อีลอน มัสก์ กำลังสิ้นสุดการทำงานสัปดาห์แรกในฐานะเจ้าของทวิตเตอร์ โดยมีข่าวว่า ทวิตเตอร์ของมัสก์ มีรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจากการที่แบรนด์สินค้าหยุดซื้อโฆษณา ส่งผลให้เกิดการขาดทุน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน

สถานการณ์ภายในของทวิตเตอร์ชั่วโมงยามนี้ถือว่ามีความโกลาหลไม่น้อย จากการที่อีลอน มัสก์ ซีอีโอและเจ้าของคนใหม่มีการปรับลดจำนวนพนักงานลง ไปจนถึงการตัดสิทธิ์การเข้าถึงระบบภายในของทวิตเตอร์สำหรับพนักงานที่อาจไม่ได้ไปต่อกับบริษัท

รายงานของสำนักข่าวเดอะ การ์เดียน ระบุว่า พนักงานทวิตเตอร์ใช้เวลากล่าวคำอำลาซึ่งกันและกัน โดยเชื่อกันว่าพนักงานของทวิตเตอร์น่าจะถูกหั่นออกจากระบบของบริษัทมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 7,500 คน

ประเด็นดังกล่าว โยเอล โรธ หัวหน้าฝ่ายความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ทั่วโลกของทวิตเตอร์ ยืนยันตัวเลขดังกล่าวในภายหลัง

ทวีตของโรธยืนยันการปลดคนงานทวิตเตอร์ 50 เปอร์เซ็นต์
ทวีตของโรธยืนยันการปลดคนงานทวิตเตอร์ 50 เปอร์เซ็นต์

...

ทางด้านอีลอน มัสก์ เจ้าของและซีอีโอของทวิตเตอร์ ยอมรับว่า แบรนด์สินค้าชั้นนำที่ลงโฆษณากับทวิตเตอร์ นำโดย อาวดี้ (Audi), จีเอ็ม (General Motors) รวมถึงไฟเซอร์ (Pfizer) หยุดการซื้อโฆษณาบนทวิตเตอร์ จากประเด็นความโกลาหลและความไม่แน่นอนของบริษัท

นอกจากนี้ หน่วยงานที่ทำงานด้านคนผิวสี ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิพลเมืองของสหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ บริษัทภาคเอกชน หยุดการซื้อโฆษณาบนทวิตเตอร์ โดยอ้างถึงความสามารถในการกลั่นกรองเนื้อหา และการจัดการคำพูดที่แสดงถึงความเกลียดชังบนแพลตฟอร์ม

เมื่อผู้ลงโฆษณาดึงเงินที่เคยลงให้กับทวิตเตอร์กลับคืนไป ส่งผลให้รายได้ของทวิตเตอร์ลดลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งมัสก์ยอมรับว่า ทวิตเตอร์ขาดทุนมากกว่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกหนึ่งเรื่อง เมื่อทวิตเตอร์มีการปรับลดพนักงานจำนวนมาก จะส่งผลต่อการดูแลเนื้อหาหรือไม่ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่กำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งการขาดหายไปของพนักงานทวิตเตอร์ จะส่งผลต่อการสร้างข่าวปลอมบนแพลตฟอร์มในระยะยาวมากน้อยแค่ไหน โดยในเวลานี้พนักงานที่ทำหน้าที่ดูแลส่วนของเนื้อหา ทั้งจากแผนกของทีมงานด้านสิทธิมนุษยชน, ทีมงานด้านการสื่อสาร และทีมงานด้านจริยธรรม ความโปร่งใส และความรับผิดชอบของแมชชีน เลิร์นนิง ได้ถูกไล่ออกและลดขนาดของทีมไปแล้ว

ทั้งนี้ โยเอล โรธ ระบุว่า พนักงานที่ทำหน้าที่ดูแลเนื้อหา ซึ่งมีจำนวนราว 2,000 คน ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อการแผนปรับลดจำนวนพนักงานของทวิตเตอร์

ทีมงานที่ทำหน้าที่ดูแลเนื้อหา ไม่ได้รับผลกระทบจากการปลดคนงานของทวิตเตอร์
ทีมงานที่ทำหน้าที่ดูแลเนื้อหา ไม่ได้รับผลกระทบจากการปลดคนงานของทวิตเตอร์

ทางด้านอีลอน มัสก์ เจ้าของและซีอีโอของทวิตเตอร์ ยืนยันว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อกระบวนการและขั้นตอนการกลั่นกรองเนื้อหาของทวิตเตอร์

ที่มา: The Guardian