คอลัมน์ตอนสุดท้ายส่งท้ายปีเก่า 2554 (หรือปี 2011 ถ้านับตามคริสต์ศักราช) ผมขอสรุปความเคลื่อนไหวของวงการไอทีโลกในปีนี้ ว่ามีเหตุการณ์อะไรสำคัญที่น่าจดจำ ซึ่งเหตุการณ์หลายอย่างก็อาจมีผลต่อเนื่องไปยังโลกไอทีปี 2012 ด้วยครับ...

ผมเลือกเหตุการณ์ใหญ่จริงๆ ได้มา 7 เหตุการณ์ ไม่เรียงลำดับตามความสำคัญนะครับ

โนเกียจับมือไมโครซอฟท์ เลือกใช้ Windows Phone

เริ่มต้นปีในเดือนกุมภาพันธ์ เราก็เผชิญกับข่าวช็อกโลกมือถือ เมื่อราชันแห่งวงการมือถือ แชมป์อันดับหนึ่งตลอดกาลอย่างโนเกีย (ที่ยังเป็นแชมป์ยอดขายมือถืออยู่ แต่เสียแชมป์สมาร์ทโฟนให้แอปเปิล-ซัมซุงแล้ว) ประกาศว่าจะหันมาทำสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone ของไมโครซอฟท์

เดิมทีโนเกียใช้ระบบปฏิบัติการ Symbian ของตัวเองมายาวนาน แต่เมื่อยุค iPhone/Android เริ่มปรากฏ เจ้า Symbian ก็เก่าเกินจะแข่งขันกับคู่แข่งหน้าใหม่ได้ โนเกียเองก็รู้ซึ้งถึงเรื่องนี้ จึงแอบไปทำระบบปฏิบัติการอีกตัวหนึ่งไว้รอ ชื่อ MeeGo แต่ดันมีปัญหาภายในองค์กรมากมาย ทำให้ MeeGo ล่าช้ากว่ากำหนดไปมาก โนเกียจึงตกอยู่ในภาวะไปหน้าก็ลำบากแต่จะถอยก็ไม่ได้ ทางออกสุดท้ายคือยอมทิ้งอนาคตที่ยังไม่เป็นจริง อย่าง MeeGo และหันมาจับมือกับไมโครซอฟท์แทน

โนเกียตอบคำถามแฟนๆ ว่าทำไมไม่ใช้ Android ซึ่งคำตอบก็คือ มีผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android ในท้องตลาดเยอะมากแล้ว แถมกูเกิลก็ไม่แคร์โนเกีย ไม่ยอมปรับแต่ง Android ให้เป็นไปตามที่ต้องการให้ ถึงแม้โนเกียจะเป็นขาใหญ่มาขอร้องก็ตาม สุดท้ายหวยเลยไปออกที่ไมโครซอฟท์ ซึ่งทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อดึงโนเกียมาเป็นพันธมิตร Windows Phone แทน

ผ่านมาเกือบปี โนเกียออกมือถือ Windows Phone ตัวแรกมาแล้ว ในชื่อ Lumia ซึ่งน่าจะเข้ามาทำตลาดในบ้านเราปีหน้า เราจะได้เห็นกองทัพ Windows Phone จากฝั่งโนเกียออกมาถล่มตลาดโลกอย่างแน่นอนครับ

...

กูเกิลซื้อโมโตโรลา

ข่าวที่สองยังอยู่กับวงการมือถือครับ เป็นข่าวการซื้อกิจการครั้งสำคัญคือยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้นหา “กูเกิล” ประกาศเข้าซื้อ “โมโตโรลา โมบิลิตี้” ซึ่งเป็นกิจการฝ่ายมือถือของยักษ์สื่อสารโมโตโรลา (ไม่ได้ซื้อทั้งบริษัท)

กูเกิลนั้นหันมาลุยวงการมือถือด้วยระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่    กูเกิลก็ยังจำกัดตัวเองแค่การทำซอฟต์แวร์ แล้วปล่อยให้พันธมิตรอื่นๆ ทำตลาดฮาร์ดแวร์ต่อกันเอง อย่างไรก็ตาม รอบนี้กูเกิลกลับลำ 180 องศา เข้าซื้อบริษัทฮาร์ดแวร์อย่างโมโตโรลา เพื่อมาทำมือถือเสียเอง!

เหตุผลสำคัญของกูเกิลมีสองอย่าง อย่างแรก คือ ช่วงหลังวงการ Android โดนถล่มจากคู่แข่งด้วยการฟ้องละเมิดสิทธิบัตรซอฟต์แวร์มากขึ้นเรื่อยๆ กูเกิลจึงต้องหาอาวุธมาตอบโต้กลับ โดยเข้าซื้อโมโตโรลา ที่มีสิทธิบัตรของวงการโทรคมนาคมอยู่มาก ส่วนเหตุผลข้อสอง คือ คู่แข่งตัวฉกาจอย่างแอปเปิลนั้นออกแบบ iPhone ทั้งเครื่องด้วยตัวเอง ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ทำให้ iPhone ทำงานได้ดีกว่า Android ในหลายๆ จุด กูเกิลจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เองด้วยการซื้อกิจการ

ตอนนี้กระบวนการซื้อบริษัทยังไม่เรียบร้อย ต้องรออนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐในยุโรปและสหรัฐฯก่อน ปีหน้าน่าจะเสร็จเรียบร้อยดี และเมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย เราคงเห็นมือถือเจ๋งๆ จากโมโตโรลาออกมาบุกตลาดอีกครั้งแน่นอน



ลาก่อน Palm

Palm เป็นบริษัทที่ทำอุปกรณ์พกพา PDA มายาวนาน บริษัทเป็นผู้บุกเบิกตลาดนี้ แต่วิถีชีวิตก็ลุ่มๆ ดอนๆ ผ่านการเปลี่ยนเจ้าของมาหลายรอบ สุดท้าย Palm กลับมาอีกครั้ง ด้วยระบบปฏิบัติการ webOS ที่ทุกคนเห็นต้องร้อง ว้าว และสมาร์ทโฟน Palm Pre ที่มาคู่กัน

แต่ฐานะการเงินของบริษัทเล็กๆ อย่าง Palm สู้คู่แข่งลำบาก ทำให้โดนยักษ์ใหญ่แห่งวงการพีซีอย่างเอชพี ซื้อกิจการเมื่อปี 2010 โดยเป้าหมายของเอชพีคือ ต้องการระบบปฏิบัติการยุคใหม่อย่าง webOS มาทำสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต แข่งกับเขาบ้าง นอกจากนี้ยังมีแผนจะเอา webOS ไปใส่ในพรินเตอร์และพีซีอีกด้วย

ทุกอย่างดูจะไปได้สวยในปีที่แล้ว แต่ปัญหาภายในสารพัดของเอชพีเอง ทำให้แท็บเล็ตตัวแรกที่ใช้ webOS ซึ่งมีชื่อว่า TouchPad ต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า และสุดท้ายเอชพีก็ประกาศยุบแผนก Palm ทิ้ง เลิกทำ webOS ขาย ถือเป็นจุดจบของ Palm อย่างถาวร

เครือข่าย BlackBerry ล่มในยุโรปและอเมริกาเหนือ

ปี 2011 ไม่ใช่ปีที่ดีเลยของ RIM เจ้าของมือถือ BlackBerry เพราะนอกจากทำแท็บเล็ต PlayBook ออกมาไม่ประสบความสำเร็จแล้ว เครือข่าย BlackBerry ที่ค้ำจุนวงการการสื่อสารโลกมาหลายปี ยังประสบปัญหาทางเทคนิค ใช้งานไม่ได้ร่วมสัปดาห์ ทำให้นักธุรกิจในยุโรปและอเมริกาเหนือถูกตัดขาดจากระบบอีเมล์ขององค์กร และความน่าเชื่อถือในแบรนด์ BlackBerry ลดลงอย่างฮวบฮาบ

ผลจากปัญหาระบบเครือข่าย BlackBerry ล่ม ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเปลี่ยนมาใช้ iPhone/Android แทน และสถานการณ์ของ RIM ก็แย่ลงเรื่อยๆ ทั้งเรื่องราคาหุ้น ยอดขาย และผลประกอบการ แถมยังไม่มีแนวโน้มจะกลับมารุ่งเรืองได้ง่ายนักในปี 2012 เสียด้วย

...

Kindle Fire ใครว่าแท็บเล็ตมีแต่ไอแพดอย่างเดียว

สองข่าวก่อนหน้านี้มีแต่ความล้มเหลวของแท็บเล็ต ทั้ง PlayBook และ TouchPad ไม่มีใครสามารถโค่นไอแพดลงได้ แต่ข้อความนี้ไม่จริงเสมอไปครับ เพราะช่วงปลายปี เจ้าพ่อร้านหนังสือออนไลน์อย่าง อเมซอน แสดงให้เห็นแล้วว่า ไอแพดไม่ได้ไร้เทียมทานเสมอไป

แท็บเล็ตของอเมซอนมีชื่อว่า Kindle Fire ซึ่งอิงกับแบรนด์เครื่องอ่านอีบุ๊กเดิมของบริษัท ที่มียอดขายถล่มทลาย พอขยับขยายมาทำแท็บเล็ต Kindle Fire เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Android ของกูเกิล แต่เอามาโมดิฟายด์เสียแทบไม่เหลือคราบเดิม ทำให้มันใช้ง่ายขึ้นมาก กดปุ่มสองปุ่มก็เข้าถึงอีบุ๊ก หนัง เพลง เว็บไซต์ รวมถึงบริการอื่นๆ ของอเมซอนด้วย แถมมันยังใช้แอพฯของ Android ที่มีจำนวนมหาศาลได้อีกต่างหาก

