แอพพลิเคชั่น Instagram นั่นทำให้วงการสื่อบันเทิงที่กำลังเปลี่ยนไป เพราะการที่ดาราหันมาใช้ Instagram จึงเป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบในยุคที่ดาราทุกคนมีช่องทางของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต สื่อจะยืนอยู่ตรงไหน ทั้งในแง่ของธุรกิจและวิชาชีพ...
ผมเชื่อว่าผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์คงแทบไม่มีใครไม่รู้จักแอพถ่ายรูปยอดนิยมแห่งยุคสมัย อย่าง Instagram ในแง่การใช้งานคงไม่ต้องอธิบายกันเยอะแล้วนะครับ คอลัมน์ตอนนี้จะขอวิเคราะห์เฉพาะประเด็น Instagram ในฐานะสื่อ โดยเฉพาะสื่อบันเทิงที่ต้องเกี่ยวข้องกับดารา
พลังของ Instagram คือการช่วยให้คนเดินดินกินข้าวแกงธรรมดาๆ ที่เผอิญมีสมาร์ทโฟนใช้ในครอบครอง (ไม่จำเป็นต้องเป็นไอโฟนราคาแพง เพราะแอนดรอยด์ราคาไม่กี่พันก็ใช้งานได้เช่นกัน) สามารถเป็นเจ้าของสื่อได้ด้วยตัวเอง นำเสนอความคิดเห็นของตัวเองต่อโลก เฉกเช่นเดียวกับที่บล็อก ยูทูบ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก บุกเบิกมาก่อนแล้ว
การถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือแล้วแชร์ขึ้นอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เรื่องใหม่ เราถ่ายภาพแล้วแชร์บนทวิตเตอร์หรือเฟซบุ๊กได้กันมานานแล้ว เพียงแต่จุดเด่นของ Instagram คือความง่ายในการใช้งานที่ง่ายกว่ากันมาก ถ่ายปุ๊บแชร์ได้ทันที มีลูกเล่นสนุกๆ อย่างฟิลเตอร์แต่งภาพ รวมถึงสังคมผู้ใช้ Instragram ด้วยกันที่แลกเปลี่ยนกันดูภาพ กดไลค์ และคอมเมนต์ระหว่างกันได้ สร้างความคึกคักให้วงการ ไม่ต้องถ่ายเองดูเองเหงาๆ คนเดียวอีกต่อไป
ในแง่ของสื่อพลเมือง Instagram ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง ทุกวันนี้เราเห็นคนทั่วไปที่ไม่ได้โด่งดังอะไร แต่มีคนติดตามใน Instagram มากมาย ซึ่งอาจเป็นเพราะมีฝีมือถ่ายภาพที่น่าสนใจ หรือมีมุมมองการถ่ายภาพที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ปัจจุบัน Instagram ได้รับการยอมรับมาก ถึงขนาดมีนิทรรศการภาพถ่ายจาก Instagram ในกรุงเทพฯ และตีพิมพ์ลงในนิตยสารชื่อดังอย่าง a day เป็นต้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Instagram ฮิตมากๆ ในประเทศไทยคือ “ดาราและคนดัง” นั่นเองครับ แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าเป็นภาพถ่ายของคนดังที่เป็นที่รู้จักในสังคม ย่อมมีคนให้ความสนใจมากกว่าปกติมาก
...
แต่ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจและกำลังเป็นปรากฏการณ์ คือวงการสื่อบันเทิงที่กำลังเปลี่ยนไปมาก อันเนื่องจากดาราหันมาใช้ Instagram เยอะขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
เดิมทีสื่อ บันเทิงในบ้านเราที่ขายเนื้อหาจำพวกซุบซิบดารา ว่าดาราคนนี้ไปกินข้าวที่ไหน กับใคร อย่างไร ถือเป็น “ฝ่ายรุก” นั่นคือต้องไปเฝ้าดูตามสถานที่ต่างๆ คอยค้นหาข่าวว่าดาราคนไหนไปทำอะไรบ้าง หรือข่าวคราวในกองถ่ายละครมีอะไรเกิดขึ้น ดาราคนไหนสนิทกัน ดาราคนไหนทะเลาะกัน เป็นต้น
