เมื่อสตูดิโอเกม กำลังเนื้อหอม ได้เวลาบริษัทเกมยักษ์ใหญ่เปิดฤดูกาลช็อปปิ้ง

การประกาศเข้าซื้อสตูดิโอบันจี (Bungie) ของโซนี่ (Sony) ในช่วงวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ในกรอบวงเงิน 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นดีลที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่โซนี่จำต้องเคลื่อนไหว จากการบีบบังคับทางอ้อมของไมโครซอฟท์ (Microsoft)

สตูดิโอเกมที่ชื่อว่า บันจี ในอดีตพวกเขาเคยพัฒนาแฟรนไชส์ใหญ่ในปัจจุบันอย่าง Halo ก่อนที่ในภายหลัง Halo จะอยู่ภายใต้การดูแลของไมโครซอฟท์ เกมมิง (Microsoft Gaming) และบันจี ก็แยกออกมาเป็นอิสระ กระทั่งพัฒนาแฟรนไชส์ใหม่ที่มีชื่อว่า Destiny ในที่สุด

กรอบวงเงิน 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการคว้าบันจีของโซนี ถือเป็นเงินที่จิ๊บจ๊อยมากๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการซื้อแอคติวิชัน บลิซซาร์ด (Activision Blizzard) ของไมโครซอฟท์ เนื่องจาก Intellectual property หรือทรัพย์สินทางปัญญาของบันจี เมื่อเทียบกับแอคติวิชัน บลิซซาร์ด ถือว่าห่างไกลกันมาก ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เงินที่เยอะแยะมากมายสำหรับโซนี่อีกด้วย

อย่างไรก็ดี ทางโซนี่ ออกมาบอกว่า ดีลดังกล่าวระหว่างโซนีและบันจี หาได้เป็นดีลที่ทำเพื่อตอบโต้ไมโครซอฟท์ไม่ เพียงแต่เป็นดีลที่คุยมาสักระยะหนึ่ง เมื่อประมาณ 5-6 เดือนที่แล้ว ก่อนที่จะเจรจาขั้นสุดท้ายสำเร็จในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับไมโครซอฟท์ คว้าแอคติวิชัน บลิซซาร์ด

การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของโซนี่ถือเป็นความทะเยอทะยานของโซนี่ ในการสร้างการเติบโตและการขยายบริการของแพลตฟอร์ม PlayStation ต่อไป โดยเฉพาะในเวลานี้ ที่โซนี่ เริ่มไม่มองว่า เกมที่อยู่ในมือพวกเขาจะต้องอยู่บนแพลตฟอร์ม PlayStation 5 เท่านั้น แต่พวกเขากำลังต้องการขยายขนาดของชุมชนไปในหลายแพลตฟอร์ม

ไม่เพียงเท่านั้น ในมุมของบันจี พวกเขาคิดอ่านเช่นกันว่า การที่บันจีไปอยู่ในมือของโซนี่อาจเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ โดยเฉพาะการผลักดันเกมสำคัญอย่าง Destiny ไปอยู่ในช่องทางใหม่ๆ อย่างภาพยนตร์ หรือแม้แต่ทีวีซีรีส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่โซนี่สามารถทำได้ง่ายและไม่ยากเย็นนัก

ในเวลาเดียวกัน สตูดิโอบันจี จะได้รับการแบ่งปันทรัพยากรต่างๆ จากโซนี่อีกนับไม่ถ้วน และน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อบันจีในการพัฒนาเกมแฟรนไชส์ใหม่ๆ ในอนาคต

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ในระหว่างที่กำลังเขียนบทความฉบับนี้อยู่ ก็มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า Halo ซึ่งเป็นเกมที่บันจีเคยพัฒนา มีกำหนดการเข้าฉายในรูปแบบทีวีซีรีส์ในวันที่ 24 มีนาคม บนช่องพาราเมาท์พลัส อีกด้วย

นอกจากนี้ Destiny ยังถือเป็นเกมที่มีชุมชนขนาดใหญ่ เนื่องด้วยตัวเกมเป็นเกมแบบมัลติเพลเยอร์ เล่นได้หลายคน ซึ่งในหลายครั้งจะเห็นได้ว่า เกมของโซนี่ที่ผลิตออกมาเป็นเกมเนื้อเรื่องเล่นคนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ จุดนี้จึงเข้ามาช่วยกลบจุดอ่อนเสริมจุดแข็งได้ดีทีเดียว

