกับส่วนการดำเนินงานต่างๆ ตั้งแต่โรงงาน ท่อส่ง ศูนย์ควบคุม และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้วยการทำงานบนโปรโตคอลระบบเปิด อาทิ อีเธอร์เน็ต ไอพี , อุปกรณ์ , ระบบที่มีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ เพื่อช่วยให้บุคลากรได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม ทำให้สามารถโซลูชั่นนวัตกรรมบนเทคโนโลยี

ล่าสุด บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ ได้เลือกใช้โซลูชั่นในชื่อ SCADA (สกาด้า) ในการควบคุมและสั่งการแบบเรียลไทม์จากศูนย์ควบคุมกลางเพียงแห่งเดียว ทำให้สามารถติดตาม ควบคุมการสูบส่งน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถประมวลผลการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถลดความสูญเสียในระบบ เช่น ต้นทุนการสูบน้ำ น้ำสูญหาย เป็นต้น ซึ่งสามารถตรวจสอบบริการและคุณภาพได้จากอินเทอร์เน็ต

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทมีหน่วยงานที่ใช้บริการโซลูชั่นชไนเดอร์ในการจัดการน้ำ 2 องค์กร คือ การประปาส่วนภูมิภาค และอีสท์วอเตอร์ เพื่อติดตามและจัดการภาพรวมการบริหารทรัพยากรน้ำภายใต้การดูแลขององค์กร

นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการและบริการลูกค้า บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าสู่การเป็น Smart Water Grid ซึ่งสามารถบริหารและจัดการทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการนำระบบไอทีเข้ามาเชื่อมโยงภายใน 3 ปีจากนี้ บริษัทจึงได้เลือกโซลูชั่นของชไนเดอร์ อาทิ PLC Quantum ระบบอัตโนมัติในการควบคุมและสั่งงานสถานีสูบน้ำ ทำให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดปั้มน้ำ อัตราการไหล แรงดันน้ำ โดยสามารถใช้งานได้ทั้งแบบอัตโนมัติและใช้พนักงานควบคุม รวมถึง SCDA Vijeco Citech โปรแกรมระบบควบคุมและประมวลผลแบบศูนย์รวม เพื่อควบคุม ตรวจสอบ บันทึกผล รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลในกระบวนการสูบจ่ายน้ำแบบเรียลไทม์ เพื่อติดตามผลและแก้ไขปัญหาการส่งน้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ระบบสกาด้าสามารถช่วยให้บริษัทติดตามผลและแก้ไขปัญหาการส่งน้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ลดการสูญเสียน้ำในท่อส่งจาก 20% เหลือไม่เกิน 3% ระบบจัดการน้ำจึงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และตรวจสอบได้ โดยเชื่อว่าในปีนี้จะมียอดจำหน่ายน้ำไม่ต่ำกว่า 300 ล้าน ลบ.ม. ส่วนในปี 2559 คาดว่าจะมียอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 310 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทยังอยู่ในช่วงชะลอการลงทุน จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่เติบโตมากนัก โดยสัดส่วนลูกค้าของบริษัทแบ่งเป็นภาคอุตสาหกรรม 70% และผู้บริโภคทั่วไป 30%

"บริษัทมีการลงทุนด้านระบบไอทีเพื่อช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง รวมมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ซึ่งในปีนี้ได้ลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท รวมถึงงบประมาณที่จะใช้ร่วมกับโครงการใหม่ๆ อีกกว่าพันล้านบาท เพื่อเพิ่มเติมเทคโนโลยี พัฒนาระบบเดิม และท่อส่งน้ำ พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับระบบไอทีในทุกส่วนงาน สู่เป้าหมายในการเป็น Smart Water Grid ตามที่บริษัทได้ตั้งเป้าไว้".

...