ตอนก่อนผมเทียบความคล้ายคลึงของ "แอปเปิล" กับ "ง่อก๊ก" ของตระกูลซุนไปแล้ว ตอนนี้เราจะมาดูกองกำลังและสรรพาวุธของค่ายแอปเปิลกันบ้าง
แอปเปิล เป็นบริษัทที่ใช้ยุทธศาสตร์ "ข้ามาคนเดียว" ซึ่งไม่แน่จริงทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ คำว่า "ข้ามาคนเดียว" มีคำศัพท์ในเชิงธุรกิจว่า vertical integration หรือการประสานงานในแนวตั้ง มีผลิตภัณฑ์ของตัวเองทำตลาดในทุกระดับชั้น ทำให้ไม่ต้องง้อพันธมิตรรายอื่นๆ มากนัก แต่ข้อดีของยุทธศาสตร์ลักษณะนี้คือผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นจะทำงานร่วมกันได้ดี มาก ๆ ทำให้คู่แข่งเข้ามาต่อกรได้ยากขึ้น
รากเหง้าของแอปเปิล คือ บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือคอมพิวเตอร์ตระกูลแมคอินทอช
แต่ว่าแอปเปิลไม่ได้ทำแค่ฮาร์ดแวร์อย่างเดียว เพราะแอปเปิลทำซอฟต์แวร์เพื่อขายด้วย โดยมีระบบปฏิบัติการ Mac OS X (อ่านว่า "แมคโอเอสเท็น") ของตัวเอง ใช้ได้กับเครื่องแมคอินทอชเท่านั้น และบนระบบปฏิบัติการยังมีซอฟต์แวร์แอพพลิเคชันของตัวเองอีกมาก เช่น โปรแกรมฟังเพลง iTunes, เว็บเบราว์เซอร์ Safari, โปรแกรมดูหนัง QuickTime, ชุดโปรแกรมสำนักงาน iWork, โปรแกรมจัดการรูปภาพ iPhoto และ Aperture เป็นต้น
เดิมทีแอปเปิลขายคอมพิวเตอร์เป็นหลัก และมีซอฟต์แวร์เพื่อช่วยสร้างจุดขายให้คอมพิวเตอร์ของตัวเองเท่านั้น แต่ในช่วงต้นๆ ทศวรรษ 2000 แอปเปิลในยุคที่สตีฟ จ็อบส์ กลับเข้ามากุมบังเหียนอีกครั้ง ก็ออกผลิตภัณฑ์พลิกโลกออกมาสองตัวคือ iPod และ iTunes
iPod เป็นเครื่องเล่นเพลงพกพาที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างมาก เพราะตอนนั้นโลกกำลังเปลี่ยนจากเครื่องเล่นซีดีพกพา (ที่โซนี่เป็นเจ้าตลาด) มาเป็นเครื่องเล่นเพลงที่ใช้หน่วยความจำแบบแฟลช (แบบเดียวกับแฟลชไดรฟ์ในปัจจุบัน) ซึ่งในตลาดก็มีผู้เล่นอยู่ก่อนแล้วหลายเจ้า แต่ว่า iPod ใช้งานได้ง่ายกว่ามากๆ ทำให้แซงหน้ากลายเป็นเจ้าตลาดได้ในที่สุด
ส่วน iTunes เป็นซอฟต์แวร์สำหรับจัดการเพลงบนคอมพิวเตอร์ (มีทั้งบนแมคและพีซี) ตอนแรกมันถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้เจ้าของ iPod จัดการกับเพลงจำนวนมากๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ภายหลังทำไปทำมา มันก็ขยายกลายเป็น "ร้านขายเพลงออนไลน์" ที่ซื้อเพลงจากอินเทอร์เน็ตได้สะดวกมาก ถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมดนตรีที่เน้นขายเพลงเป็นอัลบั้มในแผ่นซีดี เปลี่ยนมาขายแยกเพลงผ่านอินเทอร์เน็ตแทน
ยุทธศาสตร์การประสานงานใน แนวดิ่งของแอปเปิลจึงเริ่มชัดเจนขึ้นในช่วงนั้น เพราะมีจุดขายที่เครื่องเล่นเพลง iPod ที่สามารถซื้อเพลงจาก iTunes ได้ และจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อทำงานร่วมกับคอมพิวเตอ์แมคอินทอชของแอปเปิล
หลัง จาก iPod รุ่นแรกๆ ประสบความสำเร็จ แอปเปิลก็ต่อยอดความสำเร็จนี้ แตกลูกหลานของ iPod รุ่นต่างๆ ออกมามากมาย แต่ความสำเร็จจริงๆ อยู่ที่ iPhone ในปี 2007 ที่ปฏิวัติวงการมือถือด้วยระบบจอสัมผัส จากนั้นก็ตามมาด้วยแท็บเล็ต iPad ในปี 2010 ที่ช่วยเปิดสายผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ให้กับวงการไอที
ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ที่ ขายดีที่สุดของแอปเปิลกลายเป็น iPhone และ iPad (กรณีของ iPad ครองตลาดเกือบหมด ส่วน iPhone ยังก้ำกึ่งกับ Android แต่ก็ถือว่าเยอะอย่างมีนัยยะสำคัญ) ทำให้แอปเปิลหันมาเน้นตลาดอุปกรณ์พกพากันมากขึ้น และลดความสำคัญของ "คอมพิวเตอร์" ในความหมายดั้งเดิมอย่างแมคอินทอชลงมา (เพราะครองตลาดไม่ได้เท่ากับอุปกรณ์พกพาของตัวเอง)
ส่วน iPod นั้นช่วงหลังลดความสำคัญลงไปมากๆ ด้วยเหตุผลที่ต่างออกไป นั่นคือความสามารถของสินค้าไปทับไลน์กับ iPhone (คล้ายกับสมัยก่อนที่ตลาด PDA ถูกกลืนโดยสมาร์ทโฟน) ทำให้เราอาจมองว่ามันเป็นตลาดเดียวกันก็พอได้
นอกจาก ตลาดฮาร์ดแวร์พ่วงซอฟต์แวร์แล้ว แอปเปิลยังมีรายได้สำคัญอีกทางคือส่วนแบ่งจากการขายดิจิทัลคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นเพลง หนัง รายการทีวีเป็นตอนๆ แอพมือถือ และล่าสุดที่กำลังพยายามบุกอย่างหนักคือตลาดอีบุ๊กและตำราเรียนดิจิทัล ซึ่งคอนเทนต์พวกนี้จะมาเสริมกับอุปกรณ์ของแอปเปิลทั้งหลายเช่นกัน
อย่าง ที่บอกไปแล้วในช่วงต้นว่า แอปเปิลเป็นบริษัทฮาร์ดแวร์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ของแอปเปิลโดดเด่นมาก ทั้งในแง่นวัตกรรมและคุณภาพในการผลิต
ส่วนซอฟต์แวร์ของแอปเปิลก็มี จุดมุ่งหมายเพื่อเสริมการทำงาน และสร้างมูลค่าให้กับฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ผลก็คืออุปกรณ์ของแอปเปิลใช้ง่าย ส่วนติดต่อผู้ใช้สวยงาม มีบริการขายคอนเทนต์และแอพ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ภายในตัวมันเอง ไม่ต้องไปหาเพิ่ม
สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของแอปเปิลอยู่ในขณะนี้คือ บริการที่อยู่บนโลกออนไลน์ เช่น ระบบค้นหา ระบบอีเมล เว็บฝากรูป เว็บฝากวิดีโอ แผนที่ออนไลน์ ช็อปปิ้งออนไลน์ ฯลฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักของกูเกิลมานาน
ถ้าเทียบกันในหมู่ 3 ก๊ก จะเห็นว่าแอปเปิลอ่อนเรื่องนี้ที่สุด เพราะไมโครซอฟท์เองก็พยายามทำศึกออนไลน์กับกูเกิลมานาน ถึงแม้จะยังโค่นกูเกิลแทบไม่ลงในสักตลาด แต่ก็ทำให้ไมโครซอฟท์มีผลิตภัณฑ์ออนไลน์จำนวนมากในมือ สามารถนำมาเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของตัวเองได้ เช่น อีเมล Hotmail, ระบบค้นหา Bing, เครือข่ายสังคม Windows Live, ชุดโปรแกรมสำนักงาน Office Web Apps, เกมออนไลน์ตระกูล Xbox LIVE เป็นต้น
แอปเปิลพยายามแก้ ปัญหาการพึ่งพิงบริการออนไลน์ของคู่แข่งอย่างกูเกิลอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก ที่ผ่านมาแอปเปิลเคยสร้างบริการอีเมล-ฝากไฟล์ชื่อ mac.com (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Mobile Me และ iCloud) ซึ่งเรียกได้ว่าจุดกระแสไม่ขึ้นเลย ล่าสุดมีข่าวว่าแอปเปิลพยายามสร้างระบบแผนที่ของตัวเองขึ้นมาแทน Google Maps โดยใช้ฐานข้อมูลแผนที่แบบเปิดมาแทน
ตอนนี้สถานะโดยรวมของแอปเปิล ถือว่าดีมาก แบรนด์ติดตลาด ผลิตภัณฑ์ขายดี ชิงส่วนแบ่งตลาดได้เยอะ มีเงินสดในมือมาก ราคาหุ้นพุ่งกระฉูด แอปเปิลจึงต้องอาศัยความได้เปรียบในตอนนี้ ค่อยๆ กินตลาดอื่นที่ใกล้เคียงไปเรื่อยๆ
เกมนี้เป็นเกมระยะยาวที่ต้องดูกันต่อไปนานๆ ครับ
...
มาร์ค Blognone