จากทิศทางที่เป็นไปได้จนถึงเวลานี้ เชื่อว่า โซนี่ จะยังคงนำทุกเกมของค่ายบันจี วางจำหน่ายแบบมัลติแพลตฟอร์มตามเดิม และไม่คิดที่จะทำเป็นเกมเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะโซนี่ เนื่องจากขัดกับแนวคิดใหม่ของโซนี่ ซึ่งต้องการเปิดกว้างเกมของตัวเองไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ดังจะเห็นได้จากเกม Death Stranding, God of War, Uncharted และในเร็วๆ นี้อย่าง Ghost of Tsushima บนพีซี รวมถึงโซนี่จะให้อิสระในการทำงานของบันจีตามปกติ

พร้อมกันนี้แล้ว นักวิเคราะห์ยังได้ประเมินด้วยว่า เงิน 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่โซนี่เสียไปนั้น น่าจะเป็นแค่เงินก้อนแรกๆ ที่โซนี่จะทุ่มทุนสร้างเพื่อตอบโต้ดีลของไมโครซอฟท์และแอคติวิชัน บลิซซาร์ด

สำนักข่าวเดอะ ฮอลลีวูด รีพอร์ทเตอร์ เคยรายงานว่า นักวิเคราะห์ ได้ออกมาแนะนำให้โซนี่ลองพิจารณาการเข้าซื้อกิจการสตูดิโอเกมยักษ์ใหญ่อย่างอีเอ หรืออิเล็กทรอนิกส์ อาร์ท (Electronics Arts), เทคทู (Take-Two) และยูบิซอฟต์ (Ubisoft)

ความน่าสนใจของการวิเคราะห์ครั้งนี้อยู่ตรงที่ว่า อีเอ ถือเป็นบริษัทเกมชั้นนำในระดับที่ทัดเทียมกับแอคติวิชัน บลิซซาร์ด อีกทั้งอีเอ ยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เป็นจำนวนอีกไม่น้อย ซึ่งสามารถต่อยอดความแข็งแกร่งให้กับโซนี่ได้อย่างแน่นอน

ขณะที่ ตัวเลือกรองลงมาอย่างเทคทู ซึ่งเป็นบริษัทแม่และถือสิทธิ์เจ้าของเกมชั้นนำอย่าง Grand Theft Auto, WWE2K, NBA2K, Red Dead Redemption ซึ่งล้วนเป็นเกมทรงคุณค่าทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี เกมจากค่ายเทคทู ไม่ได้ออกมาบ่อยๆ และไม่ค่อยมีเกมที่วางจำหน่ายเป็นรายปีเหมือนอีเอ แต่ทุกครั้งที่เกมใหม่จากค่ายที่อยู่ในการดูแลของเทคทูมักได้รับผลตอบรับที่ดีเสมอ

หรือในบางกรณีที่เป็นกรณีศึกษาอันน่าสนใจ นั่นคือ เกม Grand Theft Auto V หรือ GTA V ซึ่งวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2013 ปัจจุบันปี 2022 ยังถือเป็นเกมยอดนิยมบนทุกแพลตฟอร์ม เป็นที่ถูกอกถูกใจเกมเมอร์ เพราะเกมตอบโจทย์ได้ดีในฐานะที่เป็นเกมเนื้อเรื่อง (Single Player) หรือการเล่นร่วมกับเพื่อนๆ ในรูปแบบออนไลน์ (Multiplayer) ผ่านการอัปเดตเนื้อเรื่องใหม่ๆ ทุกไตรมาส

ผมควรต้องระบุเอาไว้ด้วยว่า มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อย ซื้อเกม GTA V เพื่อที่จะเข้าไปเล่นในรูปแบบของ GTA Roleplay ผ่านเซิร์ฟเวอร์ GTA FiveM ซึ่งเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของค่ายร็อกสตาร์ (Rockstar Games) เพียงแต่พวกเขาเลือกที่จะปิดตาข้างหนึ่ง และไม่คิดดำเนินการทางกฎหมายใดๆ จนถึงเวลานี้

กระนั้นแล้ว ก็ใช่ว่า เทคทูจะไม่มีปัญหาซ่อนอยู่ ตรงกันข้ามกลับมีออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่เกมใหญ่ๆ ภายใต้สตูดิโอนี้ กำลังจะเปิดตัว เพราะพวกเขามักตกเป็นข่าวว่า บริษัทมีการบีบคั้นพนักงานอย่างหนัก ทั้งในเวลางานและนอกเวลางาน เพื่อให้เกมเสร็จตามที่ฝ่ายบริหารกำหนด จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานที่ทำหน้าที่ดูแลและพัฒนาเกมนั้นๆ

