สัปดาห์นี้ขอตามกระแส "มหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติ" อย่างโอลิมปิก 2012 "ลอนดอนเกมส์" กับเขาบ้างนะครับ...

การจัดการแข่งขันกีฬาที่ใหญ่ระดับโอลิมปิกไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับชาติเจ้าภาพ ต้องเตรียมความพร้อมในสารพัดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวสนามแข่งเอง โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัย

แต่นั่นคือ โอลิมปิกแบบเดิมๆ สมัยนี้พอเป็น "โอลิมปิกยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก" ที่นักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ชมการแข่งขันแทบทุกคนพกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไปในสนาม ระบบไอทีสำหรับโอลิมปิกจึงต้องเพียบพร้อมเช่นเดียวกัน

ถ้าคุณผู้อ่านเคยเดินทางไปห้างดังในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไปงานแสดงสินค้าที่คนทั้งกรุงแห่กันไปเดินช็อปปิ้ง งานคอนเสิร์ตใหญ่ หรือแม้แต่งานรับปริญญา คงเจอปัญหามือถือโทรไม่ติด เน็ตค้าง ส่งข้อความไม่ไป ฯลฯ กันมาบ้าง ทีนี้ลองคูณสิบหรือคูณร้อยเข้าไป น่าจะพอนึกภาพความหนาแน่นของเครือข่ายในช่วงโอลิมปิกได้พอสมควร

ดังนั้น ผู้จัดโอลิมปิกรอบนี้จึงต้องเตรียมระบบเครือข่ายไว้ให้พร้อมครับ โอเปอเรเตอร์อังกฤษทุกรายจึงต้องเพิ่มจำนวนสถานีส่งสัญญาณรอบๆ สนามแข่งทุกแห่งอีกหลายเท่าตัว และนอกจากเครือข่ายมือถือแล้ว ผู้จัดงานยังต้องวางระบบ Wi-Fi ภายในสนามเพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้งานเป็นพิเศษด้วย เนื่องจากงานของเจ้าหน้าที่สำคัญกว่า ถ้าปล่อยให้ต่อเครือข่ายมือถือเช่นเดียวกับผู้ชม ก็อาจมีปัญหาการติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ด้วย

แต่ต่อให้เตรียมตัวดีแค่ไหน พอการแข่งขันเริ่มขึ้นจริงๆ ก็เจอปัญหาเข้าจนได้ เพราะผู้จัดการแข่งขันคาดว่าเครือข่ายจะคับคั่งบริเวณสนามแข่ง จึงไปเน้นบริเวณนั้นเป็นพิเศษ ซึ่งก็สามารถรองรับความต้องการของผู้ชมได้เป็นอย่างดี แต่ปัญหากลับไปเกิดบริเวณนอกสนามแข่ง เมื่อการแข่งขันจักรยานทางไกลที่ต้องวิ่งไปตามเส้นทางต่างๆ รอบกรุงลอนดอน มีชาวอังกฤษออกมาเชียร์นักแข่งของตัวเองเป็นจำนวนมากในทุกพื้นที่ และทุกคนไม่เชียร์เปล่าๆ นะครับ ยุคนี้จะให้เท่ต้องถ่ายภาพตัวเองให้ข้างหลังติดจักรยานวิ่งผ่าน แล้วส่งขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์กอวดเพื่อนๆ หรือบางคนก็ทวีตข้อความบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างในพื้นที่ที่ตัวเองอยู่

ปัญหาบังเกิดเมื่อระบบการติดตามนักแข่งจักรยานแต่ละคนว่าอยู่ตรงไหน ใครนำใครตาม ใช้วิธีหาพิกัดด้วยดาวเทียมแล้วส่งข้อมูลกลับห้องส่งผ่านเครือข่ายมือถือด้วยเหมือนกัน พอเจอกับเครือข่ายคับคั่งเข้า ระบบพวกนี้เลยส่งข้อมูลไม่ค่อยไป ผู้พากษ์กีฬาทางหน้าจอโทรทัศน์จึงบอกกับผู้ชมไม่ได้ว่าใครนำอยู่ตอนนั้น จนสุดท้ายทางผู้จัดงานโอลิมปิกต้องออกมาขอร้องให้ผู้ชมการแข่งขันช่วยกันงดทวีตหรือส่งข้อความถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

ลอนดอนเกมส์รอบนี้ คนใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กกันเยอะขึ้นมาก ตัวเลขล่าสุดที่ทวิตเตอร์เผยออกมาบอกว่า ลำพังแค่ช่วงพิธีเปิดก็มีข้อความทวีตเกี่ยวกับโอลิมปิกไปแล้ว 9.66 ล้านข้อความ ตัวเลขนี้เยอะน้อยอย่างไร? อธิบายง่ายๆ ก็คือเยอะว่าข้อความทวีตในโอลิมปิก 2008 ทั้งหมดรวมกันด้วยซ้ำ นอกจากเรื่องเครือข่ายมือถือแล้ว ไอทีกับโอลิมปิกยังมีเรื่องน่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น ผู้วางสายเคเบิลระหว่างสนามแข่งต่างๆ ในโอลิมปิกก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับปริมาณข้อมูลมหาศาลที่จะวิ่งออกจากสนามแข่งไปยังสถานีโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ต การวางอุปกรณ์เครือข่ายต้องเบิ้ลสองชั้นเผื่ออุปกรณ์เสีย

ส่วนผู้ดูแลเว็บไซต์เองก็ต้องคาดเดาว่าจะมีคนเข้าเว็บโอลิมปิกเยอะน้อยแค่ไหน ซึ่งพวกนี้ต้องทดสอบกันเป็นเดือนๆ เลยครับ ทำกันละเอียดในระดับว่าต้อง "จำลอง" สภาพคนเข้าเว็บโอลิมปิกจำนวนมากๆ เพื่อทดสอบว่าเว็บไซต์ "เอาอยู่" หรือเปล่า ไม่ใช่ล่มไปกลางทางแล้วจะโดนคนทั้งโลกก่นด่าเอา (เว็บอย่างเป็นทางการของโอลิมปิก คือ http://www.london2012.com นะครับ)

โอลิมปิกครั้งนี้ ยังถ่ายทอดสดผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ในประเทศตะวันตกอย่างอังกฤษ หรือสหรัฐฯ ก็เป็นหน้าที่ของสถานีทีวีอย่าง BBC หรือ NBC ที่จะถ่ายทอดผ่านเว็บไซต์ของตัวเองด้วย แต่ในประเทศที่ไม่ได้ซื้อสิทธิ์การถ่ายทอดผ่านเน็ตมาเป็นพิเศษ กูเกิลช่วยได้ครับ ผู้ชมในประเทศไทยสามารถเข้าไปที่ http://www.youtube.com/olympic มีช่องแยกตามชนิดกีฬาให้ดูสด รวมไปถึงคลิปย้อนหลังและรายงานข่าวโอลิมปิกเป็นระยะๆ ด้วย

และในยุคที่นักกีฬาแทบทุกคนหันมาใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กกันเป็นเรื่องปกติ ทางผู้จัดโอลิมปิกจึงเปิดหน้าเว็บพิเศษสำหรับติดตามนักกีฬาดังๆ เหล่านี้ รายละเอียดเข้าไปดูกันที่ http://hub.olympic.org มีข้อมูลของนักกีฬาดังๆ อย่าง ราฟาเอล นาดาล หรือ ยูเซน โบลต์ ยอดนักวิ่งชาวจาเมกา ให้ติดตามกันครับ

สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ผู้อ่านทุกท่านสนุกกับโอลิมปิกผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหลายนะครับ.

...


มาร์ค Blognone