การประกาศรีแบรนด์ชื่อบริษัทจากเฟซบุ๊ก (Facebook) ไปเป็นเมตา (Meta) ส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างคาดไม่ถึง บริษัท Big Tech จำนวนไม่น้อย ต่างดาหน้าประกาศตัวขอร่วมวงเข้าโลกเมตาเวิร์สกันถ้วนหน้า
แม้ในความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์การพัฒนาโลกเมตาเวิร์ส ไม่ว่าจะเป็นภายใต้การพัฒนาของเมตาก็ดี หรือบริษัทชั้นนำอย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) ไปจนถึงบริษัทจากประเทศจีนยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง โดยยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่เราจะได้เห็นเมตาเวิร์สตามแบบฉบับที่บริษัท Big Tech ได้วาดภาพเอาไว้ในจินตนาการ
บริษัทอย่างเมตา ที่ถือได้ว่า เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการเปิดโลกเมตาเวิร์สให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แม้ในความเป็นจริงเราอาจเคยได้ยินคำว่า เมตาเวิร์ส จากนิยาย Snow Crash ของนีล สตีเฟนสัน และภาพยนตร์ Ready Player One ภายใต้การกำกับของสตีเวน สปีลเบิร์ก แต่ก็ต้องบอกแบบนี้ครับว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็หมกมุ่นไม่น้อยกับการสร้างโลกเมตาเวิร์ส ชนิดที่ว่า ทำให้บุคคลภายนอกที่ได้ยินถึงกับเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย
ย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งเมตา ได้ตั้งสเตตัสที่มีความยาวประมาณหนึ่ง เพื่อบอกเล่าการเดินทางบทใหม่ของเมตา โดยเฉพาะในประเด็นคุณค่าขององค์กร (company values) เป็นไกด์ไลน์ในการทำงานที่เมตาสำหรับบรรดาพนักงาน ก่อนที่จะนำสิ่งเหล่านี้ ออกมาแชร์สู่โลกภายนอก และเพื่อบอกว่า คุณค่าขององค์กรมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากที่เคยประกาศครั้งแรกในปี 2007
ทั้งนี้ คุณค่าองค์กรฉบับใหม่ของเมตา ซึ่งเริ่มต้นใช้ในปี 2022 มีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ เริ่มจาก Move Fast, Focus on Long-Term Impact, Build Awesome Things, Live in the Future, Be Direct and Respect Your Colleagues และ Meta, Metamates, Me
บนสเตตัสของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็มีการบรรยายความหมายของคุณค่าทั้ง 6 ข้อเอาไว้พอสังเขป เช่น Move Fast คือการพุ่งไปข้างหน้า สร้างและเรียนรู้สิ่งใหม่ก่อนใคร ลงมือทำแบบไม่ต้องรอเวลา
Focus on Long-Term Impact เป็นประเด็นที่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก พูดถึงระบบการคิดที่เน้นการคิดแบบระยะยาว สามารถขยายเวลาไทม์ไลน์ได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Build Awesome Things ถือเป็นคุณค่าที่เมตามองว่า ไม่ใช่แค่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกด้วย
คุณค่าต่อมา คือ Live in the Future ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะกระจายโลกของการทำงานแบบกระจาย ไม่รวมศูนย์ โดยไม่มีเรื่องของภูมิศาสตร์เข้ามาเป็นอุปสรรค
Be Direct and Respect Your Colleagues เป็นแนวคิดที่การสร้างวัฒนธรรมที่ตรงไปตรงมา สามารถแบ่งปันความคิดเห็นที่ดีต่อกันได้
และข้อที่ 6 Meta, Metamates, Me ก็คือการเรียกเพื่อนร่วมงานว่า Metamate จากเดิมที่เมตาหรือเฟซบุ๊กจะเรียกทีมงานด้วยกันว่า Teammate ซึ่งเป็นการทำภารกิจ และความรับผิดชอบขององค์กรร่วมกัน
จากประเด็นข้างต้น จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะหายใจเข้า หายใจออก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก คิดและนึกถึงเมตาเวิร์สอยู่ตลอดเวลา ในแง่หนึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เขาเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก กลายเป็นความหมกมุ่นที่หมายจะประสบความสำเร็จกับโลกเมตาเวิร์สให้ได้
การขนานนามให้มีการเรียกพนักงานของเมตาว่า เมตาเมท หรือ Metamates ในด้านหนึ่งก็อาจเป็นการบ่งบอกว่า พวกเขากำลังมุ่งทุกสิ่งไปเมตาเวิร์ส อีกทั้งยังเข้ากับชื่อบริษัทของตัวเองอย่างเมตาอีกด้วย
แต่แอนดรูว์ บอสเวิร์ธ ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารสูงสุดฝ่ายเทคโนโลยีของเมตา บอกว่า Meta, Metamates, Me เป็นวลีที่มีที่มาจาก Ship, Shipmates, Self ซึ่งเป็นคำที่ทหารเรือใช้กัน โดยเป็นการเรียงลำดับความสำคัญจากสิ่งที่สำคัญที่สุดลดหลั่นลงมา
อย่างไรก็ดี ความสำคัญของบริษัทเมตาในเวลานี้ ก็ดูจะเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ นั่นแหละครับ
เนื่องจากการรายงานผลประกอบการของเมตาประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีนักของเมตา นั่นเป็นเพราะว่า มูลค่าบริษัทของเมตาลดลงต่ำกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 เลยทีเดียว
จนทำให้เวลานี้ เมตา มีมูลค่าตลาดน้อยกว่าเทสลา (Tesla), เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway) และอินวิเดีย (Nvidia)
เท่านั้นยังไม่พอ เมตายังประสบปัญหาต่อเนื่องจากการถูกคุกคามโดยคู่แข่งหน้าใหม่อย่าง TikTok อีกทั้งตัวเลขยอดผู้ใช้งานลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี อยู่ที่ 1.93 พันล้านคนต่อวัน
ในเวลาเดียวกันยังมีปัญหากับสหภาพยุโรป ในประเด็นการโอนถ่ายข้อมูลจากยุโรปมายังสหรัฐอเมริกา และในอนาคตอันใกล้ ระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งพัฒนาโดยกูเกิล (Google) จะออกนโยบายที่คล้ายคลึงกับ App Tracking Transparency บนระบบปฏิบัติการ iOS ซึ่งนั่นทำให้ในอนาคตเมตา อาจต้องเผชิญวิกฤติรายได้ที่ลดลง เพราะไม่อาจยิงโฆษณาไปยังผู้ใช้งานได้อีกต่อไป
แม้ว่า กูเกิล จะไม่ได้ออกนโยบายใหม่อย่างเร่งด่วน แต่ให้โอกาสทุกบริษัท รวมถึงเมตาปรับตัวเป็นเวลาประมาณ 2 ปี ก่อนปรับใช้นโยบายใหม่
แต่งานนี้ ก็ดูแล้วคงเป็นสถานการณ์ที่ “ไม่ง่าย” ของเมตา เอาเสียเลยครับ
อ้างอิง: Mark Zuckerberg, Washington Post
...