เกร็ก จิอันฟอร์ต ผู้ว่าการรัฐมอนทานาจากพรรคริพับลิกัน ลงนามบังคับใช้กฎหมายแบนแอปพลิเคชันติ๊กต่อกแล้ว เริ่มมีผลบังคับใช้จริง 1 มกราคม 2024
ย้อนหลังกลับไปเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา สภาของรัฐมอนทานา ผ่านกฎหมายห้ามใช้งานแอปพลิเคชันติ๊กต่อก ส่งผลให้แอปพลิเคชันชื่อดังนี้กลายเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายของรัฐ โดยเหลือแค่ขั้นตอนของการลงนามของผู้ว่าการรัฐมอนทานา ซึ่งก็คือ เกร็ก จิอันฟอร์ต นั่นเอง
สถานการณ์ล่าสุดของเรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว เมื่อเกร็ก จิอันฟอร์ต ผู้ว่าการรัฐมอนทานาจากพรรคริพับลิกัน ได้ลงนามคำสั่งเพื่อบังคับใช้กฎหมายแบนติ๊กต่อก
จากการลงนามดังกล่าว นั่นหมายความว่า รัฐมอนทานาเป็นรัฐแรกในสหรัฐอเมริกาที่สั่งแบนติ๊กต่อก
ความเคลื่อนไหวนี้ถือได้ว่าเป็นการยกระดับการจัดการแอปพลิเคชันติ๊กต่อกที่ใหญ่ที่สุด เพราะแม้แต่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ไม่สามารถแบนติ๊กต่อกได้ จนกระทั่งต้องประนีประนอมด้วยการเพิ่มความมั่นใจให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยการริเริ่มสิ่งที่เรียกว่า Project Texas สำหรับสร้างไฟร์วอลล์ป้องกันข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ผ่านการใช้เทคโนโลยีของบริษัทออราเคิล (Oracle)
ความกลัวของสหรัฐฯ ที่มีต่อแอปพลิเคชันติ๊กต่อกเกิดขึ้นจากการที่ สหรัฐฯ เชื่อว่า ไบต์แดนซ์ (ByteDance) เจ้าของแอปพลิเคชันติ๊กต่อก อาจมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน ส่งผลให้อาจเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ
ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลกลาง และรัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ ได้ประกาศห้ามลงแอปพลิเคชันติ๊กต่อกบนอุปกรณ์ที่ออกโดยหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี ติ๊กต่อก มีความพยายามที่จะบอกอยู่เสมอว่า พวกเขาไม่เคยแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานให้แก่รัฐบาลจีน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยถูกร้องขอ และถ้าหากมีคำร้องขอพวกเขาก็จะปฏิเสธ
...
จากประเด็นข้างต้น ติ๊กต่อก ได้ออกแถลงการณ์ โดยชี้ว่า รัฐมอนทานาละเมิดสิทธิ์ของประชาชน และติ๊กต่อกมีความตั้งใจที่จะรักษาสิทธิ์ดังกล่าวของผู้ใช้งาน
สำหรับกฎหมายที่ออกโดยรัฐมอนทานาจะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2024 ทำให้ไม่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันติ๊กต่อกภายในรัฐได้อีกต่อไป รวมถึงจะมีโทษปรับสูงสุดวันละ 1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 แสนบาท) ถ้าหากผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน เสนอช่องทางการดาวน์โหลดให้แก่ผู้ใช้งาน แต่บทลงโทษดังกล่าวไม่มีผลใดๆ ต่อผู้ใช้งานทั่วไป และถ้าหากต้องการดาวน์โหลดก็ต้องใช้งานผ่าน VPN ต่อไป
ปัจจุบัน ติ๊กต่อกเป็นผู้ให้บริการด้านความบันเทิงที่ผู้ใช้งานมากมายมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลกราว 1 พันล้านคนต่อเดือน
ที่มา: Politico