ท่ามกลางหยาดฝนที่บรรจงถล่มลงมาพื้นที่ของกรุงเทพมหานครในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในความมืดมิดของฟ้าฝน ก็มีความคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของหัวเว่ย ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน หากนับเฉพาะตลาดที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก นั่นคือ ธุรกิจสมาร์ทโฟน อย่างไรก็ดี ในส่วนธุรกิจแล็ปท็อป และหูฟัง ถือเป็นหน่วยธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับแบรนด์หัวเว่ยเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

อย่างที่คุณผู้อ่านทราบ จนถึงเวลานี้ หัวเว่ยยังคงไม่สามารถใช้บริการ Google Mobile Services (GMS) ส่งผลให้สมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์หัวเว่ย ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่พัฒนาโดยกูเกิล และระบบปฏิบัติการ Android จนนำมาสู่การปรับกลยุทธ์ด้วยการสร้างระบบปฏิบัติการของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Harmony OS ซึ่งสามารถเชื่อมต่อเป็นเนื้อเดียวกันของอุปกรณ์สวมใส่ สมาร์ทโฟน รวมถึงแล็ปท็อป เมื่อขึ้นชื่อว่าระบบปฏิบัติการใหม่ ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นเรื่องยากไม่น้อยสำหรับหัวเว่ย ต่อการปั้นระบบนิเวศขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

ท่ามกลางความท้าทายครั้งใหม่ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว ไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ เฉิง เจียงเฟย รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด หัวเว่ย ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เฉิง เจียงเฟย เปิดเผยว่า แม้ในเวลานี้หัวเว่ยจะไม่สามารถใช้บริการของ Google Mobile Servies ก็จริง แต่หัวเว่ยได้สร้างแพลตฟอร์ม AppGallery ขึ้นมาทดแทน จนตอนนี้เป็น 1 ใน 3 ตลาดแอปพลิเคชันชั้นนำของโลก ปัจจุบันมีผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 580 ล้านคน โดยในปี 2021 ที่ผ่านมา มียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Huawei AppGallery มากถึง 432 ล้านคน

...

เฉิง เจียงเฟย
เฉิง เจียงเฟย

เจียงเฟย อธิบายต่อไปว่า หัวเว่ยพยายามที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งาน โดยไม่ได้จำกัดขอบเขตการใช้งานเอาไว้แค่เฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่หัวเว่ยได้มีความพยายาม AppGallery ไปยังอุปกรณ์ในส่วนที่เป็นแล็ปท็อป, แท็บเล็ต, นาฬิกา และสมาร์ทวิชัน

แม้จะมีความยากในการทำธุรกิจสมาร์ทโฟน เพราะในความเป็นจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นเป็นเพราะระบบปฏิบัติการ Android ได้พัฒนามาจนถึงจุดที่มีแอปพลิเคชันพื้นฐานที่จำเป็นรองรับเอาไว้หมดเรียบร้อยแล้ว ผู้มาใหม่อย่าง AppGallery ซึ่งแม้จะมีแอปพลิเคชันเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง อย่างไรก็ตาม เจียงเฟย ยืนยันว่า หัวเว่ยจะยังคงอยู่ในธุรกิจสมาร์ทโฟนต่อไป ไม่มีแนวคิดที่จะสละเรือยุติการทำตลาดนี้

ในเวลาเดียวกัน หัวเว่ย ได้ชูแนวคิดระบบนิเวศ (Ecosystem) แบบ 1+8+N ผ่านการใช้งานของ Harmony OS และ Super Device ที่ทำงานบน EMUI มีแอปพลิเคชันและบริการสำหรับทุกสถานการณ์ ทั้งในเรื่องของสมาร์ทออฟฟิศ, สุขภาพ-การออกกำลังกาย, ความบันเทิง, สมาร์ทโฮม และการท่องเที่ยว

สมาร์ทโฟนของหัวเว่ย
สมาร์ทโฟนของหัวเว่ย

เจียงเฟย อธิบายเสริมว่า กลยุทธ์ข้างต้นถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่หัวเว่ยได้นำมาใช้ เพื่อรับมือกับส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ลดลงตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา

ประเด็นสุดท้ายที่ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของหัวเว่ย ถูกซักถาม นั่นคือ สถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกที่กำลังมีโอกาสชะลอตัว แผนการรับมือของหัวเว่ยเป็นอย่างไร

เจียงเฟย ให้คำตอบว่า แนวทางการรับมือที่พอจะเป็นไปได้คงอยู่ที่ การนำเสนอสินค้าที่เป็นสินค้านวัตกรรมจริงๆ ให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสมาร์ทออฟฟิศ เพราะเป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่า รูปแบบการทำงานในปี 2022 มีการเปลี่ยนแปลงไปจากโลกก่อนยุคที่มีโควิด-19 โดยเฉพาะเรื่องของการประชุมออนไลน์ ซึ่งต้องการภาพและเสียงที่คมชัด นอกจากนี้ หัวเว่ย ยังต้องสร้างแรงจูงใจที่ดีพอ เพื่อรั้งผู้บริโภคให้ยังคงอยู่กับแบรนด์หัวเว่ยต่อไป.

...