บริษัทเมตา (META) ยื่นฟ้องต่อศาล โดยระบุว่า เฟซบุ๊ก ซึ่งภายหลังได้รีแบรนด์ไปเป็นเมตา (Meta) ละเมิดเครื่องหมายการค้า และทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
เป็นที่ทราบกันว่า เฟซบุ๊ก ได้รีแบรนด์ไปเป็นเมตาในช่วงปลายปีที่แล้ว เพื่อกรุยทางสู่โลกเมตาเวิร์ส (Metaverse) อย่างไรก็ตาม การรีแบรนด์ครั้งนี้สร้างผลกระทบต่อบริษัทที่มีมาก่อนหน้านี้ในชื่อเดียวกัน นั่นคือ เมตา ส่งผลให้บริษัทที่ใช้ชื่อเมตาก่อนหน้าเฟซบุ๊กได้รับความเสียหายมหาศาลทางธุรกิจ
จัสติน โบโลญิโน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเมตา (ที่ไม่ใช่เฟซบุ๊ก) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ระบุว่า การรีแบรนด์ของเฟซบุ๊กได้ทำในสิ่งที่ตัวเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งบริษัทของเขาที่ก่อตั้งมานานนับศตวรรษได้ถูกแย่งชิงเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก
จัสติน โบโลญิโน กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เขากำลังดำเนินการต่อจากนี้ นั่นคือการฟ้องร้องบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ในฐานความผิดการละเมิดเครื่องหมายการค้า และทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจของเขาอย่างหนักหน่วง
โบโลญิโน กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทของเขาเป็นบริษัทเล็กๆ ที่มีอายุก่อตั้งเพียง 12 ปี โดยมีความถนัดในด้านการพัฒนาความจริงเสมือนและความจริงเสริม (Virtual reality และ Augmented reality) สำหรับงานอีเวนต์ ซึ่งคล้ายกับเมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม
ทว่าเมื่อเฟซบุ๊กรีแบรนด์ไปเป็นเมตา ส่งผลให้ธุรกิจของเขาต้องหยุดชะงัก และได้บังเกิดความสับสนจากมุมมองของลูกค้า เพราะไม่แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของเมตามีความเกี่ยวข้องกับเมตาที่เป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กหรือไม่
...
ทางด้านโบโลญิโนยืนยันว่า เขาจะสู้คดีนี้ไม่ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม เพราะเขาไม่ต้องการให้เฟซบุ๊ก (หรือเมตาในปัจจุบัน) ขโมยแบรนด์ของเขาไป อย่างไรก็ดี จนถึงตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า โบโลญิโน จะเรียกค่าเสียหายจากเมตาเป็นจำนวนเงินเท่าใด
นอกจากนี้ ทนายความของเมตาซึ่งก่อตั้งโดยโบโลญิโน เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 8 เดือน ทั้งสองบริษัทได้มีการนัดเจรจาพูดคุยในเรื่องนี้เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน แต่ก็เป็นทางฝั่งของเฟซบุ๊กที่ไม่มาพูดคุยตามนัดหมาย
เมื่อสำนักข่าวซีเอ็นบีซีได้ติดต่อกับเมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เพื่อขอความเห็นในเรื่องนี้ แต่ในท้ายที่สุดก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ.
ที่มา: CNBC