เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญจาก Ford ประเทศไทยให้ไปร่วมงานแถลงข่าวที่ไต้หวัน เลยนำกลับมาเล่าในคอลัมน์สักหน่อยครับว่าโลกของรถยนต์ตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้ว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับไอที

อย่างแรกสุดเลยต้องบอกว่า งานที่ Ford ไปออกบูธรอบนี้ไม่ใช่งานมอเตอร์โชว์ แต่เป็นงาน Computex ซึ่งเป็นงานแสดงเทคโนโลยี “คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์” ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียฟังดูแปลกๆ ใช่ไหมครับ Ford เป็นบริษัทรถยนต์เก่าแก่ จะไปออกบูธที่งานคอมพิวเตอร์ทำไมกันในความเป็นจริงแล้ว Ford ออกบูธที่งานนี้มาสามปีติดกันแล้ว เหตุผลเป็นเพราะ Ford มองว่าอนาคตของวงการรถยนต์จะต้องเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีฝั่งไอทีอีกมาก ที่ชัดๆ เลยคือแผงคอนโซลหน้าของรถยนต์เริ่มฉลาดขึ้นเหมือนกับโทรศัพท์มือถือ สามารถแสดงข้อมูลต่างๆ ได้ รองรับการสั่งงานด้วยเสียง และเชื่อมโยงกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของคนที่อยู่ในรถยนต์ได้แล้ว ดังนั้น เพื่อให้ตอบรับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ทัน Ford เลยรีบมาสร้างตัวตนในโลกไอทีดักรอเอาไว้ก่อนซะหลายปี ต้องถือว่าผู้บริหารมองการณ์ไกลพอสมควร

ค่ายรถยนต์อื่นๆ รวมถึงบริษัทไอทีก็มองเห็นโอกาสเดียวกันนี้ เมื่อต้นปีแอปเปิลประกาศทำแพลตฟอร์ม CarPlay ส่วนค่ายแอนดรอยด์ก็ประกาศทำโครงการชื่อ Open Automotive Alliance ซึ่งในอีก 1-2 ปีต่อจากนี้เราคงเห็นโครงการหรือผลิตภัณฑ์แนวนี้ออกสู่ตลาดกันอีกเยอะเลยครับนอกจากการพัฒนาระบบข้อมูลภายในรถยนต์ให้ฉลาดและทันสมัยขึ้นแล้ว เทคโนโลยีใหม่อีกอย่างที่ Ford นำมาโชว์คือการฝัง “เซ็นเซอร์” เอาไว้รอบรถยนต์ครับ

เซ็นเซอร์นี้จะทำตัวคล้ายๆ เราเตอร์ Wi-Fi ที่เราใช้ตามบ้าน โดยกระจายสัญญาณวิทยุออกไปรอบทิศทางเพื่อบอกข้อมูลของรถคันนั้น ช่วยให้รถยนต์คันอื่นๆ สามารถรับทราบข้อมูลของเพื่อนร่วมถนนได้

...

ประโยชน์ของระบบเซ็นเซอร์ลักษณะนี้จะช่วยให้รถยนต์แต่ละคันสามารถ “คำนวณ” ได้ว่ามีโอกาสชนกันหรือไม่ (จากข้อมูลตำแหน่ง-ทิศทาง-ความเร็วของรถยนต์คันอื่น) และแจ้งเตือนคนขับได้ทันท่วงทีก่อนเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ ครับ

เทคโนโลยีเซ็นเซอร์แบบนี้มีชื่อเรียกว่า V2V (Vehicle-to-Vehicle) ซึ่ง Ford ร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา และบริษัทรถยนต์รายใหญ่อีก 7 บริษัท ช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยีนี้อยู่ เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปีกว่าเราจะเริ่มเห็นรถยนต์ฝังเซ็นเซอร์จริงๆ ออกขาย และคงอีกนานกว่ารถยนต์ส่วนใหญ่บนท้องถนนจะเปลี่ยนมาใช้ระบบเซ็นเซอร์กันหมด

เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว รถยนต์สามารถคำนวณได้หมดว่ารถคันอื่นๆ อยู่ตรงไหนกันบ้าง รถยนต์ไร้คนขับคงไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปครับ.