ในโลกธุรกิจยากมากที่จะได้เห็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จออกมาประกาศตัวว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นชาว LGBTQ ซึ่งหากเราย้อนหลังกลับไปในปี 2014 ชายคนนี้ เป็นชายคนแรกที่เป็นซีอีโอจากบริษัทลำดับต้นๆ ของ Fortune 500 ที่ประกาศว่า เป็นเกย์
ชายคนที่ถูกเอื้อนเอ่ยถึงในประโยคข้างต้น เป็นคนที่ทุกคนรู้จักกันดี เขามีชื่อว่า ทิโมธี โดนัลด์ คุก หรือ ทิม คุก
ย้อนหลังกลับไปในวันที่ 30 ตุลาคม 2014 ทิม คุก ได้เขียนบทความให้กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ในบทความที่มีชื่อว่า Tim Cook Speaks Up เพื่อส่งสารบอกถึงตัวตนที่แท้จริงต่อสังคม
ก่อนหน้าที่บทความชิ้นนี้จะถูกเผยแพร่ในบลูมเบิร์ก ในความเป็นจริงแล้วคนในบริษัทแอปเปิลจำนวนไม่น้อยที่เคยทำงานร่วมกับทิม คุก ได้ทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว โดยที่ ทิม คุก ก็ไม่ได้ปกปิดรสนิยมทางเพศของเขา เพียงแค่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ออกมาในที่สาธารณะเท่านั้นเอง
ใจความสำคัญของบางช่วงบางตอนที่ ทิม คุก เขียนไว้ใน Tim Cook Speaks Up ซึ่งถอดความได้ว่า “แม้ผมจะไม่เคยปฏิเสธรสนิยมทางเพศของตัวเอง แต่ผมก็ไม่เคยออกมายอมรับต่อสาธารณชนเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรก”
ในบทความเดียวกัน ทิม คุก บอกอีกด้วยว่า “ผมภูมิใจที่เป็นเกย์ และผมมองว่า การเป็นเกย์ คือหนึ่งในของขวัญที่ดีที่สุดที่พระเจ้าได้ให้ผมมา และการเป็นเกย์ทำให้ผมเข้าใจได้ลึกซึ้งขึ้นว่า การเป็นคนกลุ่มน้อยนั้นรู้สึกอย่างไร ทำให้ผมพบทางออกจากอุปสรรค ซึ่งคนอื่นๆ ที่เป็นคนกลุ่มน้อยต้องเผชิญอยู่ทุกวัน”
ชัชวนันท์ สันธิเดช แอดมินเพจ Club VI ให้ความเห็นว่า การที่ ทิม คุก ประกาศตัวเองออกมาว่าเป็นเกย์ในปี 2014 นับเป็นเรื่องที่ฮือฮามากในเวลานั้น และถือเป็นความเสียสละครั้งสำคัญอีกด้วย เพราะปกติแล้ว ผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งเป็นถึงซีอีโอของบริษัทใหญ่ มักห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง อีกทั้งยังต้องสู้กับแรงเสียดทานจากคนกลุ่มอนุรักษนิยม (ซึ่งอาจเป็นนักลงทุนใหญ่ของบริษัทนั้น) อาจไม่ให้การยอมรับในเรื่องเพศสภาพ และรสนิยมทางเพศที่หลากหลาย ก็มีอยู่ไม่น้อย จึงอาจกล่าวได้ว่า ทิม คุก ซึ่งเป็นซีอีโอของบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นคนที่มีต้นทุนทางสังคมสูงมาก ยอมเสียสละในเรื่องนี้
...
การประกาศตัวของ ทิม คุก ในปี 2014 เป็นช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในระหว่างการผลักดันการสมรสเท่าเทียม แต่ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น ทิม คุก ได้เห็นคนในสังคมจำนวนมากที่ออกมาเปิดเผยตัว และรณรงค์ในเรื่องนี้ เพื่อให้สังคมให้การยอมรับ LGBTQ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ทิม คุก ตัดสินใจว่า เขาต้องทำอะไรบ้างแล้วกับเรื่องนี้
ทิม คุก เชื่อว่า การที่คนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นถึงซีอีโอของแอปเปิล ออกมาแสดงตัวว่าเป็นเกย์ น่าจะช่วยผลักดันให้คนที่มีปัญหาในเรื่องเพศสภาพ กล้าที่จะเป็นตัวเองมากขึ้น ทำให้คนที่โดดเดี่ยว ว้าเหว่ รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง และถ้ามันสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันความเท่าเทียม การแสดงตัวออกมาของคนที่ชื่อทิม คุก มันก็คุ้มที่เขาจะยอมแลกกับความเป็นส่วนตัวของตัวเอง
หลังจากที่ บทความ Tim Cook Speaks Up เผยแพร่ไปสักระยะหนึ่ง ทิม คุก ได้โอกาสให้สัมภาษณ์ในรายการ The Late Show with Stephen Colbert ของช่อง CBS ซึ่งในรายการ ทิม คุก เน้นย้ำว่า การที่เขาแสดงออกถึงรสนิยมทางเพศของตัวเอง น่าจะช่วยให้เยาวชนที่มีความรู้สึกแปลกแยก ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่อย่างครอบครัว หรือโรงเรียนก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นอาจถูกกลั่นแกล้ง ถูกกดขี่ หรืออย่างร้ายที่สุดก็คือ ถูกตัดหางปล่อยวัดจากคนในครอบครัว เพียงเพราะพวกเขาเป็นเกย์