แต่จุดเด็ดของ Kindle Fire อยู่ที่ราคาครับ เพราะอเมซอนขายแค่ 199 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6 พันกว่าบาทเท่านั้นเอง เหตุผลที่ถูกขนาดนี้ เพราะอเมซอนยอมขายเครื่องขาดทุน เพื่อล่อให้คนใช้เยอะๆ และทำรายได้จากการขายหนังสือ หนัง เพลง บน Kindle Fire แทน ผลก็คือขายดีถล่มทลายไม่แพ้ไอแพดเลย

คนที่อ่านแล้วอยากได้ คงต้องรอกันนานหน่อย เพราะตอนนี้ Kindle Fire ยังทำตลาดแค่ในอเมริกา และต่อให้หิ้วเครื่องเข้ามา บริการหลายอย่างก็ใช้นอกอเมริกาไม่ได้

...

Google+ ในที่สุดกูเกิลก็ทำโซเชียล เน็ตเวิร์กได้สำเร็จ

ถ้าเราสนใจเฉพาะบริษัทไอทีที่ทำธุรกิจออนไลน์ล้วนๆ คงไม่มีใครนึกถึงอย่างอื่นนอกจากกูเกิล แต่ก็มีหลายเรื่องที่กูเกิลไม่ได้เก่งที่สุดเสมอไป โดยเฉพาะเรื่องโซเชียล เน็ตเวิร์ก ที่เฟซบุ๊กเป็นหนามยอกอกกูเกิลมาตลอด กูเกิลเองก็พยายามแก้เกมหลายครั้งแต่ยังไม่เป็นผล ไม่ว่าจะเป็น Google Wave หรือ Google Buzz ที่ต้องม้วนเสื่อกลับไปทุกรอบ

แต่ปีนี้กูเกิลกลับไป “คิดใหม่ทำใหม่” ตั้งแต่ “หัวจรดเท้า” ผลออกมาค่อนข้างใช้ได้คือ Google+ (กูเกิลพลัส) โซเชียล เน็ตเวิร์กตัวใหม่ ที่มีจุดขายคือระบบ “แวดวง” เลือกจัดกลุ่มเพื่อนได้ และเลือกโพสต์ข้อความให้เพื่อนเห็นเป็นบางกลุ่มได้ ช่วยลดปัญหาหลายๆ อย่าง ที่เคยเกิดกับเฟซบุ๊กลง

กูเกิลพลัส ถือว่าทำผลงานได้ดีในปีแรก แต่ถ้าจะหวังไปโค่นเฟซบุ๊กก็ยังอีกยาวไกล แถมเฟซบุ๊กเองก็ปรับความสามารถแบบคล้ายๆ กับกูเกิลพลัสมาสู้กลับ ต้องรอดูว่าปีหน้ากูเกิลจะพัฒนากูเกิลพลัสไปในทิศทางไหนต่อครับ

อำลาอาลัย Steve Jobs

จริงๆ แล้วปี 2011 เป็นปีที่แอปเปิลมีผลงานที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไอแพด 2 ที่คนถือกันทั่วบ้านทั่วเมือง หรือไอโฟน 4S ที่น่าผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ยังขายดี แต่ทุกข่าวก็ต้องหลีกทางให้กับข่าวใหญ่ที่สุดประจำปีนี้ นั่นคือการเสียชีวิตของสตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ

จ็อบส์มีปัญหาสุขภาพมาหลายปีแล้ว แถมเขาก็รู้ตัว โดยประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอมาก่อนหน้าแล้ว การเสียชีวิตของเขาในปีนี้จึงไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายสักเท่าไรนัก แต่เมื่อมันเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอยู่ดี ความสามารถของจ็อบส์ในการสร้างผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ถือว่าอัจฉริยะ และคงหาคนมาทำแทนไม่ได้แล้ว

สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปคือ “แอปเปิลที่ไม่มีสตีฟ จ็อบส์” จะเป็นอย่างไรต่อไป ผมคิดว่าจ็อบส์วางระบบไว้ค่อนข้างดี ในระยะสั้นคงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก แต่ระยะยาวเป็นสิ่งที่แอปเปิลต้องพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งในปี 2012 ที่กำลังจะมาถึงนี้ แอปเปิลคงจะเปิดตัวไอแพด 3 อย่างแน่นอน และต้องรอดูว่า “ไอแพด” ตัวใหม่ ที่ไม่มีสตีฟ จ็อบส์ มาบงการ จะออกมาโดดเด่นแค่ไหนครับ

คอลัมน์ตอนหน้ารับปีใหม่ เราจะมาดูกันว่า ปี 2012 มีเหตุการณ์ในโลกไอทีใดที่น่าจับตาบ้าง.

...

มาร์ค Blognone