แคสเปอร์สกี้ ประเทศไทย ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่จับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป เสริมแกร่งการท่องโลกไซเบอร์ สามแพ็กเกจ ได้แก่ Kaspersky Standard, Plus และ Premium
นางสาวเบญจมาศ จูฑาพิพัฒน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า ความเสี่ยงของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในโลกไซเบอร์กำลังเพิ่มสูงขึ้น โดยข้อมูลของแคสเปอร์สกี้ ยืนยันว่า ในปี 2566 ระบบของแคสเปอร์สกี้ ค้นพบไฟล์ที่เป็นอันตรายเฉลี่ยถึง 400,000 ไฟล์ต่อวัน
พร้อมกันนี้ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไทย แคสเปอร์สกี้ได้ดักจับโมบายมัลแวร์ (Mobile malware) ได้ถึง 207,506 แสนครั้ง ซึ่งหากนับเฉพาะในไทยตรวจจับได้มากถึง 14,050 ครั้ง
...
ในเวลาเดียวกันยังมีภัยคุกคามความปลอดภัยจากวิธีการโทรจันจากธนาคารบนมือถือ (Mobile banking Trojan) โดยมีการกำหนดเป้าหมายมาที่ผู้ใช้งานในประเทศไทยที่แคสเปอร์สกี้สกัดได้ 32 ครั้ง แต่ถ้าเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีปริมาณที่สกัดได้ 1,083 ครั้ง
นอกจากนี้แล้ว แคสเปอร์สกี้ ได้ตรวจพบภัยคุกคามที่เรียกว่า Crypto-phishing อีก 147,649 ครั้ง ซึ่งในส่วนนี้พบในไทย 13,194 ครั้ง
ทางด้าน นายพุฒิพงศ์ พงศ์ลักษมาณา ผู้จัดการฝ่ายพรีเซลส์ แคสเปอร์สกี้ กล่าวเสริมว่า จากปัญหาภัยคุกคามที่เกิดขึ้น จึงทำให้แคสเปอร์สกี้เล็งเห็นถึงโซลูชันเพื่อความปลอดภัยในโลกไซเบอร์แก่ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในโลกยุคหลังโควิด-19 ภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Kaspersky Standard, Kaspersky Plus และ Kaspersky Premium รองรับทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS, Android, macOS และ Windows
ความแตกต่างของ 3 แพ็กเกจอยู่ตรงที่ Kaspersky Standard จะเน้นในเรื่องของฟังก์ชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์ และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่อง
Kaspersky Plus ยกระดับเรื่องของการดูแลข้อมูลและความเป็นส่วนตัว เพิ่มเติมนอกเหนือจากเรื่องของความปลอดภัยไซเบอร์ และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่อง
สุดท้ายเป็น Kaspersky Premium มีการป้องกันข้อมูลประจำตัวทางดิจิทัลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ใบขับขี่ บัตรประชาชน และหนังสือเดินทาง รวมถึงความสามารถที่มีอยู่เดิมจากแพ็กเกจ Kaspersky Plus
สำหรับราคาจำหน่ายของแต่ละแพ็กเกจ เริ่มต้นที่ Kaspersky Standard ราคา 690 บาท Kaspersky Plus 990 บาท และ Kaspersky Premium 1,390 บาท.