“ผมคิดว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง” ทิม คุก กล่าว
การที่ ทิม คุก เปิดเผยตัว น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนในสังคมได้เห็นว่า แม้แต่คนที่เป็นผู้บริหารหมายเลขหนึ่งของบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก็ยังเป็นเกย์ นั่นแปลว่า “เพศ” ไม่เกี่ยวข้องกับศักยภาพ และคนทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ โดยที่ไม่มีเรื่องเพศมาจำกัดกรอบของความสามารถแต่อย่างใด
การออกมาพูดรสนิยมทางเพศของตัวเองของ ทิม คุก นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะว่า ทิม คุก เป็นคนที่เก็บงำเรื่องราวส่วนตัวของตัวเอง ไม่เปิดเผยให้ใครได้รู้ เวลาที่ ทิม คุก ออกมาสู่สาธารณะ ก็มีแค่เรื่องงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทิม คุก ยอมรับว่า คุณค่าของความเป็นส่วนตัวของตัวเองในบางครั้ง มันก็มากเกินไป เมื่อเทียบกับสิ่งที่ตัวของเขาสามารถทำเพื่อคนอื่นได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ ทิม คุก เลือกบอกความจริงต่อสังคม
ในฐานะที่ให้ความสนใจด้านการลงทุนในตลาดหุ้น ชัชวนันท์ ให้ความเห็นต่อการออกมา Call out ของทิม คุก ครั้งนั้นว่า มันมีผลต่อสังคมอย่างแน่นอน เพราะทิม คุก เป็นคนที่มีต้นทุนทางสังคมสูงมาก เป็นการแสดงออกให้คนทั่วโลกเห็นว่า การเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ตรงกันข้ามมันคือเรื่องปกติที่สังคมควรยอมรับ
“ผมคิดว่า ถ้าหาก ทิม คุก เปิดตัวในช่วงที่ยังไม่ได้เป็นซีอีโอของแอปเปิล ก็คงยังไม่มีอิมแพ็กมากนัก เพราะถ้าเปิดตัวตอนนั้น คนในวงกว้างยังไม่ค่อยรู้จัก ทิม คุก จริงอยู่ว่า อาจมีคนบางกลุ่มรู้ว่า ทิม คุก คือหมายเลขสองของแอปเปิล ต่อจาก สตีฟ จ็อบส์ แต่นั่นยังอยู่ในวงที่จำกัดมาก” ชัชวนันท์ ให้ความเห็น
แต่เมื่อ ทิม คุก เลือกเปิดตัวเองในเวลาที่คนทั้งโลกรู้จักเขาแล้ว ได้รู้จักแอปเปิลภายใต้การนำของเขา ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้ว แอปเปิล ในยุคของ ทิม คุก ประสบความสำเร็จในแง่ “ตัวเงิน” ยิ่งกว่ายุคของ สตีฟ จ็อบส์ เสียอีก จากการพาแอปเปิลเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นสิ่งที่ สตีฟ จ็อบส์ ไม่เคยทำได้มาก่อน
นอกเหนือจากนี้ยังมีข้อมูลส่วนหนึ่งของหนังสือทิม คุก ที่มีชื่อว่า Tim Cook: The Genius Who Took Apple to the Next Level เขียนโดย Leander Kahney เรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย ชัชวนันท์ ซึ่งภายในหนังสือเล่มนี้มีความน่าสนใจอยู่ตรงที่ คนรอบข้างรู้สึกอย่างไร หลังประกาศตัวออกมาแล้ว
...
ส่วนหนึ่งของตัวอย่างที่ถูกยกมาในหนังสือ ก็คือ ความคิดเห็นของ แพทริเซีย ท็อดด์ อดีต ส.ส.ของพรรคเดโมแครต จากรัฐแอละแบมา ซึ่งเป็นรัฐเดียวกับที่ทิม คุก เกิด ให้ความเห็นว่า ถ้าทิม คุก แสดงออกในเรื่องเพศสภาพตั้งแต่เด็ก คงเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่า เมืองที่ทิม คุก เกิดและเติบโตในโรเบิร์ตสเดล มันไม่ใช่เสาหลักแห่งเสรีนิยม หรือกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ในเมืองแห่งนั้นมีความเป็นอนุรักษนิยมสูง ไม่เปิดกว้างในเรื่องของเพศ อีกทั้งถ้าคนในเมืองรู้ว่า ทิม คุก เป็นเกย์ ชีวิตในวัยเด็กของเขาก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ เขาอาจถูกเพื่อนเลิกคบ
ในเวลาเดียวกัน ความเป็นเกย์ก็ไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ แม้แต่เจ้าหน้าที่ผู้ถือกฎหมายก็ตาม
ทั้งหมดอาจกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องของจังหวะและเวลา จากความสำเร็จในหน้าที่การงาน และความเปิดกว้างของสังคมภายนอก
อ้างอิง: Bloomberg, The Late Show with Stephen Colbert, หนังสือ Tim Cook: The Genius Who Took Apple to the Next Level