ในช่วงเวลาไม่นานก่อนหน้าที่ดีลของทั้งไมโครซอฟท์และโซนี่จะเกิดขึ้น เทคทู มีการขยับตัวซื้อบริษัท Zynga ในวงเงินที่สูงเอาเรื่อง 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายตลาดธุรกิจเกมบนสมาร์ทโฟนของเทคทู จนอาจกล่าวได้ว่า มกราคม 2022 กลายเป็นเดือนแห่งความบ้าคลั่งในอุตสาหกรรมเกมเลยก็ว่าได้

ส่วนยูบิซอฟต์ ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะมีเกมระดับแม่เหล็กอย่าง Assassin's Creed, Watch Dogs, Far Cry และ Rainbow Six เป็นต้น แต่ยูบิซอฟต์ ก็มีปัญหาภายในของตัวเอง ซึ่งถ้าหากโซนี่จะซื้อกิจการจริงๆ พวกเขาก็ต้องปรับวัฒนธรรมองค์กรใหม่ เนื่องจากยูบิซอฟต์เคยตกเป็นข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับนโยบายของสำนักงานใหญ่ที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางการสร้างเกม, ปัญหาการจ่ายค่าแรงที่ต่ำเกินไป, การกีดกันเชื้อชาติ และประเด็นล่วงละเมิดทางเพศ

ถ้าหากโซนี่คิดดึงเอายูบิซอฟต์มาจริงๆ ก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายในการสางปัญหาเหล่านี้ เช่นเดียวกัน ปัญหาที่ยกมานี้ ก็จะเกิดขึ้นกับไมโครซอฟท์ ทันทีที่ดีลระหว่างพวกเขาและแอคติวิชัน บลิซซาร์ด ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

ถ้าหากคำกล่าวของโซนี่ที่บอกว่า การซื้อกิจการบันจีเป็นสิ่งที่พูดคุยมาเป็นเวลานานแล้ว นั่นหมายความว่า โซนี่อาจมีแนวคิดที่จะซื้อสตูดิโอเกมใดๆ ก็ตาม เพื่อตอบโต้ดีลที่เกิดขึ้นของไมโครซอฟท์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โซนี่ มีการซื้อสตูดิโอเก็บเข้าพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ยังไม่ถือเป็นข่าวใหญ่มากนัก เพราะสตูดิโอส่วนใหญ่ที่โซนี่ซื้อไม่ได้เป็นสตูดิโอเกมขนาดใหญ่ และบางส่วนก็ทำงานร่วมกับโซนี่มานานแล้ว เช่น Bluepoint Games, Firesprite, Nixxes และ Valkyrie อาจจะมีก็แค่ Housemarque ซึ่งทำเกม Returnal วางจำหน่ายในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา

เบ็ดเสร็จแล้วภายในเดือนมกราคม 2022 เพียงเดือนเดียว มีการซื้อขายบริษัทเกมรวมกันมากถึง 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตัวเลขนี้เหล่านี้ บอกอะไรเราได้บ้าง

คำตอบของคำถามนี้ ผมคิดว่า อาจต้องมองแยกออกเป็นส่วนๆ ในส่วนของไมโครซอฟท์ พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางในการไล่กวดโซนี่ในแง่ของธุรกิจเกม แต่จะเพื่อชิงความเป็นหนึ่งหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่เท่าที่ผมทราบตอนนี้ ไมโครซอฟท์ มีทุกเทคโนโลยีทุกอย่างครบถ้วนในมือ (คลาวด์ คอมพิวติง, เกม, เสิร์ชเอินจิน, อุปกรณ์ไฮเทค, ซอฟต์แวร์ เช่น Windows, Office 365 และบริการหางาน LinkedIn) จะขาดก็แต่เพียงแค่แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย เท่านั้น

ขณะที่ เทค-ทู มีเกมบนคอนโซลและพีซีครบถ้วนหมดแล้ว จะขาดก็แต่เกมบนสมาร์ทโฟน จึงต้องมี Zynga เข้ามาเสริมจุดนี้

ในส่วนโซนี่ คือการสร้างโอกาสในการต่อยอดแพลตฟอร์มของตัวเอง ไม่ได้ขังเอาไว้เฉพาะต้องอยู่บน PlayStation เท่านั้น แต่ต้องการไปตลาดอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะฝั่ง PC และสิ่งที่โซนี่ยังขาดก็คือ เกมบนสมาร์ทโฟน ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งถัดไปของโซนี่ มีความเป็นไปได้ว่า พวกเขาจะเริ่มซื้อกิจการผู้ผลิตเกมบนสมาร์ทโฟนเป็นอย่างต่อไปครับ

อ้างอิง: Games Industry, IGN, The Verge, Gizmodo, PC Gamer