ข่าวใหญ่วงการไอทีสัปดาห์นี้คือไมโครซอฟท์ออก Microsoft Office 2016 ครับ

หา!! ออกใหม่อีกแล้วเหรอ ยังไม่ได้ใช้ 2013 เลย...

ใช่แล้วครับ รอบการออก Microsoft Office ของไมโครซอฟท์ในช่วงหลังสม่ำเสมอมาก นั่นคือออกรุ่นใหม่ทุก 2 ปี นับตั้งแต่ 2007 > 2010 > 2013 > 2016 เป็นต้นมา

หลายคนที่เคยใช้ Microsoft Office มาอาจรู้สึกว่า ไมโครซอฟท์ออกรุ่นใหม่เร็วเกินไป (อันนี้เป็นเรื่องความรู้สึก) รุ่นเดิมยังใช้ได้อยู่เลย ไม่อยากเปลี่ยน ไม่คุ้มเงิน ฯลฯ เหตุผลเหล่านี้ผมได้ยินมาตลอดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ถ้าเราเอารูปแบบการคิดเงินของ Microsoft Office แบบเดิมที่เป็นการซื้อไลเซนส์ขาดตัว (หลักหลายพันบาทแล้วแต่รุ่น) อันนี้เห็นด้วยว่าจริงครับ เอาเข้าจริงแล้ว ความสามารถของ Microsoft Office รุ่นหลังๆ เปลี่ยนจากรุ่นก่อนหน้านั้นไม่เยอะ แถมหน้าตาก็คล้ายๆ กัน ดูเผินๆ แทบไม่ต่าง การเสียเงินที่บางครั้งอาจแพงระดับเกือบหมื่น (หรือเกินหมื่น) อาจไม่คุ้มค่าในหลายๆ กรณี

อย่างไรก็ตาม รูปแบบของ Microsoft Office รวมถึงซอฟต์แวร์กล่องแบบดั้งเดิม เปลี่ยนแปลงไปเยอะในช่วง 3-4 ปีมานี้

ซอฟต์แวร์แบบที่เราเคยซื้อไลเซนส์แยกขาดตัว ซื้อเสร็จแล้วก็จบกันไปชั่วกัลปาวสาน เริ่มเปลี่ยนมาเป็นการขายบริการแบบ “เช่าใช้งาน” เป็นรายปีหรือรายเดือนแทน

...

อธิบายง่ายๆ คือจ่ายเงินค่าสมาชิกต่อเดือนให้ไมโครซอฟท์ เราจะได้สิทธิใช้งาน Microsoft Office ของแท้รุ่นใหม่ล่าสุดเสมอ ไม่ต้องเสียค่าอัพเกรดเมื่อซอฟต์แวร์ออกรุ่นใหม่แต่อย่างใด และเมื่อไรที่เราไม่จำเป็นต้องใช้งานก็สามารถหยุดจ่ายได้ ตัวซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องจะเข้าสู่สถานะ “อ่านได้อย่างเดียว” แก้ไขเอกสารไม่ได้

ถ้าหากจำเป็นต้องใช้งานอีกครั้ง ก็จ่ายเงินใหม่อีกรอบ ซอฟต์แวร์ก็จะกลับเข้าสู่การทำงานแบบปกติดังเดิม

ไมโครซอฟท์เรียกบริการแบบเช่าใช้งานว่า Office 365

ผู้ที่สมัคร Office 365 มาก่อนจะได้ใช้งาน Office 2013 อยู่แล้ว พอไมโครซอฟท์ออก Office 2016 มา ก็สามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

ราคาของ Office 365 เท่าที่ผมเช็กดูจากหน้าเว็บไมโครซอฟท์ รุ่นที่ถูกที่สุด Office 365 Personal ราคา 189.99 บาทต่อเดือน ใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ 1 เครื่อง

แต่ถ้ายอมจ่ายแพงอีกนิด ซื้อ Office 365 Home ราคาอยู่ที่ 249.99 บาทต่อเดือน สามารถใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้ 5 เครื่อง (นับรวมทั้งพีซีและแมค) ดังนั้นถ้าใช้งานครบโควตา ก็จะอยู่ที่เครื่องละ 50 บาทต่อเดือน ถือว่าคุ้มค่ามากครับ (พวกเราจงมาใช้ซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์กันเถิด)