ถ้าเป็นข่าวในทางบวกก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ดาราย่อมมีปัญหากับข่าวในทางลบที่ออกมาตามสื่อ ซึ่งดาราควบคุมข่าวลักษณะนี้เองไม่ได้ สื่อต่างหากที่เป็นฝ่ายมีอำนาจเลือกนำเสนอประเด็นต่างๆ ของวงการบันเทิงสู่ประชาชน ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่รูปหลุดดารา (ซึ่งส่วนใหญ่ดาราไม่อยากให้หลุด) จึงเป็นเรื่องที่ขายได้เสมอในสื่อบันเทิงทั้งไทยและเทศ เพราะมันมีความพิเศษที่หาไม่ได้ในสื่อช่องทางมาตรฐานอื่นๆ (เช่น ละครหรือภาพยนตร์ที่ดาราคนนั้นแสดง)
แต่เมื่อดารามี Instagram กลายเป็นว่าดารามีสื่อในมือของตัวเอง สถานการณ์จึงเปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะกลายเป็นว่า “ตัวดารา” เองนั่นแหละคือคนที่กำหนดว่าจะให้ภาพถ่ายอะไรบ้างปรากฏต่อสายตาแฟนๆ และบุคคลทั่วไป ไม่ใช่สื่อเป็นฝ่ายเลือกนำเสนอแบบที่แล้วมา
เราจึงมัก เห็นดาราตั้งใจถ่ายรูปเบื้องหลังในกองถ่าย ถ่ายรูปขณะกินข้าวกับเพื่อนดาราด้วยกัน สัตว์เลี้ยง งานอดิเรก การท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งรูปภาพเหล่านี้ไม่เคยปรากฏในสื่อบันเทิงแบบเดิมๆ มาก่อน รูปภาพเหล่านี้มีความสด (เพราะถ่ายทันที ณ ตอนนั้น) และมีความพิเศษหาได้ที่นี่ที่เดียว (exclusive) จึงกลายเป็นจุดขายของแฟนคลับแทนภาพหลุดอย่างที่ทำกันมาในอดีต
จากเดิมที่สื่อบันเทิงเป็นคนเฝ้าดู หาข่าว หรือแม้กระทั่งสร้างข่าวของดาราในวงการ กลับกลายเป็นว่าสื่อบันเทิงต้องมาวิ่งไล่ตามภาพถ่าย (ที่ตั้งใจปล่อย) ของดาราแทน ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วสื่อกลับเป็นฝ่ายเห็นภาพนี้ช้ากว่าแฟนคลับใกล้ชิดของตัว ดาราเองด้วยซ้ำ
ตอนนี้เรายังเริ่มเห็นเว็บอย่าง instadara.com (อินสตาแกรมดารา) ที่นำภาพถ่ายของดาราไทยใน Instagram มารวมไว้บนเว็บเดียว เข้าทีเดียวตามข่าวดาราได้ครบถ้วน จนแทบไม่ต้องซื้อนิตยสารข่าวดาราอีกต่อไป ตลาดข่าวดาราเดิมทีใหญ่มากอยู่แล้ว มีผู้บริโภคข่าวสารรอเสพอยู่มหาศาล แต่เมื่อสภาพการแข่งขันเปลี่ยนไป ผู้บริโภคก็พร้อมจะเปลี่ยนไปเลือกใช้บริการสื่อใหม่อย่างอินเทอร์เน็ตในเวลาไม่นาน
ดาราหรือคนดังบางคนยังไปไกลถึงขนาดเป็นพรีเซ็นเตอร์แนะนำสินค้า หรือบริการผ่าน Instagram ด้วยซ้ำ เรียกได้ว่า แทนที่จะรับงานโดยตรงผ่านเอเยนซี่โฆษณาปกติ (แล้วกระจายผ่านสื่ออีกทีหนึ่ง) ดาราก็เริ่มใช้ชื่อเสียงส่วนบุคคล พร้อมกับสื่อในมืออย่าง Instagram (รวมถึงทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก แต่อาจไม่ชัดเจนเท่า) มาประชาสัมพันธ์สินค้าด้วยตัวเองแทน ตัดคนกลางออกไป รับรายได้เข้าเต็มๆ แถมยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กๆ ที่ไม่มีเงินซื้อสื่อกระแสหลักราคาแพง สามารถโปรโมทตัวเองได้อย่างตรงเป้า
...
จะเห็นว่าในสมการใหม่นี้ เจ้าของสินค้า ดารา และผู้บริโภค ยังอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่สิ่งที่กำลังเริ่มเปลี่ยนไปคืออิทธิพลของสื่อที่กลับลดลงจากเดิม ถึงแม้สื่อกระแสหลักจะไม่หายไปในเร็ววัน (เพราะยังมีคนเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตอีกมาก) แต่นี่เป็นสัญญาณว่า เมื่อเทคโนโลยีเริ่มทำให้ทุกคนเป็นเจ้าของสื่อเองได้ ดาราจึงอาศัยความโด่งดังของตัวเองทำลายกำแพงและข้อจำกัดของสื่อบันเทิงแบบเดิมๆ ลงไป
คำถามนี้จึงเป็นเรื่องน่าคิดสำหรับสื่อบันเทิงในประเทศไทยครับว่า ในยุคที่ดาราทุกคนมีช่องทางของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต สื่อจะยืนอยู่ตรงไหนจึงจะยังคงความสำคัญไว้ได้อยู่ ทั้งในแง่ธุรกิจและความเป็นสื่อวิชาชีพ.
...
มาร์ค Blognone