ควันหลงจากการเข้าซื้อกิจการแอคติวิชัน บลิซซาร์ดของไมโครซอฟท์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคู่แข่งอย่างโซนี่ โดยเฉพาะอนาคตของเกมระดับเกรดเอ จึงทำให้โซนี่ออกมาคาดหวังว่าเกมจากค่ายนี้ จะยังคงลงแบบมัลติแพลตฟอร์มต่อไปเหมือนเดิม
โซนี่ (Sony) เจ้าของแพลตฟอร์ม PlayStation 5 ออกมาเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่การควบรวมกิจการครั้งสำคัญระหว่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) และแอคติวิชัน บลิซซาร์ด (Activision Blizzard) เกิดขึ้น
ตามที่คอเกมทราบกันดี โดยปกติแล้วเกมของค่ายแอคติวิชัน บลิซซาร์ด จะวางจำหน่ายในรูปแบบของมัลติแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นการวางจำหน่ายทั้งบนแพลตฟอร์ม PlayStation 5 และ Xbox Series X และ Xbox Series S เพียงแต่การควบรวมกิจการครั้งนี้ ทำให้อนาคตของเกมจำนวนมาก อาจถูกวางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบนเครื่องเล่นเกมคอนโซลของไมโครซอฟท์เท่านั้น
ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นหมายความว่า โซนี่จะเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล โดยเฉพาะเกมดังระดับ AAA (ทริปเปิลเอ) เช่น Call of Duty ซึ่งเป็นเกมที่เกมเมอร์บนแพลตฟอร์ม PlayStation 5 และ PlayStation 4 ให้ความนิยม ทั้งนี้การขยับตัวครั้งแรกของโซนี่ พวกเขาคาดหวังว่า เกมดังของค่ายแอคติวิชัน จะยังคงวางจำหน่ายบนมัลติแพลตฟอร์มต่อไป
ความกังวลใจที่เกิดขึ้นของโซนี่ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินคาด และเป็นสิ่งที่โซนี่ต้องออกมาเรียกร้อง เนื่องจาก Call of Duty: Black Ops Cold War ถือเป็นเกมที่มียอดขายดีอันดับต้นๆ ของแพลตฟอร์ม PlayStation 5 เป็นรองแค่เพียงเกม Fortnite เท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว ความกังวลของโซนี่ก็ดูเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เพราะเกมดังอย่าง Elder Scrolls VI ของค่ายเบเธสดา (Bethesda) อีกหนึ่งสตูดิโอผู้ผลิตเกมที่ไมโครซอฟท์ซื้อไปในช่วงเดือนมีนาคม 2021 ก็มีแนวโน้มที่จะเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ Xbox Series X|S
แม้ในช่วงที่ผ่านมา ฟิล สเปนเซอร์ หัวเรือใหญ่ของไมโครซอฟท์ เกมมิง ยืนยันว่า ไม่มีความต้องการดึงชุมชนผู้เล่นของเกม Call of Duty ออกจากแพลตฟอร์ม PlayStation 5 ก็ตาม
ที่มา: WSJ
...