ราคานี้เราจะได้โปรแกรมทั้งหมด 7 ตัว ได้แก่ Word, Excel, PowerPoint, OneNote, Outlook, Publisher, Access

นอกจากตัวโปรแกรม Microsoft Office ที่ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ไมโครซอฟท์ยังให้ Office เวอร์ชั่นเว็บและอุปกรณ์พกพา (ที่ทุกคนโหลดได้ฟรีอยู่แล้ว) พื้นที่เก็บข้อมูลบน OneDrive ใหญ่ 1TB และเครดิตสำหรับโทรศัพท์ผ่าน Skype อีกเล็กน้อย

ที่กล่าวมาทั้งหมด เพื่อจะบอกว่า Microsoft Office กลายร่างจากซอฟต์แวร์ กลายมาเป็น “บริการ” ชื่อ Office 365 ที่รวมแพ็กเกจหลายอย่างมาในชุดเดียวกันไปแล้ว และอนาคตก็จะมุ่งไปในทิศทางนี้มากยิ่งขึ้น

ต้องบอกว่าไม่ได้มีแค่ไมโครซอฟท์รายเดียวที่ทำแบบนี้ ผู้ขายซอฟต์แวร์กล่องแบบดั้งเดิมอย่าง Adobe เจ้าของโปรแกรม Photoshop ก็หันมาทำธุรกิจแบบเดียวกัน โดยเรียกว่า “Adobe Creative Cloud” มีราคาใกล้เคียงกันคือรุ่นเล็กสุด 300 บาทต่อเดือน ใช้ Photoshop แบบถูกลิขสิทธิ์ แถมด้วยโปรแกรมแต่งภาพ Lightroom และพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ด้วย

แต่สำหรับคนที่คิดว่ายังชอบการซื้อขาดแบบเดิมๆ อยู่ ไมโครซอฟท์ก็ยังเปิดทางเลือกให้อยู่ครับ โดย Office 2016 รุ่นเล็กสุดราคา 3,699 บาท ได้โปรแกรม 4 ตัว คือ Word, Excel, PowerPoint, OneNote ถ้าลองหาร 12 จะออกมาที่เดือนละประมาณ 300 บาท ดังนั้นความคุ้มค่าจะอยู่ที่การใช้นานเกิน 1 ปีขึ้นไป (และต้องบอกว่าแบบซื้อขาด ได้ของแถมไม่เยอะเท่าแบบเช่าใช้)

เขียนถึง Office 365 มาตั้งนาน จะไม่กล่าวถึงของใหม่ใน Office 2016 เลยก็คงจะไม่ได้

ความสามารถใหม่ที่สำคัญของ Office 2016 เน้นไปที่การทำงานร่วมกันระหว่างคนในทีม เช่น การแก้เอกสารร่วมกันแบบสดๆ ซึ่งเดิมทีทำได้เฉพาะ Office เวอร์ชั่นเว็บเท่านั้น แต่ตอนนี้เราสามารถเปิดโปรแกรม Word ขึ้นมา แล้วเห็นเพื่อนโต๊ะข้างๆ พิมพ์เอกสารเดียวกันกับเราได้แล้ว เท่านั้นยังไม่พอ เรายังสามารถแชตคุยกับเพื่อนหรือโทรคุยกันผ่าน Skype ว่าเอกสารนี้ควรแก้อย่างไรได้จาก Word โดยตรง

...

นอกจากนี้ Office 2016 ยังมีระบบกรุ๊ปเพื่อแชร์งานระหว่างกันภายในทีม โดยจะแชร์เอกสารทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel, PowerPoint รวมถึงโน้ต และอีเมลด้วย

ความสามารถอื่นที่เพิ่มเข้ามาคือโปรแกรมหลายๆ ตัวทำงานได้ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น ลดขั้นตอนทำงานลง ตัวอย่างเช่น Outlook 2016 สามารถแนบไฟล์ล่าสุดที่เราแก้ไขได้เลย โดยไม่ต้องไล่ควานหาไฟล์ใหม่ทุกครั้งเวลาจะส่งเมลฉบับใหม่

ของใหม่ของ Office 2016 อาจไม่เยอะเท่ากับการเปลี่ยนเวอร์ชั่นครั้งก่อนๆ แต่ไมโครซอฟท์ก็สัญญาว่าจะ “ทยอย” เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอถึงเวอร์ชั่นหน้า (ซึ่งอาจจะเรียก Office 2019) ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้ใช้ Office 365 ได้รับอยู่แล้ว